ตอนที่ 573 : ผู้ลี้ภัยนับล้าน? (2)

[วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ช่วงเวลาพักผ่อนช่างผ่านไปเร็วจริงๆ… ขออีกสักเจ็ดวันได้ไหม]

[โพสต์ก่อน ฉันแนะนำให้นายอธิษฐานเอานะ]

[พรุ่งนี้จะเป็นกิจกรรมราชันหมื่นราชา ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้วสิ ทุกครั้งที่เจตจำนงสูงสุดปรากฏตัว ลอร์ดจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินอย่างพวกเขาก็ต้องตายเป็นเบือ ฉันหวังว่าจะมีลอร์ดตายน้อยลงในคราวนี้นะ และมันคงจะเป็นการดีที่สุดถ้าฉันไม่ใช่หนึ่งในคนที่ต้องตาย!]

[ฉันมีทหาร 1,000 คนแล้ว ฉันสงสัยจริงๆ ว่าฉันจะเอาตัวรอดในกิจกรรมราชันหมื่นราชานี้ไปได้ไหม]

[ทหาร 1,000 คนก็พอใช้ได้อยู่ ฉันแนะนำให้เอาพวกเขาไปเป็นทหารรับจ้างของอาณาจักรดั้งเดิมนะ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็จะได้ถูกฝึกแบบฟรีๆ]

[ฮ่าๆ ฉันก็ทำแบบนั้นแหละ ฉันมีทหารแค่พันกว่าคนเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็เป็นทหารใหม่ ส่วนใหญ่ยังไม่เคยมีประสบการณ์บนสมรภูมิด้วยซ้ำ ต่อมาฉันก็ได้ส่งทหารใหม่ 500 คนให้ไปเป็นทหารรับจ้างของอาณาจักรดั้งเดิม เมื่อพวกเขากลับมา ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าพวกเขาได้กลายเป็นทหารชั้นยอดแล้ว]

[ฉันมีทหารแทบไม่พอแล้ว ที่สำคัญที่สุด ฉันขาดแคลนอาวุธและหนังสือทักษะด้วย! อัตราการดรอปของทวีปจื้อเกานี้ช่างบัดซบจริงๆ! ฉันลองดูแล้ว จากมอนสเตอร์ 100 ตัว มันจะดรอปอุปกรณ์สวมใส่หรือหนังสือทักษะแค่อันเดียวเท่านั้น อัตราการดรอปช่างต่ำจริงๆ!]

[จริง อัตราการดรอปนี้ต่ำกว่าทุกเกมที่ฉันเคยเล่นมาเลย]

[ฉันอยากได้หนังสือทักษะ อุปกรณ์สวมใส่ ไอเท็มทุกอย่างเลย!]

โจวโจวมองดูบทสนทนาบนกระดานสนทนา อาการอารมณ์ดีจากที่ได้รับสายเลือดเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณต้นกำเนิดมาก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อยแล้ว

“พรุ่งนี้จะเป็นกิจกรรมราชันหมื่นราชาแล้วสินะ โชคดีที่อาณาจักรศัตรูที่อยู่รอบๆ ฉันได้ถูกจัดการไปจนหมดแล้ว มิฉะนั้นฉันคงจะต้องระวังการลอบโจมตีของพวกมันในขณะที่ฉันทำกิจกรรมนี้”

“สำหรับอาณาจักรอสูรเหมันต์และพวกต่างเผ่าพันธุ์ ฉันเพิ่งจัดการกับพวกมันไปเมื่อวานเอง ตอนนี้พวกมันน่าจะไม่รีบส่งกองกำลังมาทำสงครามกับฉันแน่ๆ เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะรู้ภูมิหลังของฉัน”

โจวโจวคิด

วันนี้เป็นวันสถาปนาของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะส่งกองกำลังออกไปรบอีก

ในฐานะตัวเอกของงาน เขาก็ถูกกำหนดให้ยุ่งมากและจะไม่มีเวลาออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน

นอกจากนี้มันยังไม่ใช่เรื่องดีที่จะส่งกองกำลังออกไปในวันพิธีสถาปนา และแค่วันเดียวก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร

เขาจะถือว่าวันนี้เป็นวันพักของเขา ทหาร และชาวเมืองด้วย

ให้ทุกคนได้พักสักวัน มันคงจะไม่สายเกินไปที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต

เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก

จากนั้นเขาก็คิดถึงคำพูดของลอร์ดบนกระดานสนทนาว่าพวกเขาต้องการหนังสือทักษะและอุปกรณ์สวมใส่

“ฉันหวังว่าการขายหนังสือทักษะและอุปกรณ์สวมใส่ในคราวนี้จะทำให้ฉันถอนทุนที่ซื้อสายเลือดเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณต้นกำเนิดกลับมาได้นะ ได้สักครึ่งก็ยังดี”

