ตอนที่ 512 : ต่อสู้กับซาโคโมะ (2)

ในเวลานั้นเอง เกาเฉียวก็รู้สึกว่ามันมีเพียงดวงตาคู่นี้เท่านั้นในโลกใบนี้

ดวงตาของมันดูเหมือนจะบรรจุไว้ซึ่งความหวาดกลัวขั้นสูงสุดของสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบที่มีต่อแนวคิดเรื่องความตาย!

ร่างของเกาเฉียวแข็งทื่อ

จากนั้นภายใต้สายตื่นตะลึงของซาโคโมะ เกาเฉียวก็เคลื่อนไหวได้อย่างอัศจรรย์

พรสวรรค์–ความตายอันทรงเกียรติ!

ทักษะผู้กล้า–ทวยเทพสนทยา!

พรสวรรค์ความตายอันทรงเกียรติทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อเขาใกล้ตาย!

ส่วนทักษะผู้กล้าทวยเทพสนทยาทำให้เขาเพิกเฉยต่อบัฟด้านลบทางจิตใจของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้ แม้ว่าจะเป็นของจิตวิญญาณเทพเจ้าก็ตาม!

ยกตัวอย่างเช่นพรั่นพรึงมรณะที่มาจากแนวความคิดเรื่องความตายตรงหน้าของเขา!

สำหรับเกาเฉียว การต่อสู้จนตัวตายกับสิ่งมีชีวิตสายเลือดระดับสูงคือวิธีการตายที่เขาปรารถนาที่สุด

สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่อาจจะกลัวความตายเช่นนี้ แต่เขาก็คิดว่านี่เป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับเขา!

เขาย่อมไม่กวาดกลัวต่อความตายเช่นนี้

“ฮ่าๆๆ!”

เกาเฉียวหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเขาก็ไม่สนใจรอยเลือดรูปกากบาทบนหัวใจของเขาราวกับว่าเขาไม่รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะหยุดเต้นเลย เขาถือขวานคมกริบเอาไว้และฟันเข้าใส่ซาโคโมะ

ทักษะผู้กล้า—เคล็ดวิชาขวานพิฆาตมังกร!

มังกรในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เหล่ามังกรเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น แต่มันยังหมายถึงทุกสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดอันสูงสุง!

นี่คือทักษะผู้กล้าที่ใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดระดับสูง! นอกจากนี้มันยังเป็นทักษะต่อสู้ที่ลึกซึ้งมากด้วย!

ซาโคโมะรู้สึกว่าถูกคุกคามเป็นอย่างมากจากทักษะผู้กล้านี้

มันถือดาบคู่เอาไว้และต่อต้านด้วยพลังทั้งหมด แต่มันก็ถูกสะกดเอาไว้ด้วยทักษะการต่อสู้ที่เหนือล้ำกว่าและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ!

บาดแผลปรากฏขึ้นบนร่างของซาโคโมะมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของมันไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ในอึดใจต่อมา เกาเฉียวที่ถูกส่งให้กระเด็นออกไปก็ขว้างควานโลหิตในมือของเขาออกมา

ขวานโลหิตเป็นดั่งสายฟ้า และในพริบตา มันก็ฟาดเข้าใส่แขนขวาของอีกฝ่ายและตัดแขนของซาโคโมะทิ้งไป

แม้แต่ซาโคโมะก็ยังอดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่ได้

นี่เป็นเพราะการโจมตีนี้มีผลกับดวงวิญญาณของมันด้วย มันไม่เพียงแต่เฉือนร่างกายของมัน แต่ยังเฉือนดวงวิญญาณของมันไปด้วย ซึ่งมันก็สร้างความเจ็บปวดให้กับมันเป็นพันๆ เท่า!

ในเวลานั้นเอง วิกฤตแห่งความตายที่น่าพรั่นพรึงมากก็เข้าปกคลุมหัวใจของมันในทันใด

และจากนั้นมันก็ตระหนักได้ว่าท้องฟ้าได้มืดดับลงไป

หรือถ้าให้ชัดๆ มันได้ตระหนักว่าโลกของมันได้กลายเป็นสีดำ ราวกับว่ามันถูกห่อหุ้มด้วยม่านสีดำมืด

ในโลกอันดำมืดนี้ ซาโคโมะตระหนักได้ว่าการรับรู้ของมันถูกจำกัดเป็นอย่างมาก

และในทันใดนั้นเอง เงาโลหิตร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน

มันคือเทพดาบราคชาซารัตติกาลซวีอัน!

เขาตวัดดาบออกไปเบาๆ เพื่อตัดแขนซ้ายของซาโคโมะ

ซาโคโมะไม่มีเวลาให้คิดเมื่อมันเห็นเช่นนี้ มันรีบควบคุมดาบคู่ดาราทมิฬให้ลอยกลับมาและฟันเข้าใส่ซวีอันที่อยู่ตรงหน้า

ซวีอันที่ถูกโจมตีกลายเป็นเงาโลหิตและหายตัวไป และซวีอันอีกร่างก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของซาโคโมะ จากนั้นก็ตัดขาขวาของมัน

หลังจากซาโคโมะควบคุมดาบคู่ดาราทมิฬให้ลอยกลับมาอีกครั้ง มันก็ตระหนักได้ว่าซวีอันร่างนี้ก็เป็นร่างเงาโลหิตด้วย

ร่างเงาโลหิตของซวีอันปรากฏขึ้นทีละร่างและหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากสบั้นส่วนต่างๆ ของร่างกายซาโคโมะไปแล้ว

หลังจากทำแบบนี้ซ้ำๆ ไปถึงครั้งที่เก้า

ดาบที่เก้าของซวีอันก็สบั้นศีรษะของซาโคโมะ

“ตามที่คาดไว้จากสาวกของเทพแห่งความตาย”

ซวีอันพูดออกมาอย่างใจเย็นเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย

ม่านรัตติกาลทมิฬที่เขาได้สร้างขึ้นมาได้หายไปแล้ว และเขาก็เห็นเกาเฉียวทำหน้าไม่พอใจเท่าไร

“เจ้าขโมยเหยื่อของข้า มันไม่มีเกียรติเอาซะเลย” เขาพูดออกมาด้วยความโกรธ

อาการบาดเจ็บของเขาได้ฟื้นตัวแล้วด้วยความช่วยเหลือของโลหิตเทวะ

แม้แต่หัวใจของเขาที่หยุดเต้นไปก็เริ่มกลับมาเต้นอีกครั้ง

ซวีอันไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในตอนนี้มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมหรือเกียรติอยู่ในสายตาของเขาเลย

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการจัดการกับเป้าหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด

ถึงกระนั้น อีกฝ่ายก็แข็งแกร่งจริงๆ แข็งแกร่งซะยิ่งกว่าเขาอีก

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเกาเฉียวได้ทะลวงเยื่อหุ้มสีดำบนร่างกายของอีกฝ่ายก่อนและทำให้เกิดข้อบกพร่องในการป้องกันทางกายภาพของอีกฝ่าย เขาคงไม่สามารถจัดการกับอีกฝ่ายอย่างง่ายดายด้วยสังหารเงาโลหิตได้

มันอาจจะยากมากที่จะบรรลุผลลัพธ์นี้เพราะมันเป็นการป้องกันทางกายภาพที่เกิดจากทักษะแห่งกฎเกณฑ์เทียม

เขาไม่ได้มีทักษะแห่งกฎเกณฑ์เทียมหรือทักษะแห่งกฎเกณฑ์จริงๆ เพื่อใช้รับมือกับมันเลย เขาไม่มีแม้แต่ทักษะผู้กล้าอย่างเคล็ดวิชาขวานพิฆาตมังกรที่ใช้รับมือกับสายเลือดระดับสูงโดยเฉพาะ เขามีแค่ทักษะการโจมตีทั่วๆ ไปเท่านั้น

“ท่านลอร์ดมียอดฝีมืออยู่มากมายจริงๆ”

ซวีอันถอนหายใจออกมา

เมื่อวานเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนตะวันสาดแสงอยู่เลย

มาวันนี้ตำแหน่งนี้ก็ได้เปลี่ยนมือไปแล้ว

แรงกดดันสูงขึ้นเล็กน้อยจริงๆ

เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและนำศพของซาโคโมะไปให้กับท่านลอร์ด

สำหรับทหารสองล้านตัวจากกองทัพรัตติกาลเห่าหอน พวกมันก็ได้ถอนตัวกลับไปแล้ว

ความตายของซาโคโมะไม่ได้สูญเปล่าเลย

อีกด้านหนึ่ง โจวโจวมองไปยังการแจ้งเตือนเรื่องการสังหารตรงหน้าของเขา

[ลูกน้องของท่าน คนขายเนื้อ—เกาเฉียวและเทพดาบราคชาซารัตติกาล—ซวีอัน สังหารข้ารับใช้วิญญาณแห่งความตายระดับมหากาพย์ขั้นต้น—ซาโคโมะ ได้รับพลังงานเสริมแกร่ง+400,000,000! สามารถเก็บไอเท็มดรอปได้แล้ว!]

[พรแห่งเทพสงคราม: คนขายเนื้อ—เกาเฉียวและเทพดาบราคชาซารัตติกาล—ซวีอันได้รับพลังงานเสริมแกร่งเพิ่มเติม 8,000,000,000!]

[ประวัติผู้กล้าของคนขายเนื้อ—เกาเฉียวและเทพดาบราคชาซารัตติกาล—ซวีอันได้รับการอัพเดต!]

โจวโจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ลูกน้องสองคนนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ

หลังจากใช้เทพแห่งความตายจุติแล้ว ความแข็งแกร่งระดับมหากาพย์ขั้นต้นของซาโคโมะก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับตำนาน นอกจากนี้มันยังกลายเป็นยอดฝีมือระดับตำนานที่สามารถใช้ทักษะแห่งกฎเกณฑ์เทียมได้ด้วย!

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ยอดฝีมือเช่นนี้ก็ยังถูกสังหารโดยซวีอันและเกาเฉียว

พวกเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ ตามที่คาดไว้จากผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกดึงดูดมาโดยคะแนนชื่อเสียงและคะแนนชื่อเสียงระดับเทวะ!

ในไม่ช้าซวีอันก็นำศพของซาโคโมะมาให้กับโจวโจว และเกาเฉียวก็ตามมาติดๆ

“มันเป็นเพราะข้าไร้ความสามารถเองที่ทำให้กองทัพรัตติกาลเห่าหอนสองล้านตัวหนีรอดกลับไปได้!”

ซวีอันก้มหัวลง

เกาเฉียวเองก็มีปฏิกิริยาด้วยและรีบก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าสองคนทำได้ดีมากแล้ว”

โจวโจวยิ้ม

เขาไม่ได้สนใจกองทัพรัตติกาลเห่าหอนสองล้านตัวที่หนีไปได้เลย

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขาสามารถสังหารกองทัพรัตติกาลเห่าหอนสองล้านตัวได้แต่ซาโคโมะสามารถหลบหนีไปได้แทน เขาก็อาจจะไม่พอใจก็ได้

ทั้งสองคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

โจวโจวเก็บศพของซาโคโมะมาและเตรียมที่จะเก็บไอเท็มดรอป

จากนั้นเขาก็ลอยออกไปอยู่ตรงหน้าของเหล่าทหารและมองไปยังบาเรียเทพมังกรสีน้ำเงิน

“บาเรียเทพมังกรเวิ้งทะเล… มันช่างเป็นอุปกรณ์ป้องกันเมืองหลวงที่ดีจริงๆ”

โจวโจวพึมพำ

จากนั้นเขาก็มองไปยังราชาแห่งอาณาจักรทาฮันที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าดำคล้ำอยู่ในเมืองหลวง

“ทาฮัน เจ้ามองดูพวกเราตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงแล้ว เจ้าดูพอรึยัง?”

โจวโจวพูดอย่างใจเย็น

เสียงของเขาดังก้องไปทั่วรัศมี 50 กิโลเมตร

การรับรู้ของเขาสุดยอดมาก เมื่อเขามาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เขาก็รู้สึกถึงการจ้องมองที่ร้อนรุ่มจากภายในเมืองหลวง เพียงแค่กวาดสายตาดูเขาก็รู้ว่ามันคือราชาแห่งอาณาจักรทาฮันหลังจากได้เห็นข้อมูลของอีกฝ่าย

ราชาทาฮันย่อมได้ยินมัน

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและมองเขาอย่างเย็นชาเท่านั้น

โจวโจวไม่ได้พูดอะไรอีก

สายตาของเขามองไปยังบาเรียเทพมังกรเวิ้งทะเลอีกครั้ง และหัวใจของเขาก็เต้นผิดจังหวะ

เขาพลิกมือขวาของเขา และธนูระดับเพชรขั้นสูงอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

จากนั้นเขาก็รั้งคันธนู พลังงานโกลาหลต้นกำเนิดในร่างกายของเขาพุ่งออกมา และก่อตัวขึ้นเป็นลูกศรแห่งความโกลาหลบนธนู

ปัง!

ลูกศรเป็นดั่งสายฟ้าฟาด!

ลูกศรแห่งความโกลาหลได้กลายเป็นลำแสงอันวุ่นวายและพุ่งเข้าใส่บาเรียเทพมังกรเวิ้งทะเลในชั่วพริบตา

เปรี้ยง…

ลูกศรเจาะเข้าไปในบาเรีย

จากนั้นรอยแตกก็แผ่กระจายอย่างรวดเร็วไปทุกทิศทุกทางโดยมีจุดที่ถูกโจมตีเป็นจุดศูนย์กลาง

ครืน…

ภายใต้สายตาอันตกตะลึงของทุกๆ คน บาเรียเทพมังกรเวิ้งทะเลที่กองทัพรัตติกาลเห่าหอนสองล้านตัวได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อโจมตีอยู่ตั้งนานก็ยังไม่พังทลายลง…

มันกลับแตกสลายลงเพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียวเองเหรอ?!