ตอนที่ 114

บทที่ 114 : จับทั้งหมดในคราวเดียว

ในฐานะเมืองหลวงของเฟิงโจว แม้ว่าเขตฉางเฟิงจะไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเท่ามณฑลลู่ แต่มันก็เป็นสถานที่ที่มีบุคคลสำคัญมารวมตัวกัน

ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ในเฟิงโจวมักจะอาศัยอยู่ที่นี่

ญาติและเพื่อนของเจ้าหน้าที่ในมณฑลล้วนมีฟาร์มและร้านค้าจำนวนมากที่นี่

มีหลายสำนักและหลายตระกูลมารวมกันที่นี่ โดยเฉพาะสำนักและตระกูลที่ควบคุมทองคำ แร่เหล็ก ธัญพืช เกลือ ผ้า ถ่านหิน และอุตสาหกรรมอื่นๆ พวกเขามีจำนวนมากถึง 20 กลุ่ม และแต่ละกลุ่มก็มีรากฐานมานานนับพันปี

ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาเองก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน โดยเฉพาะเขตฉางเฟิง เมืองนี้เพียงแห่งเดียวก็มียอดฝีมือขอบเขตสัมผัสโลกาปาเข้าไปหกคนแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีกลุ่มใหญ่เช่นเจ็ดตระกูลที่โด่งดังในเฟิงโจว และมันก็ไม่มีสำนักชั้นนำอย่างตำหนักเต๋าอี้ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถพัฒนากันได้อย่างอิสระ

คนเหล่านี้ล้วนเป็นทรราชท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางเฟิงและแม้แต่ในเขตฉางเฟิงทั้งหมด

มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับพวกเขา

แม้ว่าซุยเฮ็งจะประสบความสำเร็จในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐของเฟิงโจว แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะปราบปรามคนเหล่านี้ลงด้วยพลังของเขา

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่ฮุ่ยฉีมาถึงเมืองฉางเฟิง เขาจึงเลือกวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด

ฆ่าแม่ง!

เขาจัดลำดับรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลในเมืองที่เขาได้รับมันมาจากอู๋หยิน และหลังจากมาถึงที่นี่ เขาก็เริ่มไปเยี่ยมหาพวกเขาทีละคน

เขาตรงเข้าไปหาพวกเขาและถามถึงความภักดี

และใครก็ตามที่เลือกตอบในสิ่งที่ไม่ควร เขาคนนั้นก็จะถูกผู้ตรวจการรัฐคนใหม่ฆ่าตายในทันที!

เนื่องจากหน้าที่ของฮุ่ยฉีในปัจจุบันนั้นต้องข้องแวะกับคนที่ใหญ่โตกว่าแต่ก่อนมากขึ้น ดังนั้นซุยเฮ็งจึงได้เลื่อนขั้นให้ฮุ่ยฉี และตอนนี้เขาก็อยู่ที่ขอบเขตสัมผัสโลกาแล้ว

แม้จะไม่นับอักขระหมัดโพธิสัตว์มังกรสวรรค์ แต่ด้วยทักษะการต่อสู้ของเขา มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงง่ายมากสำหรับเขาที่จะจัดการกับทรราชเหล่านี้

ในตอนแรก เมื่อได้รับข่าวเรื่องการบุกโจมตีของฮุ่ยฉีโจมตีครั้งแรก ทรราชบางกลุ่มก็เริ่มจับมือกันและแม้กระทั่งจัดตั้งเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อส่งกองกำลังออกไปปิดล้อมและสังหารฮุ่ยฉี

อย่างไรก็ตาม เมื่อฮุ่ยฉีฆ่าผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ขุนนางในเมืองก็เริ่มที่จะทนรับความสูญเสียไม่ได้อีกต่อไป

บางคนถึงกับมีท่าทีเปลี่ยนไป

ตราบใดที่พวกเขาเห็นฮุ่ยฉีมาเยี่ยม เขาก็จะแสดงออกทันทีว่าพวกเขาพร้อมที่จะต้อนรับผู้ว่าการคนใหม่ด้วยความเคารพและจะไม่ปริปากบ่นใดๆ

แน่นอน แค่ฆ่านั้นก็ยังไม่เพียงพอ หลังจากที่ฮุ่ยฉีปราบปรามทรราชทั้งหมดเสร็จ เขาก็เริ่มใช้ความสามารถที่ดีที่สุดรองลงมาจากการฆ่า

ความสามารถในการยึดทรัพย์และแบ่งที่ดิน!