โจวโจวคิด จากนั้นเขาก็เปิดตลาดซื้อขายขึ้นมาและวางขายหนังสือทักษะ 100 ล้านเล่มและอุปกรณ์สวมใส่ 200 ล้านอัน

ในทันทีที่การซื้อขายจำนวนมากขนาดนี้ปรากฏขึ้นบนตลาดซื้อขาย พวกมันก็ดึงดูดความสนใจของลอร์ดเป็นจำนวนมากในทันทีและพุ่งขึ้นสู่อันดับหนึ่งของการค้นหาในทันใด

ลอร์ดบนกระดานสนทนาอึ้งไปอีกครั้งกับความยิ่งใหญ่ของเจ้าตะวันสาดแสง

แต่โจวโจวก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไร

“แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันพัก แต่มันก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่ดี”

หลังจากปิดหน้าจอตลาดซื้อขายลงไปแล้ว เขาก็ยืนขึ้นและเดินไปยังประตูอัญเชิญ

หน้าประตูอัญเชิญ โจวโจวได้มองไปยังภาพตรงหน้าของเขา

[ท่านต้องการอัญเชิญหรือไม่?]

“ต้องการ!”

อึดใจต่อมา ประตูอัญเชิญก็เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า จากนั้นคนเป็นจำนวนมากก็เดินออกมา

ในไม่ช้า ลูกน้องใหม่ 4,000 คนก็เดินออกมาจากประตูอัญเชิญ

“คาราวะฝ่าบาท!” x4,000

ลูกน้องใหม่ทุกคนกล่าวด้วยความเคารพ

“ยินดีต้อนรับสู่เมืองตะวันสาดแสงนะ”

โจวโจวยิ้ม

จากนั้นเขาก็บอกให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนยืนขึ้นและพบว่าเขาอัญเชิญผู้เชี่ยวชาญออกมาได้ 235 คนในคราวนี้

มันมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่าปกติถึง 29 คน!

จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้

ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญทุกคน มันมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับเพชรขั้นกลาง 1 คน ทหารราบระดับเพชรขั้นกลาง 1 คน พ่อมดปีศาจระดับเพชรขั้นกลาง 1 คน ช่างตีเหล็กระดับเพชรขั้นกลาง 1 คน และสถาปนิกระดับเพชรขั้นกลาง 2 คน!

ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเพชรขั้นต้นลงไป

โจวโจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

มันเหมือนกับการได้รับผู้มีพรสวรรค์จากคะแนนชื่อเสียงมาฟรีๆ ทุกวันเลย

ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อจ้าวฉางโจวมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เขาก็เป็นแค่สถาปนิกระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงเท่านั้นแม้จะเป็นผู้มีพรสวรรค์จากคะแนนชื่อเสียง แต่ในบรรดาลูกน้องที่เขาอัญเชิญออกมาตามปกติในตอนนี้ มันกลับมีสถาปนิกระดับเพชรขั้นกลางถึงสองคน และยังไม่พูดถึงสถาปนิกที่มีระดับต่ำกว่านี้อีกด้วย

เมื่อมองดูจากเรื่องนี้ มันก็ดูเหมือนว่าในช่วงนี้เขาจะได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากจริงๆ

โจวโจวยิ้ม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผยองอะไร

เขารู้ว่าหนทางยังอีกยาวไกล ความสำเร็จในตอนนี้ไม่อาจเทียบกับเป้าหมายของเขาได้เลย

จากนั้นเขาก็ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างๆ จัดการเรื่องของลูกน้องใหม่พวกนี้ต่อ ในขณะที่เขากำลังจะพาทหารไปกวาดล้างโบราณสถานกาลเวลาต่อ มันก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาจากระยะไกล

“ฝ่า… ฝ่าบาท มีผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาที่ดินแดนและบอก… บอกว่าพวกเขาต้องการเข้าร่วมกับอาณาจักรตะวันสาดแสงและกลายเป็นชาวอาณาจักรตะวันสาดแสงขอรับ”

เขาหอบหายใจและเบิกตากว้างราวกับว่าเขาได้เห็นสิ่งที่น่าตกใจสุดขีด

โจวโจวประหลาดใจเล็กน้อย

เขามีพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเงินขาว อ้อมกอดแห่งผู้พิชิต และเนื่องจากชื่อเสียงของเขา มันก็จะมีผู้ลี้ภัยนับร้อยนับพันคนมาเข้าร่วมกับดินแดนของเขาทุกๆ วันอยู่แล้ว

ไม่ใช่ว่ามันก็ปกติเหรอ?

ทำไมต้องโวยวายขนาดนี้ด้วย?

เขาเพิ่งมารับตำแหน่งเหรอ?

