บทที่ 165 : งานเลี้ยงอาหารมื้อสุดท้าย
“ งั้นก็เล่ามาสิ”
น้ำเสียงของซุยเฮ็งนั้นอ่อนโยนมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นพี่ใหญ่ที่ใจดี อย่างไรก็ตามพยัคฆ์ขาวก็ไม่คิดว่าซุยเฮ็งจะพูดคุยด้วยได้ง่ายๆ
ตอนนี้เขาสามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขานี้คือผู้ที่รับผิดชอบที่นี่ตัวจริง
ซุยเฮ็ง!
นี่คือผู้บงการที่แท้จริง!
จากปฏิกิริยาของหวังตงหยางและผู้รับใช้สุดแกร่ง พยัคฆ์ขาวก็เข้าใจแล้วว่าเขาคิดผิด
ยักษ์ที่เอาชนะเขาได้นั้นไม่ใช่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังซุยเฮ็ง
แต่เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของซุยเฮ็ง!
เพื่อให้เทวาที่ทรงพลังเป็นลูกน้องของตนได้ ซุยเฮ็งจะต้องทรงพลังมากแค่ไหนกัน?
ราชาสวรรค์?
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พวกเขาก็ล้วนเป็นบุคคลสำคัญที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ แม้ว่าสำนักเซียนฝึกอสูรจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็จะไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแน่
อย่างน้อยๆ ซุยเฮ็งก็น่าจะเป็นถึงราชาสวรรค์และมีผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเทวา ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวตนที่พวกเขาไม่สามารถจะไปรุกรานได้
บางทีหากเรื่องนี้ไปถึงหูของสำนักเซียนฝึกอสูร พ่อบุญธรรมของเขาก็อาจจะฆ่าเขาทิ้งเพื่อขอขมาต่อราชาสวรรค์องค์นี้
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว พยัคฆ์ขาวก็ตัวสั่นอย่างอดไม่อยู่
ด้วยเหตุนี้เอง พยัคฆ์ขาวจึงไม่มีความตั้งใจที่จะต่อต้านอีกต่อไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดด้วยความเคารพว่า “ ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ข้าจะบอกท่านเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เขาเปิดเผยสถานการณ์ของกองกำลังอื่นๆ ที่ลงมายังโลกเบื้องล่างในทันที
และมันก็ละเอียดมาก
แม้ว่าซุยเฮ็งจะได้รับข้อมูลมากมายมาจากหวังตงหยางและอีกสองคนแล้ว แต่พยัคฆ์ขาวก็เป็นถึงเซียนปฐพีและยังมาจากสำนักเซียน ดังนั้นเขาจึงรู้มากกว่าพวกเขาทั้งสามคน
เขาสามารถบอกได้ว่ากองกำลังใดบ้างที่ส่งคนลงมา มันมีกี่คนที่ลงมา พวกเขาอยู่ที่ไหน และแม้แต่จำนวนผลึกน้ำค้างสวรรค์ที่พวกเขาสามารถได้รับในครั้งนี้
ภายใต้สถานการณ์ปกติ สำนักเซียนสองสำนักก็จะลงมาในแต่ละครั้ง หนึ่งอยู่ในต้าจินและอีกหนึ่งอยู่นอกต้าจิน
หนึ่งเซียนปฐพีและสิบเซียนมนุษย์
นอกต้าจินคือสำนักเอกาเทวะ ในขณะที่ในต้าจินคือสำนักเซียนฝึกอสูร
ทางฝั่งของตระกูลขุนนาง มันก็มีเก้าตระกูลที่โด่งดังและสี่ตระกูลที่มีกิ่งก้านสาขาอยู่ในทุ่งหญ้า
รายชื่อตระกูลที่โด่งดังทั้งเก้านั้นเหมือนกันกับโลกเบื้องล่าง พวกเขาทั้งหมดส่งเซียนมนุษย์มาแค่ตระกูลละสามคน
กองกำลังหรือบุคคลพิเศษที่มั่งคั่งและทรงพลังอาจส่งเซียนปฐพีลงมาด้วย
ขณะเดียวกัน รากฐานและความแข็งแกร่งของตระกูลขุนนางทั้งห้าที่อ่อนแอลงเล็กน้อย มันก็จะมีเซียนมนุษย์เพียงหนึ่งถึงสองคนเท่านั้น
