ตอนที่ 179

บทที่ 180 : การแก้แค้น จักรพรรดิขอเข้าเฝ้า

นับตั้งแต่ซุยเฮ็งได้รับข้อความจากกระบี่เซียนทั้งห้าเล่ม เขาก็ไม่เคยได้รับข่าวสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจียงฉีฉีอีกเลย

ราวกับว่าเธอได้หายไปจากโลกนี้แล้วจริงๆ

และตอนนี้ เขาก็ได้ยืนยันข้อความสองข้อความของเจียงฉีฉีแล้ว

ปีศาจไร้เทียมทานถูกผนึกไว้ที่แกนกลางของโลกและตำหนักมหาราชันสวรรค์

นอกจากนี้ หลังจากพลิกดูหนังสือโบราณที่จางซูหมิงให้มา ซุยเฮ็งก็มีเหตุผลที่จะสงสัยว่าปีศาจที่เขาฆ่าไปนั้นน่าจะเป็นหนึ่งในสิบเทพลึกลับที่ปิดล้อมตำหนักเต๋าอี้เมื่อ 3,000 ปีก่อน

เขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสของตำหนักมหาราชันสวรรค์ในตอนนั้น

“ หากเป็นเช่นนั้นจริง งั้นเหตุใดเขาจึงกลายมาเป็นปีศาจที่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปเองได้ นอกจากนี้ แล้วทำไมเขาถึงถูกผนึก? ตำหนักมหาราชันสวรรค์พินาศลงเพราะเหตุนี้หรอ?”

“ จากสถานการณ์ในโลกสูญสวรรค์ ตำหนักมหาราชันสวรรค์ก็ได้หายสาบสูญไปนานแล้ว มันมีเพียงสำนักเซียนทั้งเก้าเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ในโลก มันแทบจะไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของตำหนักมหาราชันสวรรค์เลย

“ สถานการณ์นี้มันไม่ปกติ มันจะต้องมีคนจงใจปกปิดข้อมูลนี้แน่นอน แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องทำเช่นนี้กัน?”

“ หากการหายตัวไปของฉีฉีเกี่ยวข้องกับตำหนักมหาราชันสวรรค์ ฉันก็จะต้องไปที่โลกสูญสวรรค์เพื่อตามหาเบาะแสเพิ่มเติม”

ซุยเฮ็งถือหนังสือไว้ในมือและตกอยู่ในภวังค์ความคิด “ อย่างไรก็ตาม โลกสูญสวรรค์ก็น่าจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งเช่นกัน เมื่อ 3,000 ปีก่อน มันมีเทพลึกลับขั้นสี่อยู่ในโลกเซียนแล้ว และนี่ก็น่าจะเทียบเท่ากับขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นต้น

“ หลังจากผ่านไปนาน พวกเขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่สูงกว่าเดิมได้หรือไม่? พวกเขาเปรียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณแล้วหรือยัง? แม้ว่าฉันจะต้องไปที่โลกสูญสวรรค์จริง แต่ฉันก็จะต้องระมัดระวังและไม่ประมาท”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ปิดหนังสือและถอนหายใจเล็กน้อยในใจ

มันยังมีเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับเจียงฉีฉี แต่กลับกัน สำหรับหงฟู่กุ่ยแล้ว เขาก็ดูเหมือนจะหายไปซะดื้อๆ นอกเหนือจากกระบี่เทวะหงหวู่แล้ว มันก็แทบจะไม่เหลืออะไรที่เขาทิ้งเอาไว้เลย

ในตอนนั้น คนที่ทำให้เขาหายตัวไปนั้นก็น่าจะเป็นพวกตระกูลขุนนางจากโลกเบื้องบน และแน่นอนว่าตระกูลหวังแห่งเจียงตงก็ไม่สามารถหลีกหนีความรับผิดชอบนี้ได้

“ อย่างไรก็ตาม หวังตงหยางและหวังตงหลินก็ยังเด็กเกินไปและไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นถ้าฉันไปที่โลกสูญสวรรค์ ฉันก็น่าจะถามพ่อของพวกเขาแทนได้”

“ ฉันยังคงต้องทะลวงไปสู่ขอบเขตรวมวิญญาณให้เร็วที่สุด ฉันจะต้องยืนยันวิธีการฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณก่อนที่ฉันจะตัดสินใจเลือกเดินต่อไป”

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ซุยเฮ็งก็สิ้นสุดการไตร่ตรองและคืนหนังสือโบราณให้กับ จางซูหมิง “ หลังจากจัดการกับเหล่าเซียนและพระจากโลกเบื้องบนเสร็จแล้ว ข้าก็จะไปที่ตำหนักเต๋าอี้”

ตำหนักเต๋าอี้มีประวัติอันยาวนานถึง 10,000 ปี และแม้ว่าหัวใจหลักจะย้ายไปที่โลกสูญสวรรค์ตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีที่แล้วแล้ว แต่รากฐานที่เหลืออยู่ของพวกเขาก็ยังสามารถแปลงเป็นเงินจำนวนมากได้อย่างแน่นอน

อย่างน้อยที่สุด มันก็ไม่น่าจะน้อยไปกว่าโถงพุทธมามกะเป่าหลิน

เพื่อความปลอดภัยในการฝึกตน เขาก็จำเป็นจะต้องเก็บเงินให้ได้ประมาณสิบล้าน

“ จะเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากท่านเซียนผู้สูงส่งสามารถมาเยี่ยมชมตำหนักเต๋าอี้ของเราได้” จางซูหมิงรับหนังสือโบราณกลับมาอย่างตื่นเต้นและพูดด้วยความเคารพว่า “ นักพรตน้อยคนนี้จะรอการมาของท่าน”

“ ฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงขนาดนั้นก็ได้” ซุยเฮ็งโบกมือและพูดกับเจิงหนานวุนว่า “ หลังจากที่ข้าไปที่ตำหนักเต๋าอี้แล้ว ข้าก็จะไปที่ภูเขาคังเฉิงด้วยเช่นกัน”

“ รับทราบท่านปรมาจารย์ปู่!” เจิงหนานซุนมีความสุขมากเช่นกัน

อันที่จริง เธอก็ต้องการจะเชิญซุยเฮ็งให้มาที่สำนักเซียนอรุณมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ไม่เคยมีเวลาว่างเลย ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเชิญเขาไปได้

และในครั้งนี้ ในที่สุดความปรารถนาของเธอก็เป็นจริง

“ เอาล่ะ ไปดูกันดีกว่าว่าการสอบสวนของฮุ่ยฉีเป็นอย่างไรบ้าง” ซุยเฮ็งยืนขึ้นและเดินออกไป

ขณะเดียวกัน ทั้งสองก็รีบตามไป

….

ภายใต้ดวงตาสีแดงก่ำของมังกรเพลิง การสอบปากคำของฮุ่ยฉีก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น เซียนมนุษย์เหล่านี้ไม่เคยเข้าร่วมการปิดล้อมมาก่อน เพราะเมื่อร้อยปีก่อน ทุกคนที่เข้าร่วมในตอนนั้นก็ได้เสียชีวิตลงภายใต้คมกระบี่ของเจียงฉีฉี

มันมีเซียนปฐพีเพียงสองคนจากสี่สำนักเซียนเท่านั้นที่เข้าร่วมในการต่อสู้ พวกเขามาจากสำนักเต๋าสูญและเมืองเมฆาขาว

เมื่อร้อยปีก่อน พวกเขาก็ยังคงเป็นเซียนมนุษย์ และหลังจากที่พวกเขาโชคดีพอที่จะรอดชีวิตกลับมาได้ พวกเขาก็ได้รับรางวัลจากผู้อาวุโสและกลายเป็นเซียนปฐพีในที่สุด

ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีและมังกรเพลิงก็ได้นำพวกเขาทั้งสองออกมาแล้ว มือและเท้าของพวกเขาถูกมัดประสานกันอยู่ตรงมุมห้อง

