ตอนที่ 57 - บทที่ 57 ไม่กะทันหันเกินไปเหรอ

บทที่ 57 ไม่กะทันหันเกินไปเหรอ?

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนออกมา แต่ฝูงชนที่ส่งเสียงดังเมื่อกี้ก็เงียบเสียงลง

จากนั้นสายตาเกือบร้อยคู่จับจ้องไปที่ทีมล่าที่กลับมาหรือเหยื่อที่พวกเขากำลังแบกกลับมาอยู่

หนึ่ง สอง สาม สี่ สี่งั้นหรือ..ไม่สิ ตัวที่เฉินฟานแบกมาด้วย เหยื่อห้าตัว!

โอ้พระเจ้า เมื่อไหร่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เคยเก็บเกี่ยวได้ผลมากขนาดนี้?

มีเสียงดัง "อึก"

หวังปิงกลืนน้ำลายเต็มปาก และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ข้าไม่..ข้าไม่ได้ฝันใช่ไหม?"

“น่าจะไม่..นะ ไม่ใช่ความฝัน”

จ้าวเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าหมองคล้ำและค่อนข้างสับสนเล็กน้อยเหมือนกัน

แต่เขามั่นใจมากว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

จางเหรินที่อยู่ด้านข้างก็แสดงอาการตกใจในดวงตาของเขาเช่นกัน

มันจะเป็นผลงานของเฉินฟานอีกครั้งได้ไหม? ใช่แล้ว..ไม่น่าจะมีใครที่มีความสามารถเท่าเขาแล้วล่ะ

ทีมล่าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า

เมื่อพวกเขาก้าวข้ามสะพานแขวนและเข้าไปภายในกำแพง ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจและเต็มไปด้วยความสุขของทุกคน พวกเขาก็วางเหยื่อลงบนพื้น

"ที่พวกเราได้รับเก็บเกี่ยวที่ดีในวันนี้ ต้องขอบคุณเสี่ยวฟาน" หลิวหยงหัวเราะเสียงดัง

"หือ?!!" เสียงประหลาดใจดังขึ้น

หลายร้อยสายตาจับจ้องมาที่เฉินฟาน

“ว้าว! พี่เฉินฟานยอดเยี่ยมมาก!” ดวงตาของเด็กหลายสิบคนจ้องมองเขาราวกับดวงดาว

เฉินเฉินก็เป็นหนึ่งในเด็ก ๆ ในขณะนี้ มองที่เฉินฟานด้วยความชื่นชม

“ครั้งที่แล้วเขาก็เอาเหยื่อกลับมาเยอะมาก และคราวนี้ก็มีเหยื่อเพิ่มขึ้นมาอีก แถมเพิ่มเป็นสองเท่าอีกด้วย”

“เขาเป็นผู้กอบกู้หมู่บ้านของเราจริงๆ”

คนเฒ่าร้องไห้ด้วยความยินดี

เหมิงหยูในฝูงชนก็ยิ้มแก้มปริออกมาเหมือนดอกไม้

“ลุงหลิว อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”

เฉินฟานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "วันนี้เป็นเครดิตของทุกคนสำหรับความสำเร็จมากมายเช่นนี้"

หลิงหยงและคนอื่น ๆ ผงะไปครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะออกมา

พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อล่าละมั่ง แต่เมื่อพวกเขาพบกับพวกหลี่เจียไจ้ในภายหลัง หากเฉินฟานไม่เคลื่อนไหวก็ไม่รู้แน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา และพวกเขาจะได้รับเหยื่อที่เป็นของตัวเองสักครึ่งหรือป่าวก็ยังไม่รู้

อย่างไรก็ตามทางที่ดีอย่าให้ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในภายหลังดีกว่า และแม้ว่าพวกเขาจะรู้มันก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

“เราวางแผนที่จะนำเหยื่อเหล่านี้ไปที่ซ่งเจียเป่าเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นข้าวและเกลือ หลังจากการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นเราจะแจกจ่ายให้กับทุกคน” เฉินกัวตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทุกคนพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และพวกเขาไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเลย เพราะบางคนไม่ได้กินเกลือมาหลายวันแล้ว

“นอกจากนี้ ข้าอยากจะบอกสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งแก่พวกเจ้า”

เฉินกัวตงอธิบายสิ่งที่กู่เจียงไห่ต้องการเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย

ทันใดนั้น มันก็เหมือนกับก้อนหินที่ตกลงสู่ทะเลสาบอันเงียบสงบ ทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมากขึ้น

“อะไรนะ ผู้คนจากกู่เจียไจ้ต้องการย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านของเรางั้นเหรอ?”

“จริงเหรอ? นี่มันกะทันหันเกินไปหรือป่าว?”

“การย้ายมาที่นี่เป็นสิ่งที่ดี มีคนมากขึ้นก็จะทำให้พวกเราแข็งแกร่งมากขึ้น ทีมล่าที่ออกไปล่าสัตว์ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน”

“ถูกต้อง และพวกเขายังสามารถปกป้องหมู่บ้านเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่มีเจตนาชั่วร้ายทำอันตรายหมู่บ้านได้เช่นกัน”

ส่วนประโยคสุดท้ายนี้ ไม่เพียงแต่สัตว์อสูรเท่านั้นที่จะโจมตีหมู่บ้านเล็กๆที่เหมือนค่ายพักแรมของพวกเขานี้ แต่คนบางคนก็จะทำก็มาปล้นหมู่บ้านได้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่มีอะไรจะเร็วไปกว่าการปล้นเพื่อให้ได้เงินหรืออาหาร

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายหมู่บ้านถูกทำลายด้วยเหตุนี้ ในช่วงสองหรือสามปีที่ผ่านมาแม้ว่าเรื่องอย่างนี้จะมีน้อยลง แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่เหยื่อและอาหารหายาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลอยู่บ้าง

“แต่ในกู่เจียไจ้มีคนไม่กี่คนไม่ใช่หรือ?”

“ได้ยินมาว่าพวกเขาก็คล้ายกับหมู่บ้านเรานะ ไม่สิ..เหมือนจะน้อยกว่าพวกเราด้วยซ้ำ แต่เมื่อรวมกับแล้วคนก็เยอะขึ้น ข้าไม่รู้ว่าอาหารจะพอไหม?”

หวังปิงและคนอื่นๆ ก็มองหน้ากันเช่นกัน

แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนใหม่เข้ามา ในตอนแรกพวกเขาเคยมีผู้คนสามหรือสี่ร้อยคนในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขากระจัดกระจายกระจัดกระจาย เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กแก่และอ่อนแอเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

แต่เมื่อมีจำนวนมากเข้ามาเป็นหมู่บ้าน แล้วพวกเขาจะมีอาหารกินกันพอไหม?

"ทุกคนเงียบไว้"

เฉินกัวตงปรบมือและหลังจากนั้นการสนทนาของทุกคนก็สงบลง เขาก็พูดเป็นครั้งสุดท้าย "ข้าได้ทำการตกลงไปแล้ว หากไม่มีอุบัติเหตุอะไรพวกเขาทั้งหมดจะย้ายมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ ข้าหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ จากนี้ไปพวกเราทั้งหมดจะเป็นประชากรที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน"

ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง บางคนแสดงความตื่นเต้น และบางคนก็ปิดปากเงียบ ๆ ด้วยความกังวลบนใบหน้า

“สำหรับการหาอาหารไม่ต้องกังวล ทักษะการยิงธนูของเสี่ยวฟานนั้นชัดเจนสำหรับทุกคน มีคนที่แข็งแกร่งน้อยกว่าเสี่ยวฟานเล็กน้อยในกู่เจียไจ้ เขาสามารถน้าวคันธนูที่มีแรงน้าวถึงแปดสิบปอนด์ได้ และทักษะการยิงธนูของเขาก็น่าทึ่งมาก” เฉินกัวตงพูดขณะมองไปที่เฉินฟาน

"ใช้แล้วล่ะ"

เฉินฟานพยักหน้า “เขาชื่อกู่เซ่อ เขามีอายุประมาณข้า แต่เขาก็แข็งแกร่งไม่น้อยกว่าข้าเลย”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ บรรยากาศก็เงียบลงทันทีและได้ยินเสียงแม้แต่เสียงลม

หวังผิงผิงและคนอื่นๆหายใจไม่ออก และแม้แต่จางเหรินก็แสดงอาการตกใจอย่างมาก

พวกเขารู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ของเฉินฟาน และมันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกู่เซ่อที่จะได้รับการประเมินจากเขาอย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้

“ใช่แล้ว ทุกคนไม่ต้องกังวล หลังจากที่ผู้คนจากกู่เจียไจ้มาถึง การดำเนิดชีวิตในหมู่บ้านของเราจะดีขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน”

"ถูกต้อง ไม่ต้องกังวล"

หลิวหยงและคนอื่นๆก็พูดสนับสนุนออกมาด้วยเช่นกัน

ถึงพวกเขาจะพูดแบบนั้นออกมา แต่พวกเขาคิดของพวกเขานั้นกลับตระโกนอยู่ในใจว่า กู่เจ๋อเขาเป็นผู้อเวคแล้ว!

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ บางคนที่เป็นกังวลในตอนแรกก็ค่อย ๆ คลายความกังวลออกไปเล็กน้อย

เฉินฟานบอกว่าคนๆ นั้นเกือบจะแข็งแกร่งพอๆ กับเขา นั่นหมายความว่าทีมล่าในอนาคตจะมีเหยื่อมากกว่าวันนี้หรือเปล่า! แล้วพวกเขาจะกังวลทำไมอีกล่ะ?

เฉินกัวตงและคนอื่นๆ มองหน้ากันและยิ้มออกมา

แม้ว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายแล้ว และพวกเขาก็รอเพียงให้กู่เจียงไห่และคนอื่น ๆ ย้ายเข้ามาในพรุ่งนี้ ส่วนบ้านพันในหมู่บ้านก็ยังพอมี อย่างที่บอกต้องรู้ว่าในยุคแรกที่รุ่งเรืองหมู่บ้านนี้สามารถรองรับคนได้สามหรือสี่ร้อยคน

และตอนนี้ด้วยคนที่จากไปและคนที่ตายไปก็เหลือเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน ความมืดมิดก็คืบคลานเข้ามาและมีกลิ่นหอมและเสียงหัวเราะในหมู่บ้าน

ทุกคนเต็มไปด้วยความปรารถนาถึงชีวิตอันมั่นคงในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อจะมีหน้าใหม่เข้ามามากมายในวันพรุ่งนี้ พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก

เฉินฟานหิวอย่างมาก เขากินเนื้อประมาณสามหรือสี่ชิ้นเท่านั้นตอนกลางวัน

ตอนนี้เขามาถึงขั้นที่ 3 ของขอบเขตการชำระล้างร่างกายแล้ว และแน่นอนว่าเขารู้สึกว่าความอยากอาหารของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี

เพราะท้ายที่สุด มีเพียงสองวิธีในการเพิ่มแต้มศักยภาพในขณะนี้ หนึ่งคือได้รับประจำวันจากระบบและมันเพิ่มจำนวนแต้มที่คงที่ในทุกๆวัน ในช่วงแรกก็พอคาดหวังอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นับได้ว่าเป็นครีมบนหน้าเค้กเท่านั้น

อีกประการหนึ่งคือการรับประทานอาหาร ปัจจุบันสำหรับการกินเนื้อสัตว์นั้นยิ่งกินก็ยิ่งได้เยอะ หลักฐานก็คือตอนนี้แม้ว่าเขาจะกินอิ่มแล้ว แต่แต้มก็ได้เยอะพอสมควร

เนื้อสัตว์อสูรเกือบสิบชิ้นสามารถเพิ่มแต้มศักยภาพของเขาได้ถึง 40 แต้ม

“ยังไม่อิ่มอีกเหรอ?”

ผู้หญิงคนนั้นมองดูฉากนี้แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้แล้วพูดว่า "ถ้าเจ้าไม่อิ่ม แม้จะไปทำอาหารเพิ่ม"

แม้ว่าเขาจะกินเนื้อมากกว่าสิบชิ้นในมื้อเย็นนี้ แต่เขาก็ไม่อิ่ม ดังนั้นเธอต้องการไปทำอาหารเพิ่มให้กับเขา เพราะถ้าเขาไม่อิ่มเขาจะมีพลังในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไร และเขาจะเอาพลังที่ไหนออกไปล่าสัตว์?

“แม่ ข้าอิ่มมากแล้ว”

เฉินฟานเรอออกมา ถ้าเขากินต่อได้ เขาก็จะกินมันแน่นอน

หยินฟางผู้เป็นแม่ยิ้มออกมาและมองไปที่เฉินเฉินเหมือนกัน

“พ่อครับแม่ครับ ข้าก็อิ่มเหมือนกัน” เฉินเฉินสัมผัสท้องกลมๆ ของเขา ใบหน้าเล็กๆ ของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจอย่างมาก

“พ่อ แล้วท่านล่ะ?”

เฉินฟานมองไปที่เฉินกัวตง

คนหลังพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นก็พักสักหน่อยแล้วไปฝึกศิลปะการต่อสู้กันเถอะ” เฉินฟานยิ้ม

“ฝึกศิลปะการต่อสู้งั้นเหรอ?” หยินฟางมองไปที่เฉินฟานด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงมองไปที่เฉินกัวตง

เฉินกัวตงสะดุ้งอยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "เสี่ยวฟาน ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าก็เกือบลืมไปแล้ว โอเคๆข้าจะไปเรียนศิลปะการต่อสู้กับเจ้าทีหลัง ยังไงก็ตามข้าจะไปเรียกลุงหลิวและคนอื่นๆก่อน”

"เยี่ยม"

เฉินฟานยิ้มออกมาอย่างเห็นด้วย

สำหรับสมาชิกของทีมล่าที่ออกไปล่าสัตว์ในตอนกลางวัน มันจะดีกว่าหากพวกเขากลับมาในช่วงบ่าย เพราะพวกเขาจะมีเวลาในการฝึกมากขึ้น และหากพวกเขาโชคไม่ดีและกลับมาในเวลากลางคืน พวกเขาจะสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น

ก่อนอื่นเขาต้องการเริ่มจากทีมล่าก่อน จากนั้นก็เป็นพวกเด็กๆและสุดท้ายผู้หญิงทีละขั้นๆ และอย่างดีที่สุดคือคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่กลาเป็นนักรบ ..นี้คือความฝันของเขา