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกส่งมาเพื่อรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์โดยเฉพาะ
นอกเหนือจากนั้น มันก็ยังมีสำนักเซียนและอารามพุทธศาสนาที่ลงมาด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งเหตุผลหลักก็คือเพื่อ "ชำระล้าง" โลกเบื้องล่าง
ตัวอย่างเช่น ในตอนที่พวกเขาปิดล้อมสำนักเซียนอรุณเมื่อ 100 ปีก่อนและกวาดล้างกองกำลังของราชาสวรรค์หงหวู่เมื่อ 300 ปีก่อน
ก่อนหน้านี้ซุยเฮ็งได้รู้จากหวังตงหยางแล้ว โถงพุทธมามกะเป่าหลินจะปิดล้อมรอบสำนักเซียนอรุณและตำหนักเต๋าอี้
อย่างไรก็ตาม หวังตงหยางก็รู้เพียงว่าสำนักเซียนใดบ้างที่ลงมา เขาไม่รู้ว่าสำนักเซียนเหล่านี้ส่งคนลงมากี่คนและพวกเขาอยู่ที่ขอบเขตใด
มันมีเพียงพยัคฆ์ขาวเท่านั้นที่รู้รายละเอียดที่แท้จริง
การปิดล้อมในครั้งนี้นำโดยโถงพุทธมามกะเป่าหลิน และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น พวกเขาได้ส่งพระโพธิสัตว์ 12 องค์ลงมาโดยตรง ว่ากันว่าพวกเขาจะถือตราธรรมของพระพุทธเจ้าเป่าหลินลงมาด้วย
นอกจากนี้ สำนักศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ, ศาลาดาราวัฏจักรสวรรค์ เมืองเมฆขาว และสำนักเต๋าสูญก็จะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน พวกเขาจะส่งเซียนปฐพีสามคนและเซียนมนุษย์ห้าคนลงมา นอกจากนี้ พวกเขาก็ยังจะเกณฑ์ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพจากโลกมนุษย์มาอีกด้วย
มันมีพระโพธิสัตว์ทั้งหมด 12 องค์, เซียนปฐพี 12 คน, เซียนมนุษย์ 20 คนและผู้ฝึกตนขอบเขตเทพอีกจำนวนมาก
สำหรับสำนักเซียนอรุณและตำหนักเต๋าอี้ในปัจจุบันแล้ว นี่ก็เป็นกองกำลังที่อยู่เหนือพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง
มันเป็นเพียงกลุ่มที่สร้างขึ้นมาโดยสำนักเซียนและอารามพุทธของโลกเบื้องบนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์การต่อสู้ที่เลวร้ายเหมือนอย่างเมื่อร้อยปีที่แล้วขึ้นอีก
พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำลายสองสำนักนี้ลง
จางซูหมิงและเจิงหนานซุนที่ยืนอยู่ด้านข้างตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อพวกเขาได้ยินคำอธิบายของพยัคฆ์ขาว
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะซุยเฮ็ง พวกเขาก็คงจะต้องตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย!
พยัคฆ์ขาวรู้สึกเย็นวาบลงมาถึงกระดูกสันหลังในทันที เขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรของคนทั้งสองที่อยู่ไม่ไกล
ในอดีต เขาก็จะไม่แม้แต่สนใจมองผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ
แต่ตอนนี้ เขาก็ทำได้เพียงนอนลงกับพื้นอย่างระมัดระวังและไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง
เขาจะต้องตายแน่!
“ พวกเขาลงทุนหนักมากจริงๆ” การจ้องมองของซุยเฮ็งดูเย็นชาเล็กน้อยในขณะที่เขาเย้ยหยัน “ ทั้งหมดนี้เพียงเพราะวิธีการฝึกตนของสำนักเซียนอรุณนั้นแตกต่างจากของพวกเจ้าหรอ?”