พวกเขากำลังรอความตาย

พวกเขาสองคนสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์

คนอื่นๆ จากสำนักเซียนต่างก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย

ในความเห็นของพวกเขา เนื่องจากคนทั้งสองได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษ นี่จึงหมายความว่ามันมีความเป็นไปได้มากที่มันจะมีเพียงแค่สองคนนี้เท่านั้นที่จะถูกฆ่า

สิ่งนี้เป็นไปตามตรรกะปกติ

ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าพวกเขาฆ่าคนทั้งหมดจากสำนักเซียนทั้งสี่ลงที่นี่ ผลกระทบก็จะยิ่งใหญ่มาก มันอาจดึงดูดยอดฝีมือทั้งหมดจากโลกเบื้องบนให้ลงมาได้

ในไม่ช้า ซุยเฮ็งก็มาถึงพร้อมกับจางซูหมิงและเจิงหนานซุน

“ ท่านผู้ว่าการ โชคดีที่ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ข้าพบตัวการสองคนที่เข้าร่วมในการปิดล้อมสำนักเซียนอรุณแล้ว” ฮุ่ยฉีชี้ไปที่คนสองคนที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง

“ ใช้ได้!” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและพูดกับเจิงหนานซุนที่อยู่ข้างๆ ว่า “ ข้าจะฝากสองคนนี้ไว้กับเจ้า มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วที่จะตัดสินใจว่าเจ้าต้องการจะฆ่าพวกเขาหรือไม่”

ดวงตาของคนทั้งสองเป็นประกายเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ และพวกเขาก็มองไปที่เจิงหนานซุนด้วยสายตาอ้อนวอน

“ ขอบคุณท่านปรมาจารย์ปู่ แน่นอนว่าข้าต้องฆ่าพวกมันแน่!”

เจิงหนานซุนมองไปที่ทั้งสองคนด้วยความเกลียดชังในดวงตาของเธอ เธอกัดฟันและพูดว่า “ ในการต่อสู้ครั้งนั้น ศิษย์จำนวนมากของสำนักเซียนอรุณก็ได้เสียชีวิตลงในการต่อสู้ แม้แต่อาจารย์ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กระนั้น คนเหล่านี้ก็กลับรอดชีวิตออกมาได้พร้อมกับได้รับรางวัล!”

ขณะที่เธอพูด เธอก็พุ่งไปข้างหน้า เธอชักกระบี่ยาวออกมา และตัดศีรษะของคนทั้งสองโดยตรง ทันใดนั้น เลือดสดก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มันย้อมลานบ้านเป็นสีแดง

เซียนปฐพีทั้งสองนี้ถูกปิดผนึกพลังปราณมานานแล้ว ดังนั้นร่างของพวกเขาจึงแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดาสำหรับเจิงหนานซุน

เมื่อเห็นหัวขนาดใหญ่ทั้งสองหัวกลิ้งตกลงมาและเลือดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ผู้ฝึกตนที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะจบลงแล้ว

แต่ในขณะนี้ ทันใดนั้นซุยเฮ็งก็มองมาที่พวกเขาและพูดว่า “ เท่าที่ข้ารู้ มันก็มีเพียงศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์เท่านั้นที่ไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้เมื่อร้อยปีก่อน”

“ ส่วนพวกเจ้าจากสามสำนักเซียนที่เหลือก็จงปลิดชีวิตตัวเองเสีย และเจ้าจะยังสามารถทิ้งซากศพไว้ให้ฝังได้”

เขาไม่เคยวางแผนที่จะปล่อยให้คนเหล่านี้จากไป เนื่องจากพวกเขากล้าที่จะโจมตีสำนักเซียนอรุณเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน พวกเขาจึงต้องจ่ายราคาแพงโดยธรรมชาติ

ใบหน้าของผู้คนจากสำนักเซียนทั้งสามซีดเผือก

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง เราไม่ได้เข้าร่วมในสงครามเมื่อร้อยปีที่แล้วเลยนะ!”

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย! เราได้ยอมรับผิดแล้ว เราไม่เคยมีเจตนาร้ายต่อสำนักเซียนอรุณ!”