“ไม่เป็นไร ก็ยอมรับพวกเขาให้เป็นคนของอาณาจักรไปสิ”

โจวโจวตอบกลับอย่างสบายๆ และไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเรื่องนี้นัก

“ฝ่าบาท มันไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากจะยอมรับพวกเขา แต่สถานการณ์มันเหนือกว่าการควบคุมของพวกเราไปแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง รองเจ้าเมืองเจิ้งได้บอกให้ข้ามาเชิญฝ่าบาทไปดูขอรับ” ทหารผู้นั้นกล่าว

โจวโจวอึ้ง

ลุงเจิ้งให้มาเชิญฉันเหรอ?

“งั้นก็ไปกัน” โจวโจวเปลี่ยนใจและพูดออกมาทันที

ถ้าเจิ้งหยวนฉีให้เชิญเขาไปจริงๆ มันก็น่าจะมีอะไรไม่ปกติแล้ว

เกิดอะไรขึ้น?

โจวโจวสับสน

มันมีปัญหาอะไรกับพวกผู้ลี้ภัยงั้นเหรอ?

โจวโจวขึ้นไปบนยานราตรีประดับดาวและมุ่งหน้าไปยังกำแพงเมืองทันที

เหตุผลที่เขาต้องใช้ยานบินก็ไม่ใช่เพราะเขาขี้เกียจ แต่มันเป็นเพราะเมืองตะวันสาดแสงในตอนนี้ใหญ่เกินไป

ดินแดนที่ขยายขนาดขึ้นหลังจากการอัพเกรดดินแดนของเขานั้นไม่ใช่ดินแดนของทั้งอาณาจักร แต่มันแค่ดินแดนของเมืองตะวันสาดแสงเท่านั้น

ดังนั้นเมืองตะวันสาดแสงที่มีระดับเพชรขั้นกลางจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนกัน?

คำตอบก็คือ 80 ล้านตารางกิโลเมตร!

ในอดีต พื้นที่ของดาวโลกที่เขาเคยอยู่ก็มีแค่ 510 ล้านตารางกิโลเมตรเท่านั้น และพื้นที่ของเมืองตะวันสาดแสงเพียงอย่างเดียวก็กินพื้นที่ถึงหนึ่งในหกของดาวโลกไปแล้ว!

มันอาจจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่ในทวีปจื้อเกาที่มีสรรพเผ่าพันธุ์ทำสงครามกันอยู่เนืองๆ พื้นที่เล็กๆ เช่นนี้อาจเทียบเท่ากับเม็ดทรายเม็ดหนึ่งในทะเลทรายเท่านั้น

มันเป็นเพราะขนาดอันใหญ่โตเช่นนี้ของเมืองตะวันสาดแสงที่ทำให้โจวโจวต้องใช้ราตรีประดับดาว

เมื่อเขามาถึงกำแพงเมืองแล้วและเห็นเหล่าผู้ลี้ภัยใต้กำแพงเมือง เขาก็อึ้งไปในทันทีกับภาพตรงหน้า

“เชี่ย! เกิดอะไรขึ้น?”

“ฝ่าบาท ท่านรู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมข้าถึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชิญท่านมา?” เจิ้งหยวนฉีที่กำลังรออยู่นานแล้วก็อดยิ้มออกมาอย่างขมขื่นไม่ได้เมื่อเขาได้ยินคำพูดของโจวโจว

โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมา

สายตาของเขามองทอดออกไปนอกกำแพงเมืองและมองไปยังเหล่าผู้ลี้ภัยที่ทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา

ในบรรดาผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี พวกเขาดูเหมือนสวมทองและเงิน ผู้ลี้ภัยหลายคนถึงกับเปล่งรัศมีของคนที่ไม่ธรรมดาออกมาด้วย

ทำไมพวกนายถึงเป็นผู้ลี้ภัยได้ในเมื่อพวกนายรวยขนาดนี้และยังดูไม่ธรรมดาด้วย?

โจวโจวตกใจ

“พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยกันหมดเลยเหรอ?”

โจวโจวอดถามออกมาไม่ได้

“ขอรับ”

เจิ้งหยวนฉีตอบอย่างตรงไปตรงมา

“มีจำนวนเท่าไร?”

“ยังไม่มีรายงานขอรับ แต่จากการประเมินของข้า มันน่าจะมีผู้ลี้ภัยประมาณหนึ่งล้านคนขอรับ”

โจวโจว: “…”

โลกนี้บ้าไปแล้วหรือเป็นฉันเองที่บ้าไป? ผู้ลี้ภัยหนึ่งล้านคนงั้นเหรอ?

มันมีสงครามขนาดใหญ่อยู่แถวๆ นี้เหรอ? และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวเมืองจำนวนมากมายขนาดนี้ไร้บ้านและมองหาบ้านใหม่ใช่ไหม?

โจวโจวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม