“ตอนแรกก็เป็นแบบนั้นแหละ”
หลี่หยวนกันพยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของโจวโจว
“อย่างไรก็ตาม อาณาจักรไททันก็แข็งแกร่งมาก ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ตั้งแต่แรกเกิด และพรสวรรค์ในการต่อสู้ของพวกมันก็สูงมาก เมื่อถึงจุดสูงสุด พวกมันสามารถต่อสู้กับสามอาณาจักร ได้แก่ อาณาจักรออโรร่า อาณาจักรทาฮัน และอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนได้อย่างเท่าเทียม และกระทั่งยังสามารถเอาชนะทั้งสามอาณาจักรได้ด้วย”
“แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บหนักในตอนท้าย แต่ร่างกายที่แข็งแรงและพรสวรรค์ในการต่อสู้โดยธรรมชาติของอีกฝ่ายก็ทำให้เราไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ต่อมาอาณาจักรออโรร่าของพวกเราและอาณาจักรทาฮันก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นอีก สุดท้ายพวกเราจึงเลือกต่อสู้แบบกองโจรเพื่อแย่งชิงอัญมณีธาตุระดับสูงในดินแดนของพวกมันมาแทน”
“ส่วนอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนก็เลือกร่วมมือกับอาณาจักรไททัน ทำให้พวกมันได้รับอัญมณีธาตุระดับสูงทั้งสองอันนี้มาจากอีกฝ่ายโดยตรง อันที่จริง เหตุผลของสงครามของเราไม่ใช่แค่เพราะทรัพยากรอย่างอัญมณีธาตุระดับสูงเท่านั้น นอกเหนือจากความเกลียดชังที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายร้อยปีของสงครามแล้ว อาณาจักรไททันเองก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ชอบก่อสงคราม นอกจากนี้พวกมันยังเกิดขึ้นมาเพื่อกินสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย ดังนั้นมนุษย์เกือบล้านคนจึงถูกกลืนกินและสังหารโดยไททันทุกปีในเขตชายแดนของอาณาจักรออโรร่า”
ดวงตาของหลี่หยวนกันฉายแววความโกรธออกมาในขณะที่เขาพูด
เมื่อเขายังเด็ก เขาเคยนำกองทัพไปต่อสู้ เขาได้เห็นผู้กล้าไททันระดับเหนือสามัญคนหนึ่งด้วยตาของเขาเอง มันกินคนกว่า 100,000 คนในเมืองทั้งเมืองไปในคำเดียว
ฉากที่เหมือนฝันร้ายนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถลืมได้มานานหลายทศวรรษแล้ว
หลังจากประสบกับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันหลายสิบครั้ง เขาก็ตัดสินใจว่าการทำลายพวกไททันคือเป้าหมายในชีวิตของเขา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ แววตาของเขาก็สับสนขึ้นมา
เขายังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย แต่เขาก็ยังอยากจะทำลายอีกฝ่ายงั้นเหรอ?
สิ่งที่ไร้สาระที่สุดคือ… เหตุผลที่ความกดดันจากสงครามด้านข้างของพวกเขาผ่อนคลายลงนั้นก็เป็นเพราะ "การสนับสนุน" ของอาณาจักรไททันนั่นเอง
โชคชะตาช่างเล่นตลกกับผู้คนจริงๆ
เป็นเช่นนี้นี่เอง โจวโจวครุ่นคิด
คำพูดของหลี่หยวนกันสรุปแผนที่ความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ของสี่อาณาจักรในใจของเขา
ดูเหมือนว่าเขาต้อง ‘จัดการ’ กับอาณาจักรไททันนี้แล้วในอนาคตเพื่ออัพเกรดดินแดนของเขา
โจวโจวคิด
ในเวลานั้นเองขันทีหยวนเจี่ยก็เดินเข้ามา
“ฝ่าบาท นี่คืออัญมณีธาตุชีวิตและอัญมณีธาตุความตายทั้งหมดในคลังสมบัติขอรับ”
เขากล่าวด้วยความเคารพ
“มอบพวกมันทั้งหมดให้กับเจ้าตะวันสาดแสงที่อยู่ข้างๆ เจ้าซะ”
หลี่หยวนกันกล่าว
ขันทีหยวนเจี่ยอึ้งไป จากนั้นเขาก็มอบแหวนมิติวงหนึ่งให้กับโจวโจวอย่างเงียบๆ
โจวโจวรับมันมาและตรวจสอบของที่อยู่ภายในหลังจากเขาลงนามเป็นเจ้าของของมันแล้ว
นี่คือแหวนมิติที่มีความจุ 25 ลูกบาศก์เมตร มันมีกองอัญมณีสีเขียวและสีดำกองเล็กๆ อยู่ภายใน
พวกมันคืออัญมณีธาตุชีวิตและอัญมณีธาตุความตาย!
โจวโจวนับจำนวนดูและพบว่ามันมีอัญมณีธาตุชีวิต 512 อันและอัญมณีธาตุความตาย 633 อัน
โจวโจวดีใจมากในตอนแรก แต่จากนั้นเขาก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย
เงื่อนไขการอัพเกรดดินแดนของเขาคือการใช้อัญมณีธาตุระดับสูงอย่างละ 1,000 อัน
เขาย่อมมีอัญมณีธาตุสายฟ้าอยู่เพียงพอแล้ว แต่สำหรับอัญมณีธาตุชีวิตและอัญมณีธาตุความตายมันก็ยังไม่พอเลยแม้ว่าจะรวบรวมอัญมณีพวกนี้เข้าไปแล้ว
เขาเปิดตลาดซื้อขายขึ้นมาและมองไปยังการแลกเปลี่ยนที่เขาเพิ่งประกาศออกไป
หลังจากการรวบรวมอยู่ทั้งคืน เขาก็ได้ซื้ออัญมณีธาตุชีวิตมา 355 อันและอัญมณีธาตุความตาย 212 อัน
“ฉันยังขาดอัญมณีธาตุชีวิต 133 อันและอัญมณีธาตุความตายอีก 155 อัน”
โจวโจวคำนวณอยู่ในใจและพยักหน้า
ด้วยความเร็วในระดับนี้ เขาก็น่าจะรวบรวมอัญมณีทั้งหมดได้ในคืนนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้เช้า เมื่อถึงเวลาน้ันเขาก็จะสามารถอัพเกรดดินแดนของเขาได้ทันที
“ข้าสามารถซื้ออัญมณีระดับสูงพวกนี้ด้วยแกนหมอกระดับแพลตตินั่มขาวได้ ฝ่าบาทตกลงไหมขอรับ?”
โจวโจวถาม
หลี่หยวนกันส่ายหัว
“เจ้าทำประโยชน์ให้กับข้าและอาณาจักรของข้าเป็นจำนวนมาก อัญมณีระดับสูงพวกนี้จะไปมีค่าอะไร? ถ้าเจ้าต้องการ ข้าก็สามารถมอบพวกมันให้กับเจ้าได้ทั้งหมดเลย”
โจวโจวอึ้ง จากนั้นเขาก็ตกลงและไม่ปฏิเสธ
หลังจากนั้นโจวโจวและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากรู้ว่าสงครามของอาณาจักรออโรร่ากำลังอยู่ในดินแดนระดับเพชร เมืองมหาอำนาจ พวกเขาก็พาทุกคนไปยังที่นั่นทันที
…
ณ เมืองมหาอำนาจ บริเวณค่ายกลข้ามมิติ
ยานบินสีดำที่มีจุดแสงคล้ายดาวบนพื้นผิวได้ปรากฏตัวเหนือค่ายกลข้ามมิติในขณะที่มีแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมา
มันคือราตรีประดับดาว!
จากนั้นประตูใต้ยานราตรีประดับดาวก็เปิดออก และแสงสีขาวก็ส่องสว่างบนพื้น จากนั้นโจวโจว ไป่อี้ หลี่หยวนกัน และคนอื่นๆ ก็ลอยลงมาจากยานบินพร้อมกับแสงสีขาวนี้
“นี่คือครั้งแรกเลยที่ข้าได้นั่งยานบิน มันน่าจะเป็นเทคโนโลยีจากเผ่าพันธุ์จักรกลใช่ไหม?”
หลังจากหลี่หยวนกันปรากฏตัวขึ้นบนพื้น เขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์เล็กน้อยและถามออกมาด้วยความสงสัย
“ฝ่าบาท ท่านเคยเห็นเทคโนโลยีของเผ่าพันธุ์จักรกลมาก่อนเหรอ?”