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ฟังข้าเถอะ โปรดฟังข้า มันไม่ใช่แบบนั้นเลย…"

พวกเขาอธิบายทุกวิถีทางเพื่อให้ซุยเฮ็งเข้าใจ

“ หุบปาก!”

ซุยเฮ็งขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหัว

จากนั้นเขาก็โบกแขนเสื้อของเขา และพลังที่มองไม่เห็นก็ได้แผ่กระจายออกไปในทันที มันทำให้ผู้คนจากสำนักเซียนทั้งสามตัวแตกกลายเป็นผง ณ จุดนั้นในทันที

ไม่ต้องพูดถึงซากศพเลย มันไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า

เกิดความเงียบขึ้นในทันใด

นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเซียนปฐพีของศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซุยเฮ็งสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างไร

ผู้คนจากตระกูลขุนนางต่างก็ไม่สบายใจเช่นกัน เมื่อเห็นคนเหล่านี้ถูกสังหาร พวกเขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าพวกเขาจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีความตั้งใจที่จะจัดการกับพวกเขาต่อไป เขาหันไปหาหวังตงหยางและถามว่า “ เจ้าจะกลับไปที่โลกสูญสวรรค์เมื่อไหร่?”

“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง เราสามารถอยู่ที่นี่ได้สูงสุด 21 วันเท่านั้น” หวังตงหยางกล่าวด้วยความเคารพ “ เมื่อครบ 20 วัน เราก็จะต้องกลับไปยังโลกสูญสวรรค์”

“ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ นะ” ในขณะนี้ พยัคฆ์ขาวก็พูดขัดขึ้นในทันที “ เราน่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน เหตุผลที่ข้ากำหนดให้พวกเจ้าทั้งหมดเป็นเวลา 21 วันก็เพื่อให้พวกเจ้ากลับมาก่อนเวลาเพื่อจะส่งมอบผลึกน้ำค้างสวรรค์และสิ่งประดิษฐ์เซียนข้ามอาณาจักร”

“…” หวังตงหยางโกรธมาก มุมปากของเขากระตุกและเขาก็พูดไม่ออก

ตระกูลขุนนางอื่นๆ เองก็ดูโกรธเช่นกัน

ปรากฎว่าสำนักเซียนเหล่านี้ไม่เคยคิดจะหยุดรีดพวกเขาให้แห้งเลย!

มันไร้สาระจริงๆ!

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง แท้จริงแล้ว ตราบใดที่ท่านเต็มใจ เราก็สามารถอยู่ในโลกเบื้องล่างตลอดไปและไม่กลับไปอีกได้” พยัคฆ์ขาวกล่าวต่อว่า “ หลังจาก 30 วันผ่านไป เราก็จะไม่สามารถเปิดทางเดินไปยังโลกสูญสวรรค์ได้อีกต่อไป ถ้าเราต้องการจะกลับ เราก็จะต้องรออีกนานถึงร้อยปี”

“ นอกจากนี้ ข้อจำกัดเหล่านี้ก็มีไว้สำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเท่านั้น ถ้าพวกเขาอยู่ที่ขอบเขตเทพ เวลาก็จะลดลงเหลือแค่ครึ่งปี นี่เป็นเหตุผลที่ทูตสวรรค์สามารถลงมาล่วงหน้าได้”

“ ข้าเข้าใจแล้ว” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยในขณะที่มีความคิดบางอย่างปรากฏขึ้นในใจของเขา จากมุมมองนี้ โลกสูญสวรรค์ก็ดูเหมือนจะเป็นโลกใบเล็กนอกโลกใบนี้ โดยปกติแล้ว มันก็จะอยู่ค่อนข้างไกลและจะเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้ทุกๆ ร้อยปีI

“ ว่าแต่ทางข้ามนี้คืออะไร?” ซุยเฮ็งงงงวย ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่ผู้คนจากตระกูลขุนนางและยิ้ม “ เจ้าสามารถกลับไปยังโลกสูญสวรรค์ได้เลย”

ถ้าเขาต้องการจะตรวจสอบบางอย่าง เขาก็ต้องทำให้มันปรากฏต่อหน้าเขาก่อน

ผู้คนจากตระกูลขุนนางตกตะลึงในทันที พวกเขางุนงงและรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

เกิดอะไรขึ้น?