เขารู้สึกว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างไกลตัว หรือบางทีมันอาจจะมีเหตุผลเบื้องหลังที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
“ ข้า.. ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” พยัคฆ์ขาวกำลังจะร้องไห้
เหตุผลในการทำลายตำหนักเต๋าอี้นั้นชัดเจนมาก
นี่เป็นเพราะตำหนักเต๋าอี้ได้ร่วมมือกับตระกูลเป่ยแห่งหลินเจียงและราชวงศ์ต้าโจวแห่งโลกเบื้องบนเพื่อต่อต้านการปกครองของเก้าสำนัก พวกเขากำลังรนหาที่ตายอย่างสมบูรณ์
แต่กระนั้นทำไมพวกเขาถึงต้องการจะทำลายสำนักเซียนอรุณด้วยล่ะ?
“ แล้วพวกเจ้าล่ะ?” ซุยเฮ็งมองไปที่หวังตงหยางและอีกสองคน
ทั้งสามคนรีบเดินมาข้างหน้าและคุกเข่าลง พวกเขาพูดในขณะที่ตัวสั่น “ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็หวาดกลัวกันมาก พวกเขากังวลว่าพวกเขาจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปและจะถูกซุยเฮ็งฆ่าทิ้ง
ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็คือยอดฝีมือขอบเขตราชาสวรรค์ การฆ่าพวกเขานั้นง่ายยิ่งกว่าการทุบมด
“ แต่พ่อบุญธรรมและพ่อแม่ของข้าน่าจะรู้!” จู่ๆ พยัคฆ์ขาวก็พูดกับซุยเฮ็งว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง พ่อบุญธรรมของข้าคือเจ้าสำนักแห่งสำนักเซียนฝึกอสูร ส่วนพ่อแม่ของข้าเองก็เป็นผู้อาวุโสของที่นั่น ดังนั้นแล้วพวกเขาก็จะต้องรู้มากกว่าข้าแน่นอน”
“ ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง พวกเขากำลังคุยกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อกำจัดสำนักเซียนอรุณจากโลกเบื้องล่าง ดังนั้นแล้วพวกเขาก็จะต้องรู้แน่นอนว่าทำไมเราถึงต้องทำลายสำนักเซียนอรุณ!”
“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง หากท่านไม่ฆ่าข้า พวกเขาก็จะบอกความจริงแก่ท่านอย่างแน่นอน!”
“…” หัวใจของซุยเฮ็งจมดิ่งลงในภวังค์เล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาค่อยๆ มองจ้องไปที่พยัคฆ์ขาวซึ่งดูเหมือนกับเด็กอย่างเห็นได้ชัดและหัวเราะเบาๆ “ เจ้านี่มันลูกกตัญญูจริงๆ”
“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง ข้านั้นกตัญญูเสมอมา” พยัคฆ์ขาวดูเหมือนจะมีความสุขมากที่ได้ยินคำชมของซุยเฮ็ง ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่หวังตงหยางและอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ เขา “ บิดาของพวกเขาเองก็จะต้องรู้เหตุผลด้วยเช่นกัน”
“…” หวังตงหยางและอีกสองคนตกตะลึงในทันที ทำไมจู่ๆ เขาถึงลากพวกเขาไปเกี่ยวด้วยล่ะ??
ท้ายที่สุดแล้ว เนื่องจากเขาได้พูดไปมากแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องดีแน่สำหรับพวกเขาทั้งสามที่จะไม่พูดอะไรต่อ พวกเขาทำได้เพียงเตรียมใจและพูดต่อว่า “ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง บรรพบุรุษของเราอยู่ที่ขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้น พวกเขาอาจจะไม่รู้ และถึงจะรู้ แต่เขาก็จะไม่บอกเราแน่ เราไม่มีเจตนาที่จะโกหกท่าน”
“ ใช้ได้” ซุยเฮ็งโบกมือและส่ายหัว เขายืนขึ้นและพูดว่า “ ลุกขึ้นได้แล้ว ข้าไม่ได้คิดจะฆ่าพวกเจ้าอยู่แล้ว”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ดวงตาของหวังตงหยางกับอีกสองคนและพยัคฆ์ขาวก็สว่างขึ้น
พวกเขารอดแล้ว?!
ราชาสวรรค์ผู้นี้ช่างมีเมตตา?!
มันยอดเยี่ยมมาก!