สามัญชนที่ถูกกดขี่โดยคนรวยและผู้มีอำนาจในเมืองฉางเฟิงมาเป็นเวลานานต่างก็โห่ร้องส่งเสียงเชียร์

นอกจากนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กล่าวว่านี่เป็นนโยบายที่ถูกออกโดยผู้ว่าการคนใหม่ ดังนั้นมันจึงทำให้ภาพของผู้ว่าการคนใหญ่ติดตราตรึงใจอยู่ในใจของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อซุยเฮ็งมาถึงทางเข้าเมืองฉางเฟิง เขาจึงเห็นประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนออกมารอต้อนรับเขาอย่างมีความสุข

และนี่ก็ไม่ใช่การจัดฉากแต่อย่างใด

พวกเขาล้วนเป็นผู้คนในเมืองที่ออกมารอต้อนรับเขาด้วยความจริงใจ

“ ท่านผู้ว่าการ ท่านยังไม่ได้เข้าไปในเมืองด้วยซ้ำ แต่ท่านก็ได้รับความรักจากผู้คนมากมายแล้ว สิ่งนี้พิสูจณ์แล้วว่าท่านนั้นสามารถปกครองเฟิงโจวได้!” อู๋หยินกล่าวอย่างตื่นเต้น เขาอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นผู้คนออกมารอต้อนรับใครอย่างอบอุ่นเท่านี้มาก่อน

“ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ เข้าไปในเมืองกันเถอะ!”

….

หลังจากถูกทุบตีด้วยกำปั้นเหล็กของฮุ่ยฉี ทรราชในท้องถิ่นก็เริ่มเชื่อฟังมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากการตายของเฉาฉวน อู๋หยินก็ได้เริ่มปกครองความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว

ดังนั้นหลังจากที่ซุยเฮ็งเข้ามารับตำแหน่ง เขาจึงไม่พบเรื่องยุ่งยากอะไรมากมายนัก

อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าควบคุมการเงินและกองทัพทั้งหมดในเฟิงโจวเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้พบเข้ากับปัญหาร้ายแรง

เขาต้องทำให้ทั้งเฟิงโจวดำเนินการตามนโยบายใหม่เพื่อที่เขาจะสามารถเก็บเกี่ยวแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากความโกลาหลของราชาหยาน ผู้คนในเฟิงโจวจึงลดเหลือน้อยลงอย่างสุดขีด พูดตามตรง บางมณฑลก็เหลือผู้คนอยู่ไม่มากนัก

ในสำนักงานว่าการ

“ หายนะจากสงครามนี่มันหนักหนาจริงๆ!” ซุยเฮ็งมองดูข้อมูลที่เขาเพิ่งได้รับมาและพูดไม่ออก “ ในเฟิงโจวอันกว้างใหญ่ มณฑลลู่เพียงแห่งเดียวก็คิดเป็น 30% ของประชากรทั้งหมดแล้ว!”

แม้ว่าเขาจะได้ทราบชื่อเสียงเรียงนามของกองทัพราชาหยานมานานแล้ว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความพินาศของเฟิงโจวทั้งหมดจากมุมกว้าง

นี่เป็นสิทธิพิเศษของผู้ว่าการรัฐ และเป็นข้อมูลที่มีเพียงเจ้าหน้าที่ดูแลรัฐเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้

เฟิงโจวมีหนึ่งเขตใหญ่และสิบสองมณฑล

ในฐานะเมืองหลวงของรัฐ เขตฉางเฟิงก็ได้รวบรวมตระกูลและสำนักชั้นสูงเอาไว้เป็นจำนวนมาก และแม้ว่าประชากรที่นี่จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับมณฑลลู่ แต่มันก็ยังมีมากกว่า 1.1 ล้านคน

ในบรรดา 12 มณฑล มณฑลลู่ก็เป็นมณฑลที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดและมีประชากรมากที่สุด พวกเขามีมากกว่า 1.3 ล้านคน

มณฑลซีหลิงซึ่งอยู่ติดกับมณฑลลู่เดิมมีประชากรมากกว่า 800,000 คน แต่หลังจากถูกกองทัพของราชาหยานบุกโจมตีอย่างราบคาบ เก้าในสิบของครัวเรือนจึงกลายเป็นว่างเปล่า และประชากรของพวกเขาก็เหลืออยู่น้อยกว่า 100,000 คน

มณฑลหยานซานเป็นสถานที่ที่กองทัพของราชาหยานปรากฎตัวขึ้น นอกจากนี้มันก็ยังถือเป็นแนวหลังของกองทัพของราชาหยาน มันมีการปกครองที่นั่นมาหลายปีแล้ว และความเป็นอยู่ของประชาชนจึงเลวร้ายไม่แพ้กัน

และในท้ายที่สุด พวกเขาก็เหลือประชากรอยู่เพียง 200,000 คนเท่านั้น

สำหรับเหอตง, หงหยวนและซือเหมิน พวกเขาก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรหยาน ดังนั้นธุรกิจของผู้คนส่วนใหญ่จึงได้หายไป และผู้คนก็ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ประชากรของพวกเขาเองก็ลดลงไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน นับเป็นบุญแล้วที่พวกเขายังเหลือกันมากกว่า 500,000 คน นอกจากนั้นก็คือมณฑลลั่วอันและฉางซิง

แม้ว่าสถานที่เหล่านี้จะไม่เคยประสบกับภัยสงครามเลย แต่ผู้ว่าการท้องถิ่นก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวยและสนใจเพียงแต่อำนาจทางทหารเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของประชาชนเลย และอีกคนหนึ่งเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

ด้วยเหตุนี้เอง ภายใต้การปกครองดังกล่าว มณฑลลั่วอันและฉางซิงจึงตกอยู่ในความยุ่งเหยิงโดยธรรมชาติ ผู้คนนับไม่ถ้วนอดตายและถูกแช่แข็งให้นอนหนาวตายอยู่ตามมุมเมือง มีผู้ลี้ภัยและขอทานอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง และอาจมีผู้คนคิดรวมกันน้อยกว่า 600,000 คนจากทั้งสองมณฑล

มณฑลหยูชูเป็นป้อมปราการชายแดน ประชากรเดิมเองก็มีน้อยกว่า 100,000 คน และไม่มีกลุ่มใหญ่หรือสำนักใด นอกจากนี้ มันก็มีพ่อค้าไม่มากนักในสถานที่ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้เอง การเข้ามาของซุยเฮ็งจึงไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก

โดยรวมแล้ว ประชากรของเฟิงโจวก็มีมากที่สุดประมาณสี่ล้านคนเท่านั้น

เมื่อซุยเฮ็งเห็นข้อมูลนี้ เขาก็รู้สึกไปไม่ถูก

เฟิงโจวกว้างใหญ่ขนาดไหนกัน?

ในแง่ของพื้นที่เพียงอย่างเดียว มันก็แทบจะเทียบได้กับหนึ่งในสิบของโลก

นอกจากนี้ มันก็ยังมีพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์มากมายที่เหมาะสำหรับการทำไร่ทำนาซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงถูกเรียกว่าเฟิงโจว

ในพื้นที่ขนาดใหญ่และอุดมสมบูรณ์เช่นนี้ เหตุใดมันจึงเหลือประชากรเพียงสี่ล้านคนเท่านั้นเอง?

นี่มันน่ากลัวขนาดไหนกัน!

ในความเป็นจริง สิ่งนี้ก็ไม่ได้ถือว่าแปลกอะไรในสังคมโบราณที่พังพินาศด้วยภัยสงคราม

อย่างไรก็ตาม สำหรับการฝึกตนของซุยเฮ็งแล้ว มันก็เป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่

ในสถานที่เช่นเหอตงและซีหลิงที่ได้รับภัยสงครามอย่างร้ายแรง แม้จะมีนโยบายใหม่แต่ก็ยังไร้ประโยชน์ นี่เป็นเพราะผู้คนที่นั่นถูกฆ่าตายไปนานแล้ว และมันก็แทบจะไม่เหลือใครให้ปกครองแล้ว

แม้ว่ามณฑลหงหยวนและซือเหมินจะประสบกับภัยสงครามเช่นกัน แต่มันก็ยังมีอารามมหาจำเริญและอารามดอกปทุมอยู่ในสองสถานที่นี้ ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

แต่ไม่ว่าจะยังไง ผู้คนที่นั่นก็ยังคงน้อยเกินไปอยู่ดี

แม้ว่าจะมีการใช้คำสั่งใหม่ของทางการในเฟิงโจวทั้งหมด แต่มันก็อาจจะไม่สามารถรวบรวมอารมณ์ทั้งเจ็ดได้มากเพียงพอ

เพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงมีแต่จะต้องกระจายนโยบายออกไปโดยรอบ!

นอกจากนี้ มันก็จะยังสามารถทำให้เกิดความไม่พึงพอใจในกลุ่มมณฑลอื่นๆ ได้

พูดง่ายๆ มันก็คือการขยายอาณาเขตและจำนวนประชากรของเฟิงโจว!

เจ๋ง!