โจวโจวพยักหน้าและถามด้วยความสงสัย
“ข้าเคยเห็นมาบ้าง แต่พวกมันก็เป็นแค่เทคโนโลยีระดับต่ำ มันไม่ได้ก้าวล้ำเหมือนกับยานบินของเจ้าเลย ส่วนเผ่าพันธุ์จักรกล ข้าก็ไม่เคยพบกับพวกมันมาก่อนเลย”
หลี่หยวนกันกล่าว
ในเวลานั้นเอง แม่ทัพหัวโล้นตัวผอมที่มีกล้ามเนื้อชัดเจนก็เดินเข้ามา
“คาราวะท่านลอร์ด!”
“คาราวะท่านเจ้าตะวันสาดแสง!”
เขากล่าวออกมาด้วยความเคารพ
“ท่านคือ?”
โจวโจวถาม
“ชื่อของเขาคือเจิ้งหยู เขาคือเจ้าเมืองของเมืองมหาอำนาจและเป็นหนึ่งในแม่ทัพของอาณาจักรออโรร่า นอกจากนี้เขายังไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาคือเจ้าของพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรออโรร่าของพวกเรา พลังเจ้าแห่งลอร์ด ตราบใดที่เขาฝึกฝน ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“เจิ้งหยูกลายเป็นลอร์ดทันทีที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่ หลังจากผ่านไปกว่า 30 ปี เขาได้ฝึกฝนความแข็งแกร่งของเขาทุกวัน ในแง่ของความแข็งแกร่งแล้ว แม้แต่ผู้กล้าทั้งสามคนของอาณาจักรออโรร่าก็ยังไม่อาจเทียบได้กับคนผู้นี้”
หลี่หยวนกันยิ้ม
เจิ้งหยูไม่ได้พูดอะไรและเกาหัวล้านๆ ของเขาอย่างเขินๆ
“เรียกเขาว่าเจ้าเมืองเจิ้งก็ได้”
เมื่อโจวโจวได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ้มออกมาทันทีและยื่นมือไปจับมือกับอีกฝ่าย
เจิ้งหยูอึ้งไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นธรรมเนียมเช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็ยังเอื้อมมือออกไปจับกับโจวโจว
โจวโจวยิ้ม
ถุงมือปล้นของจอมโจร เปิดใช้งาน!
หน้าจอเสมือนจริงอันหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของโจวโจว มันแสดงไอเท็มต่างๆ ของเจิ้งหยูที่เขาสามารถช่วงชิงได้พร้อมทั้งเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จ
ไม่ต้องสงสัยเลย เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จของมันสูงกว่า 90% ทั้งนั้น!
โจวโจวตรวจสอบคร่าวๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะจดจ้องไปยังชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเพชรของอีกฝ่าย
เขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายมีชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเพชรอยู่ 4 อัน
มันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว เขาได้ช่วงชิงมันมาในทันที!
หลังจากการช่วงชิงสำเร็จ โจวโจวก็ยิ้มและถอนมือกลับมา
สุดยอด!
ในตอนนี้เขาขาดชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเพชรอีก 6 อันเพื่อใช้ในการอัพเกรดพรแห่งเทพสงครามแล้ว
“นี่คือมารยาทในการพบปะเพื่อนฝูงจากบ้านเกิดของเรา ข้าหวังว่าท่านเจ้าเมืองเจิ้งจะไม่ถือสาอะไร”
โจวโจวถอนมือขวากลับมาและยิ้มตามปกติ
เจิ้งหยูไม่ได้รู้สึกว่าเขาสูญเสียอะไรไป ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวออกมาและกล่าวว่า
“เจ้าตะวันสาดแสงก็สุภาพเกินไปแล้ว ข้าจะไปติดใจอะไร?”
“เอาล่ะ มาเริ่มการประชุมกันเถอะ การต่อสู้เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
หลี่หยวนกันขัดจังหวะ
“ฝ่าบาท พวกเราเพิ่งรับมือกับการโจมตีของศัตรูไปหนึ่งรอบ ตามนิสัยการโจมตีของอีกฝ่าย การรุกรอบต่อไปอาจจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วโมง”
หลี่หยวนกันและโจวโจวพยักหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวโจว
“ในครึ่งชั่วโมง ฉันสงสัยเหลือเกินว่าจะทำให้พวกมอนสเตอร์แปรพักตร์ได้กี่ตัว?”
เขาตั้งตารอ