จู่ๆ เขาก็ปล่อยให้พวกเขากลับไปที่โลกเบื้องบน?

เขาต้องการให้พวกเขากลับไปโลกเบื้องบนเพื่อขอความช่วยเหลือแบบตระกูลหวังอย่างงั้นหรอ?

เมื่อซุยเฮ็งเห็นการแสดงออกของพวกเขา เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ทำไมกัน? พวกเจ้าอยากจะถูกสอบปากคำต่อไปอย่างงั้นหรอ?”

“ ไม่ไม่ไม่!”

“ ไม่ไม่ไม่!”

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง เราจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

ตระกูลขุนนางรีบเปิดใช้งานสิ่งประดิษฐ์เซียนของพวกเขา

แสงสีทองพุ่งออกมาจากสิ่งประดิษฐ์เซียนต่างๆ ในมือของพวกเขาและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นประตูบานใหญ่ก็ค่อยๆ เปิดออก

หลังจากผ่านประตูแห่งแสงนี้ไปแล้ว พวกเขาก็จะมาถึงโลกสูญสวรรค์

ทันทีที่ประตูเปิดออก ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์และขอบเขตเทพจากตระกูลขุนนางก็พากันวิ่งเข้าไปราวกับว่าพวกเขากำลังหนีเอาชีวิตรอด

พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่กลับมาที่โลกเบื้องล่างอีก

เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะบ่นกับเรื่องสำนักเซียน พวกเขาจะแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในโลกเบื้องล่าง

“ นี่หรอคือทางข้าม?” มุมปากของซุยเฮ็งโค้งขึ้นเล็กน้อย มันเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ

เขาเข้าใจหลักการแล้ว

ในอนาคต ตราบใดที่เขายังติดต่อกับโลกสูญสวรรค์ได้ เขาก็จะสามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองในการเปิดเส้นทางเองได้

ครู่ต่อมา แสงสีทองก็สลายไปและทางเดินข้ามมิติก็ปิดลง นอกจากหวังตงหยางและคนอื่นๆ แล้ว ที่เหลือก็ได้ออกไปหมดแล้ว

ผู้คนจากศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์แสดงสีหน้าอิจฉา แต่ก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากซุยเฮ็ง พวกเขาก็จะไม่กล้าออกไปไหนอย่างแน่นอน

ในทางกลับกัน พยัคฆ์ขาวก็ดูเฉยเมยมาก เขาไม่ได้อยากจะกลับไปด้วยซ้ำ เขาแค่อยากจะเล่นต่อไป อย่างมากที่สุด เขาก็จะค่อยกลับไปในอีกร้อยปี

ไม่ว่าจะในกรณีใด เขาก็ได้กลายเป็นเซียนปฐพีไปแล้วและมีอายุยืนยาว

“ ท่านผู้ว่าการ!” ในขณะนี้ เสียงของหลิวหลี่เต๋าก็ดังขึ้น ในไม่ช้าเขาก็มาถึงและโค้งคำนับให้กับซุยเฮ็งด้วยความเคารพ “ ท่านผู้ว่าการ ข้ามีเรื่องจะรายงาน”

“ มีอะไร?” ซุยเฮ็งมองเขาและถามด้วยความสนใจ “ มันเกี่ยวกับจักรพรรดิต้าจินรึเปล่า?”

เขานำทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์ของตระกูลหวังกลับมา และนั่นก็รวมทั้งเว่ยอี้ด้วย”

“ ใช่แล้วท่านผู้ว่าการ” หลิวหลี่เต๋าพยักหน้าและพูดว่า “ ในขณะนี้ จักรพรรดิต้าจินก็กำลังรอท่านอยู่ข้างนอกนั่น”