ซุยเฮ็งวางกองข้อมูลลงและหลับตาลงเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่คนด้านล่าง ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ ฮุ่ยฉี เฉินตง จงฟังให้ดี”

ในขณะนี้ จางซูหมิง, ฮุ่ยฉี, หลิวหลี่เต๋า, เฉินตง, ซูเฟิงอันและอู๋หยินกำลังยืนรอคำสั่งอยู่ในห้องโถงด้านใน

ฮุ่ยฉีและเฉินตงก้าวไปข้างหน้าในทันทีเพื่อรับคำสั่ง

ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงต่ำ “ ฮุ่ยฉี หน้าที่ของเจ้าคือการออกไปลาดตระเวนเจ็ดมณฑล เจ้าจะรับหน้าที่เป็นตัวแทนของมณฑลลู่, ภูเขาหยาน, หงหยวน, ซือเหมิน, ลั่วอันและฉางซิงเพื่อดำเนินการตามนโยบายใหม่”

“ เฉินตง หน้าที่ของเจ้าคือผู้บัญชาการทัพ เจ้าจะติดตามฮุ่ยฉีไปยังมณฑลต่างๆ เป็นการชั่วคราวเพื่อดำเนินการตามนโยบายใหม่ เจ้าสามารถเกณฑ์ทหารและจัดตั้งกองทัพได้ หากเจ้าเห็นสามัญชนถูกรังแกที่ชายแดนติดกับรัฐอื่น เจ้าก็สามารถดำเนินการได้ตามต้องการ”

ทันทีที่ได้รับคำสั่งนี้ ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่านี่หมายถึงอะไร

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามจะขยายอาณาเขต!

“ ตามท่านบัญชา! เราจะทำตามคำสั่งของท่าน!”

ฮุ่ยฉีและเฉินตงตอบรับพร้อมกัน

หลิวหลี่เต๋าและซูเฟิงอันไม่มีการคัดค้านใดๆ พวกเขาคุ้นเคยกับสไตล์การทำงานต่างๆ ของซุยเฮ็งแล้ว ตราบใดที่เขาตัดสินใจจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว เขาก็จะทำมันอย่างแน่นอน

สำหรับจางซูหมิง เขาก็ปฏิบัติต่อซุยเฮ็งในฐานะราชาสวรรค์แล้ว

ราชาสวรรค์สามารถทำได้ทุกอย่างที่เขาต้องการโดยไม่ต้องขออนุญาตใคร

และไม่ต้องพูดถึงในโลกเบื้องล่างเลย แม้แต่ในโลกเบื้องบนก็ยังไม่ต่างกัน

“ ท่านผู้ว่าการ ท่านจะไม่รีบร้อนไปหน่อยหรอ?” อู๋หยินรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาก้าวไปข้างหน้าและพูดโน้มน้าวใจว่า “ ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะทำตามแผนมหาคลังสอดประสานเพื่อผลประโยชน์ของผู้คนบนโลก ซึ่งนั่นก็เป็นการกระทำที่ดี”

“ อย่างไรก็ตาม หากเรารีบดำเนินการเร็วเช่นนี้และถึงกับยึดเขตปกครองของรัฐอื่น ข้าก็เกรงว่ามันจะทำให้สำนักและตระกูลต่างๆ ในโลกโต้กลับเราอย่างบ้าคลั่ง”

“ 300 ปีที่แล้ว ราชาสวรรค์หงหวู่ได้สังหารผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทั้งหมดในโลกและกวาดล้างตระกูลและสำนักใหญ่ต่างๆ เขาเกือบจะรวมโลกเป็นหนึ่งเดียวและสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะประสบความสำเร็จ จู่ๆ เขาก็หายตัวไป แน่นอนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากเซียนและพระอรหันต์แห่งโลกเบื้องบน”

“ ท่านผู้ว่าการ เนื่องจากช่วงเวลา 100 ปีที่กำลังจะใกล้เข้ามา และบวกกับเซียนและพระอรหันต์แห่งโลกเบื้องบนที่กำลังจะลงมา หากท่านรีบร้อนมากจนเกินไป เหล่าเซียนและพระอรหันต์แห่งโลกเบื้องบนก็จะไหวตัวทันอย่างแน่นอน และข้าก็เกรงว่ามันจะเป็นการเพิ่มความทุกข์ยากให้กับท่าน ดังนั้นโปรดท่านพิจารณามันใหม่ด้วย”

“ ฮ่าฮ่า สิ่งที่เจ้าพูดนั้นคือสิ่งที่ข้ากำลังรออยู่เลย” ซุยเฮ็งหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพยักหน้าและพูดว่า “ ด้วยนโยบายของข้า สำนักและตระกูลใหญ่ที่เคยโจมตีหงหวู่เมื่อตอนนั้นก็จะต้องโผล่หัวออกมาอย่างแน่นอน”

“ ยิ่งไปกว่านั้น ในอีกสองเดือน เมื่อเซียนและพระอรหันต์แห่งโลกเบื้องบนลงมาและค้นพบนโยบายที่ข้าบังคับใช้ คนที่โจมตีหงหวู่ในตอนนั้นก็จะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้อย่างแน่นอน”

“ และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะสามารถจับตัวพวกมันทั้งหมดและนำพวกมันมาลงโทษได้!”

“ สิ่งนี้จะช่วยข้าได้มากขนาดไหนกัน?”

“ แบบนั้นแล้วทำไมข้าถึงจะไม่ทำล่ะ?”