ทั้งสี่คนรู้สึกขอบคุณและอยากจะก้มกราบซุยเฮ็งต่อไป
อย่างไรก็ตาม พลังประหลาดก็ได้ประคองตัวพวกเขาขึ้น พวกเขาไม่สามารถก้มหน้าต่อไปได้และทำได้เพียงยืนขึ้นเท่านั้น
“ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า”
ซุยเฮ็งเดินออกไปจากห้องโถงด้านในขณะเอามือไพล่หลัง ขณะที่เขาเดิน เขาก็ยิ้มและพูดต่อว่า “ หวังตงหยาง ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งสามคนไปที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยาและร่วมมือกับหวังตงหลินเพื่อจัดงานเลี้ยง”
“ งานเลี้ยง?” หวังตงหยางตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขามองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความสับสน เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าซุยเฮ็งต้องการให้เขาทำอะไร
ตอนนี้เขายังคงกังวลว่าหัวของเขาจะถูกตัดออก แบบนั้นแล้วทำไมเขาถึงต้องไปที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยาเพื่อจัดงานเลี้ยง?
พยัคฆ์ขาวเองก็สับสนเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าซุยเฮ็งกำลังทำอะไรอยู่
“ เจ้ารู้หรือไม่ว่าชื่อเสียงของหวังตงหลินเป็นอย่างไร?” ซุยเฮ็งหันไปมองทั้งสี่คนแล้วยิ้ม “ ตามข่าวลือ เขาก็เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของข้า”
“ เขาเป็นคนที่แอบสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังพันธมิตรที่ทรงพลังเพื่อหมายจะโจมตีข้าเมื่อเดือนที่แล้ว แต่หลังจากก่อตั้งกองกำลังพันธมิตรขึ้นมาแล้ว เขาก็ได้ถูกผลักไสออกมา”
“ ในสายตาของคนทั้งโลก หวังตงหลินก็เป็นศัตรูกับข้าและแทบรอไม่ไหวที่จะมาฆ่าข้า ความสัมพันธ์ของข้ากับสำนักเซียนอรุณและตำหนักเต๋าอี้เองก็น่าจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว”
เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็หยุดชั่วครู่และพูดกับหวังตงหยางว่า “ ด้วยชื่อเสียงเช่นนี้ มันจึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้พวกเจ้าติดต่อพระโพธิสัตว์แห่งโถงพุทธมามกะเป่าหลินและเหล่าเซียนของสำนักเซียนทั้งสี่เพื่อจัดงานเลี้ยงเพื่อมาฆ่าข้าโดยเฉพาะ และทำลายตำหนักเต๋าอี้และสำนักเซียนอรุณไปพร้อมๆ กัน”
ณ จุดนี้ หวังตงหยางก็เข้าใจแล้วว่าซุยเฮ็งหมายถึงอะไร แม้แต่เด็กอย่างพยัคฆ์ขาวก็ยังเข้าใจดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ ท่านต้องการจะ…” เสียงของหวังตงหยางสั่นในขณะที่เขามองไปที่ ซุยเฮ็งด้วยความเหลือเชื่อ
ในขณะนี้ เขาก็รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ฝ่าเท้าไปจนถึงหนังศีรษะ ร่างกายของเขารู้สึกเย็นราวกับว่าเขาได้ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
นี่จะเป็นงานเลี้ยงได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นงานเลี้ยงอาหารมื้อสุดท้ายของพวกเขา!
ยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งเกินจะหยั่งถึงต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียกว่า "งานเลี้ยง" นี้เพื่อรวบรวมพระโพธิสัตว์, เซียนปฐพี, เซียนมนุษย์ และคนอื่นๆ ที่ต้องการจะมีส่วนร่วมในการทำลายล้างสำนักเซียนอรุณและตำหนักเต๋าอี้
จากนั้นเขาก็จะจับทุกคนมัดรวมกันในทันที!
งานเลี้ยงจะจัดขึ้นที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยา
คนที่ส่งคำเชิญก็คือหวังตงหยางและหวังตงหลิน
สิ่งนี้หมายความว่าตระกูลหวังจะเป็นคนฆ่ายอดฝีมือเหล่านี้ในที่สุด!
นี่มันกับดักชิ้นใหญ่ชัดๆ!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved