ตอนที่ 148 - บทที่ 148 ทำไมท่านไม่จัดการเฉินเจียไจ้ล่ะ!

บทที่ 148 ทำไมท่านไม่จัดการเฉินเจียไจ้ล่ะ!

จางชานสาปแช่งออกมาและพูดว่า "ครั้งก่อนหน้านี้ ทันทีที่เราพูดตัวตนของเรา ประตูก็จะถูกเปิดออกทันที จากนั้นจ้าวต้าและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาต้อนรับเราทันที คราวนี้พวกเขากล้าที่จะปล่อยให้พวกเรารออยู่ที่หน้าประตู มันช่างกล้าจริงๆ "

“เขาอาจจะเปลี่ยนคนเฝ้าใหม่ ทำให้เขาไม่รู้กฎเกณฑ์”

หยูหมิงกุยกล่าว

“เฮ้ ท่านพูดขึ้นมาข้าจึงพอจำได้แล้ว คนสองคนบนหอสังเกตการณ์นั้นดูแปลกตานิดหน่อยจริงๆ” จางซานขมวดคิ้ว

“นี่ไม่ใช่ปกติเหรอ?”

หยูหมิงกุยพูดอย่างเฉยเมย "แม้ว่าจ้าวเจียเป่านี้จะใหญ่กว่าหมู่บ้านธรรมดา แต่ก็มีผู้เสียชีวิตเรื่อยๆ ดังนั้นส่วนใหญ่พวกเขาก็จะเปลี่ยนทหารยามเป็นปกติเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้น"

"นั่นก็จริง"

จางซานพยักหน้า จ้องมองไปยังทิศทางของหอสังเกตการณ์ และพูดอย่างกัดฟันว่า "เมื่อประตูเปิดออก ข้าจะฆ่าเขาอย่างแน่นอนเมื่อข้าเข้าไปได้"

“จางซาน เจ้าก็ใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะ..ไม่ต้องไปถือสาพวกเขาหรอกน่า”

หยูหมิงกุยพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

"ข้าใจร้อนงั้นเหรอ?"

จางซานจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ “เจ้าหมายถึงอะไรผู้แซ่หยู? เจ้าไม่ให้ข้าถือสาพวกเขาทั้งที่ถูกกันไว้นอกประตูอย่างนี้งั้นเหรอ?”

หยูหมิงกุยถอนหายใจ "ลองคิดดูดีๆ หลังจากที่เราเข้าไปทีหลัง จ้าวต้าจะรู้สึกเสียใจอย่างมากเมื่อเขารู้เรื่องนี้ แล้วเขาจะให้ผลประโยชน์แก่เรามากกว่าปกติอย่างแน่นอน"

จางซานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างว่างเปล่า "ที่เจ้าพูดมาก็ถูก"

ในฐานะคนสนิทของกัปตันกวน ทุกครั้งที่พวกเขามาที่นี่เพื่อส่งเม็ดยาพลังงานเลือด ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับมีตั้งแต่หลักร้อยหลวยไปจนถึงหลายพันหยวน และพวกเขายังสามารถกินอาหารอร่อยและดื่มสุราเมรัยได้ตามใจนึก กอดสาวงามซ้ายและขวา ซึ่งสุขสมยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในซ่งเจียเป่าเสียอีก ฮ่าๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

และตอนนี้พวกเขาถูกห้ามไม่ให้เข้าไป

มันเป็นโอกาสที่จะเรียกผลประโยชน์มากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?

“พี่หยู ท่านนี่เก่งที่สุด เมื่อกี้ข้าหุนหันพลันแล่นไปหน่อยต้องขอโทษที” จางซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสีหน้าขึงขังก่อนหน้านี้

หยูหมิงกุยกลอกตา เอนกายบนที่นั่งแล้วรอ

ในขณะนั้นเองประตูก็ค่อยๆ เปิดออกต่อหน้าทั้งสองคน

“ให้ตายเถอะ ในที่สุดประตูก็เปิดจนได้”

จางซานเหยียบคันเร่งและขับเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมสาปแช่งออกมา

หลังจากหยุดรถแล้ว จางซานก็หยิบปืนพกขึ้นมา เปิดประตูรถอย่างโกธรแค้นออกมา

เขาเหลือบมองเฉินฟานและคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาเห็นลูกน้องสองคนที่ยืนเฝ้าหอคอยของสามพี่น้องสามแซ่เจ้าเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นอีก ขณะที่เขากำลังจะยกปืนขึ้นและเล็งไปที่หนึ่งในนั้น เขาก็รู้สึกถึงลมแรงพัดมาข้างหน้าเขา และแก้มของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

หลังจากนั้นทันที

แคร้ก! มีเสียงกระดูกแตกหักที่ฟังดูน่าขนลุกอย่างมาก

ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน ร่างของจางชานก็เหมือนกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่บินไปไกลจากประตูหมู่บ้านหลายร้อยเมตร!

หยูหมิงกุยที่เพิ่งก้าวลงจากรถด้วยเท้าข้างเดียวก็ตกตะลึงกับฉากนี้เช่นกัน เขาหันศีรษะมองออกไปข้างนอกแล้วมองไปที่คนที่ชก ในตอนแรกหัวใจของเขาถูกครอบงำด้วยความกลัว จากนั้นความโกรธก็พุ่งเข้ามาหาเขา และเขาก็ตระโกนอย่างบ้าคลั่งออกไปว่า

“เจ้ากำลังทำอะไร เจ้ารู้ไหมว่าเราเป็นใคร”

"ไม่รู้"

เฉินฟานส่ายหัวและมองดูหยูหมิงกุยอย่างไม่แยแส "สิ่งที่ข้ารู้ก็คือเห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่ใช่คนดีที่จะโจมตีคนของข้าก่อนทันทีที่พวกเจ้าเข้ามา"

อู๋กวงและคนอื่นๆรอบๆรู้สึกสะเทือนใจอย่างมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้

โดยเฉพาะคนสองคนบนหอสังเกตการณ์ที่ยังคงผ่านความตายมาเมื่อกี้นี้ พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความขอบคุณอย่างมาก

พวกเขาขอบคุณเฉินฟานชกคู่ต่อสู้ที่จนบินออกไป และด้วยระยะไกลเช่นนั้นไม่มีทางที่เขาจะยังมีชีวิตอยู่

"ไอ้บัดซบนี่!"

หยูหมิงกุยหมดคำพูดทันที

และจากนั้นความหนาวเย็นก็เพิ่มขึ้นที่หลัง

เขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ

โดยปกติแล้ว พี่น้องแซ่จ้างจะเป็นคนที่ทักทายเขาและคนอื่นๆก่อน แต่ตอนนี้เด็กที่อยู่ตรงหน้าเขากลับดูแปลกอย่างมาก และเขาไม่มีความทรงจำกับคนๆนี้เลย

ผู้ชายคนนี้คือใคร? ทำไมเขาถึงยืนขึ้นเพื่อทำร้ายพวกเขากัน? แล้วจ้าวต้าและคนอื่น ๆ ล่ะ? มีอะไรเกิดขึ้นหรือป่าว?

“ข้าเชื่อว่าเจ้าคงเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแล้ว”

เฉินฟานเหลือบมองเขา “งั้นให้ความร่วมมือเพื่อความอยู่รอดของเจ้า ข้าถาม..เจ้าตอบ”

หยูหมิงกุยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขามองดูผู้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ และมองดูเฉินฟาน หลังจากตัดสินใจเด็ดขาดแล้วเขาก็ถามว่า "ถ้าข้าตอบ ท่านจะปล่อยข้าไปไหม?"

“ต้องดูความร่วมมือของเจ้าก่อน”

เฉินฟานกล่าวขึ้น

"ทะ..ท่านไม่สามารถฆ่าข้าได้"

หยูหมิงกุยก็ไม่โง่เช่นกัน เขากัดฟันแล้วพูดว่า "ข้าเป็นคนของกัปตันกวน คราวนี้ข้ากับจางซานมาที่นี่ และกัปตันกวนก็รู้เรื่องนี้ด้วย ถ้าเราไม่กลับไป กัปตันจะเดาได้อย่างแน่นอนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเรา เมื่อถึงเวลานั้นไม่ใช่แค่ท่าน แต่ทุกคนในจ้าวเจียเป่าจะไม่มีใครมีชีวิตอยู่”

จ้าวเจียเป่างั้นหรือ?

ทุกคนหัวเราะเยาะออกมาเมื่อได้ยินสิ่งนี้

มันทำให้หยูหมิงกุยรู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก และถามโดยไม่สมัครใจว่า "พะ..พวกเจ้าหัวเราะอะไร?!"

“ข้าจะเป็นคนถาม ไม่ใช่ให้เจ้ามาถามข้า จงตอบคำถามถัดไปของข้าอย่างตรงไปตรงมา”

เฉินฟานขมวดคิ้ว “ไม่อย่างนั้น ข้าจะหักแขนของเจ้าก่อน ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็สามารถลองดูได้”

"ข้า..ข้าเชื่อๆ"

หยูหมิงกุยกล่าวอย่างเร่งรีบ

จุดจบของจางชานเขาได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนประเภทที่จะทำในสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน

"ดีมาก"

เฉินฟานถามทันที "เมื่อกี้เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนของกัปตันกวน ใครคือกัปตันกวน? และพวกเจ้าเป็นทหารยามจากซ่งเจียเป่างั้นหรือ?"

"ใช่แล้ว"

หยูหมิงกุยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "เขาเป็นรองกัปตันและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัปตัน สิ่งที่สำคัญที่สุด..เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลกวน"

“คนจากตระกูลกวน? เจ้าหมายถึงกวนไหน?” เฉินฟานขมวดคิ้ว

หยูหมิงกุยตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะไม่รู้จักตระกูลกวนด้วยซ้ำ เป็นไปได้ไหมว่าชายคนนี้เป็นคนพเนจรจากที่อื่นและเขาเพิ่งครอบครองสถานที่แห่งนี้

แล้วจ้าวต้าและคนอื่นๆล่ะ? พวกเขาประสบอุบัติเหตุแล้วหรือยัง?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เขาก็รู้สึกเสียใจไม่รู้จบในใจ เขาคิดว่ามันจะเป็นการเดินทางเพื่อมาทำธุรกิจที่ดี ใครจะคิดว่าเขาจะกลายเป็นแกะที่วิ่งเข้ามาในปากเสือ?

“เจ้าหูหนวกหรือเปล่า?” มีคนกระตุ้นจากด้านหลัง

"ไม่..ไม่"

หยูหมิงกุยรีบพูดว่า "พี่ชาย..มันเกี่ยวกับเมืองอันชาน ท่านน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองนี้ใช่ไหม?"

เฉินฟานหรี่ตาลงเล็กน้อย

“มีห้าตระกูลใหญ่ในเมืองอันชาน และตระกูลกวนก็เป็นหนึ่งในนั้น กัปตันกวนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลกวน” เขาพูดอย่างเร่งรีบ

“หมายความว่าคนๆนี้มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง?” เฉินฟานพึมพำ

"ใช่แล้ว"

หยูหมิงกุยพยักหน้าอย่างเร่งรีบ "มีผู้อเวคในตระกูลกวน ข้าได้ยินมาว่าเขามีพลังมาก แม้แต่สัตว์ระดับสูงก็ยังเทียบไม่ได้สำหรับเขา พี่ใหญ่..ปล่อยข้าไปเถอะ..

..ไม่ต้องกังวลหลังจากที่ข้ากลับไปข้าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่ถ้าท่านไม่ปล่อยให้ข้ากลับไป กัปตันกวนจะพาคนไปหาข้าในไม่ช้าอย่างแน่นอน ในเวลานั้นปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไขได้อย่างง่ายดายแล้ว"

เฉินฟานทำหูหนวกใส่มัน แล้วถามว่า "ทำไมเขาถึงส่งเจ้าสองคนไปหาจ้าวต้า?"

"ก็ไม่มีอะไรมาก"

หยูหมิงกุยกล่าวด้วยความรู้สึกผิด "เขาให้เรามาเก็บเงิน..เงินที่จ้าวต้าค้างชำระเพื่อซื้อเม็ดยาพลังงานเลือดในครั้งที่แล้วยังไม่ได้รับการชำระ กัปตันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย"

"อย่างนั้นหรือ?"

เฉินฟานหัวเราะเยาะออกมา

แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามอย่างหนักเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ แต่การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างของชายคนนี้ ไม่อาจซ่อนตัวจากดวงตาของเขาได้

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดใหม่อีกครั้งนะ..และเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเจ้าไม่พูดความจริงในครั้งนี้ ข้าจะลงมือแล้ว”

“ข้า..ข้าจะพูดความจริง!” หยูหมิงกุยรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเหงื่อเย็นไหลลงมาที่หน้าผาก

การมาครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อน กวนเต๋าซีเตือนเขาหลายพันครั้งว่าไม่ควรบอกเรื่องนี้กับใครนอกจากจ้าวต้า และแม้แต่จางชานที่กำลังเดินทางไปกับเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย

อา..ถ้าเขาพูดออกไปตอนนี้ แม้ว่าคนตรงหน้าเขาจะปล่อยเขากลับไปได้ แต่กวนเต๋าซีก็คงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน

"สาม"

“ข้า..ข้าจะแล้ว...”

"สอง"

“ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว!”

หน้าผากของหยูหมิงกุยเหงื่อออกมาก

“กัปตันมาขอให้ข้านำจดหมายถึงจ้าวต้า บอกให้เขาไปทำลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง”

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" เฉินฟานสะดุ้ง

"ข้าไม่ทราบรายละเอียดเฉพาะมากนัก"

หยูหมิงกุยยักคอ "กัปตันพูดเพียงว่าให้จ้าวต้าทำลายเฉินเจียไจ้ แล้วนำวัวป่าสัตว์พาหนะที่อยู่ข้างในกลับไป แล้วข้าจะกลับไปแจ้งให้เขาทราบหลังจากที่ข้าได้รับสัตว์พาหนะเหล่านั้นแล้ว"

ร่างกายของเฉินฟานสั่นเล็กน้อย

ฝูงวัวป่างั้นหรือ?

ทำไมคนแซ่กวนถึงรู้เรื่องนี้?

ไม่ใช่ว่าทุกคนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จะถูกเขาจัดการไปหมดแล้วหรือ?

เมื่อเขาติดตามและแอบฟังหยางเสี่ยวฉุน และเขายืนยันว่าเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นให้คนอื่นฟังเลยไม่ใช่เหรอ?

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

“พี่ชาย” เมื่อเห็นเฉินฟานมองมาที่เขา หยูหมิงกุยก็พูดอย่างระมัดระวัง “ข้าแค่บอกข่าวให้ท่านฟังเท่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของท่านมันง่ายที่จะไปจัดการเฉินเจียไจ้แล้วแย่งสัตว์พาหนะเหล่านั้นมา ข้าได้ยินมาว่ามันมีมากกว่า 20 ตัว อาจจะถึง 30 ตัวด้วยซ้ำ และมันมีมูลค่ามากกว่า 100,000 หยวน”

"โอ้..เช่นนั้นหรือ?"

เฉินฟานหัวเราะออกมาเสียงดัง

"ใช่..มันเป็นความจริง!"

หยูหมิงกุยยกมือขวาขึ้น "กัปตันกวนได้รับข่าวนี้มาด้วยตัวเองและขอให้ข้าแจ้งให้จ้าวต้าและคนอื่น ๆ ทราบ ทำไมเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ ไม่ต้องกังวล..กัปตันกวนจะไม่ปฏิบัติต่อท่านอย่างเลวร้ายอย่างแน่นอนหลังจากท่านทำภารกิจนี้เสร็จแล้ว !"

อู๋กวงและคนอื่น ๆ ตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ผู้ชายคนนี้เขารู้ตัวไหมว่าเขากำลังพูดถึงอะไร?!!!...

……………….