บทที่ 77: ความเท็จทำให้เกิดความตาย เราไปรับแขกกันเถอะ
“ ท่านลุงเจียงช่างยอดเยี่ยม!”
หวังจินเซิงอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ
สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ภาษีของต้าจินนั้นก็ค่อนข้างหนักอยู่แล้ว และด้วยการเพิ่มภาษีขึ้นอีก ชนกลุ่มน้อยในมณฑลลู่ก็จะต้องล่มสลายลงอย่างแน่นอน
ในความคิดของเขา คนธรรมดาก็เป็นเพียงกลุ่มสามัญชนที่ต่ำต้อย
ในตอนนี้ ซุยเฮ็งก็ได้ให้ผลประโยชน์แก่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงรักและสนับสนุนเขาโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ดี หลังจากประกาศพระราชกฤษฎีกานี้ออกไปแล้ว พวกเขาก็จะหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ซุยเฮ็งอย่างแน่นอน
ความรู้สึกของคนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอด
ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงง่ายมากที่จะจัดการ
ง่ายมากจริงๆ!
หวังจินเซิงไม่สามารถหยุดยิ้มได้
เขารู้สึกว่าเขาสามารถเห็นการแสดงออกที่น่าสังเวชและสิ้นหวังของซุยเฮ็งได้
หวังฉิงฉวนและซุนเหลียนเซิงก็ชื่นชมด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
นโยบายนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังให้ประโยชน์ต่อธุรกิจของพวกเขา
แบบนี้แล้วคนธรรมดาจะไปอยู่รอดได้อย่างไร?
ไม่รู้ และพวกเขาก็ไม่สนด้วย
ถึงอีกฝ่ายจะตาย มันก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แม้ว่าจะมีการต่อสู้กัน แต่มันก็จะอยู่ที่สำนักงานเทศมณฑล
มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา
งานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เจ้าภาพและแขกต่างก็มีความสุข
เมื่อเจียงหวานซานจากไป ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
...
ตอนเช้าตรู่
หวังฉิงฉวนและหวังจินเซิงกล่าวคำอำลากับซุนเหลียนเซิงและออกเดินทางไปยังมณฑลลู่
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของพวกเขาก็แตกต่างไปจากเป้าหมายเดิม
หลังจากได้ยินแผนของเจียงหวานซาน ทั้งสองคนก็ล้มเลิกความคิดที่จะกำจัดซุยเฮ็ง
เขาเป็นเพียงลูกแกะที่รอจะถูกเชือดเท่านั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะโจมตีเขา
มันคงจะน่าพึงพอใจมากกว่าหากพวกเขาได้เห็นเขาตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่งของประชาชนหลังจากพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ถูกประกาศออกมา
ในครั้งนี้ หวังฉิงฉวนและหวังจินเซิงก็ไปที่มณฑลลู่ด้วยเหตุผลสองประการ
หนึ่งคือเพื่อช่วยซุนผานซื่อ
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นลูกชายของซุนเหลียนเซิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทิ้งเขาไว้ที่มณฑลลู่เฉยๆ ได้
ประการที่สองคือการกำจัดซูเฟิงอัน
แม้ว่าศาลากระบี่ยู่หัวจะตั้งอยู่มานานนับพันปีแล้ว แต่ซูเฟิงอันก็มักจะเก็บตัวอยู่แต่เงียบๆ ด้วยเหตุนี้เอง รากฐานของพวกเขาจึงตื้นเขินมาก และเขาก็ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากสำนักชั้นนำและตระกูลใหญ่ใดๆ
ถึงอย่างนั้น ซูเฟิงอันก็กล้าที่จะช่วยเหลือซุยเฮ็งและยืนหยัดต่อสู้กับสำนักและตระกูลใหญ่ต่างๆ
เขากำลังหาเรื่องตาย!
เขาต้องถูกกำจัดเพื่อเป็นการเตือนคนอื่นๆ!
….
ในวันนี้ มณฑลลู่ก็มีชีวิตชีวามากกว่าปกติมาก
เมื่อคืนที่ผ่านมา พ่อค้าที่มีอำนาจและการสนับสนุนของพ่อค้าเหล่านั้นได้ถูกผู้ว่าการจับจนหมด
ราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นถึง 15 เท่าได้ถูกกดราคาลงภายในชั่วข้ามคืน
ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงโห่ร้องและเดินขบวนไปตามท้องถนนเพื่อทำการขอบคุณผู้ว่าการมณฑลคนใหม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น พวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปในทันที
“ งานชุมนุมร้องทุกข์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว! งานชุมนุมร้องทุกข์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว! ท่านผู้ว่าการจะออกมาทำการไต่สวนพวกพ่อค้าต่อหน้าสาธารณะ เขาจะให้พวกเขาอธิบายให้ชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการจะต่อสู้กับพวกเราเหล่าสามัญชน!”
“ ทุกคนออกมาร้องถึงความคับข้องใจของเรากันเถอะ ไม่ว่าที่ผ่านมาเราจะทุกข์ใจแค่ไหน ครั้งนี้เราก็จะสามารถพูดได้อย่างเสรี นั่นก็เพราะท่านผู้ว่าการจะยืนหยัดเพื่อพวกเรา!”
คนที่ตะโกนขึ้นคือเด็กหนุ่มผิวคล้ำ
เขาดูจะมีอายุเพียง 15 ถึง 16 ปีเท่านั้น
และมันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจ้าวกู่ตัน ทหารหนึ่งในสิบหรือมากกว่านั้นที่ซุยเฮ็งได้นำติดมาด้วยเมื่อเขามายังมณฑลลู่
เสียงของเขาดังมาก ดังนั้นผู้คนทุกคนจึงได้ยินเขาอย่างชัดเจนจากระยะไกล และทันใดนั้นก็มีหลายคนเดินเข้ามาถาม
“ น้องชาย งานชุมนุมร้องทุกข์ที่เจ้าพูดมามันหมายถึงอะไร?”
“ มันคืองานที่เราจะสามารถเล่าความคับข้องใจทั้งหมดที่เราได้ประสบมาให้กับพวกเขาฟังได้อย่างงั้นหรอ?”
“ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน สามัญชนอย่างเราจะสามารถออกเสียงแบบนั้นได้ด้วยหรอ?”
หลายคนในมณฑลลู่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนและพบว่ามันน่าเหลือเชื่อ
ในยุคนี้ คนธรรมดาก็ถือว่าโชคดีที่พวกเขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้
“ พี่น้องลุงป้าน้าอาจงฟังข้าให้ดี” จ้าวกู่ตันเรียบเรียงคำพูดของเขาได้อย่างคล่องแคล่วและเล่าประสบการณ์ของเขาในมณฑลจูเหออย่างรวดเร็ว
เขายังบอกพวกเขาเกี่ยวกับมาตรการทางการเมืองของซุยเฮ็งในตอนที่เขาอยู่ในมณฑลจูเหอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดว่าเขาต่อสู้กับเผด็จการและจัดสรรแบ่งที่ดินอย่างไร และเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ประชาชนหลายคนก็มีตาเป็นประกาย
ด้วยเหตุนี้เอง ประชาชนจำนวนมากจึงรีบไปที่ทางเข้าตลาดทางตอนเหนือของมณฑลลู่
หวังจินเซิงและหวังฉิงฉวนซึ่งปลอมตัวอยู่ได้มาถึงตลาดและยืนอยู่ที่มุมๆ หนึ่ง
พวกเขามองไปที่กลุ่มประชาชนที่เข้าแถวร้องทุกข์ พวกเขารู้สึกรำคาญและรังเกียจโดยสัญชาตญาณ
“ ไร้สาระ นี่มันไร้สาระจริงๆ!” การแสดงออกของหวังฉิงฉวนดูมืดมนอย่างมากในขณะที่เขามองไปยังเวทีที่กำลังถูกสร้างขึ้น “ พวกเขาพยายามจะดึงหลานซุนและคนอื่นๆ มาไว้ที่เวทีนี้และตัดสินพวกเขาเหมือนกับลิงอย่างงั้นหรอ?”
“ จากสิ่งที่พวกเขาพูดมา มันก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” ความหวาดกลัวฉายผ่านดวงตาของหวังจินเซิง ถ้าเขาไม่หนีในตอนนั้น ตอนนี้เขาก็คงจะถูกดึงตัวขึ้นไปบนเวทีแล้วเช่นกัน
“ ช่างเป็นความอัปยศอดสูยิ่งนัก!” หวังฉิงฉวนโกรธมากและเจตนาฆ่าก็ปะทุขึ้นในใจของเขา “ เขาเหยียบหน้าสำนักและตระกูลของเรา เราจะปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!”
“ ท่านลุงไม่ต้องกังวลไป ด้วยแผนของท่านลุงเจียง เจ้าหมอนั่นก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน!” หวังจินเซิงกัดฟันและกำหมัด
“ ใช่ มันจะต้องตายแน่นอน!” หวังฉิงฉวนพยักหน้าและถามด้วยเสียงต่ำ “ อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนเจ้าได้ตรวจสอบเรื่องทหารชั้นยอดนับพันคนแล้วหรือยัง?”
“ เรียบร้อยแล้ว” หวังจินเซิงพูดด้วยความขุ่นเคือง “ มันเป็นซูเฟิงอันที่ลงมือทำ เขาจับซุนผานซื่อและสังหารทหารชั้นยอดไปนับสิบ เขาทำให้ทหารที่เหลือยอมจำนนและพวกเขาก็น่าจะถูกจับและถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดิน ณ เวลานี้”
สิ่งแรกที่หวังจินเซิงทำหลังจากมาถึงมณฑลลู่ก็คือการตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ต้องเข้าใจก่อนว่าการต่อสู้จบลงอย่างไรหลังจากที่เขาจากไป
ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถพึ่งพาจำนวนทหารที่ซูเฟิงอันเก็บไว้ในการเสริมความแข็งแกร่งของเขาได้
แม้ว่าหวังฉิงฉวนจะดูถูกซูเฟิงอัน แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับผู้ฝึกตนระดับสูง
เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อม การรู้จักตัวเองและศัตรูเท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถชนะการต่อสู้ได้ทุกครั้ง
น่าเสียดายที่ผลการตรวจสอบของหวังจินเซิงนั้นอ้างอิงมาจากพลเมืองของมณฑลลู่
ซึ่งความจริงแล้วเมื่อคืนก็ไม่มีใครกล้าออกไปไหน
ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีใครได้เห็นฉากการต่อสู้ที่แท้จริง
ผู้คนส่วนใหญ่ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องอันแผ่วเบา และมันก็มีคนเพียงจำนวนเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงของซุนผานซื่อและคนอื่นๆ ที่บุกหนีออกไปนอกหน้าต่างและพยายามจะหลบหนี
แม้แต่เลือดบนถนนก็ยังถูกชะล้างโดยเฉินตงและคนของเขา ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีร่องรอยของการฆ่าฟันเมื่อคืนหลงเหลืออยู่เลย
เช้าวันนี้ หลังจากที่สามัญชนออกมาและเห็นท้องถนนที่สะอาด พวกเขาจึงไม่คิดว่ามันจะมีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้น
พวกเขาคิดเพียงว่าการต่อสู้น่าจะหยุดลงก่อนเพราะผู้ร้ายได้ถูกจับโดยทางการ
ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่หวังจินเซิงได้ยินข่าวนี้ เขาจึงคิดว่ามันน่าจะเป็นฝีมือของซูเฟิงอัน
จากสิ่งที่เขารู้ ซูเฟิงอันก็เป็นผู้ฝึกตนระดับสูงเพียงคนเดียวในมณฑลลู่ เพราะฉะนั้นแล้ว มันก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้
และแน่นอนว่าสิ่งนี้แตกต่างจากความจริงเล็กน้อย
“ เพื่อที่จะสามารถฆ่าทหารชั้นยอดที่ติดอาวุธและติดเกราะหลายสิบคนด้วยตัวคนเดียวได้ ผู้ชายคนนี้ก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตสัมผัสโลกาทั่วไปอย่างแน่นอน”
หวังฉิงฉวนเชื่อคำพูดของหวังจินเซิงและเย้ยหยัน “ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับข้าแล้ว จุดยืนของเราสองคนก็ยังคงห่างไกล”
“ ท่านลุง ถ้าท่านลงมือ ซูเฟิงอันก็จะต้องตายแน่นอน!” หวังจินเซิงยิ้ม
“ ถ้าข้าไม่สามารถฆ่าแม้แต่ซูเฟิงอันได้ ข้าก็คงจะทำเสียชื่อตระกูลหวังหมด” หวังฉิงฉวนมีความมั่นใจมาก “ จินเซิง เจ้ารอที่นี่นะ เมื่อหลานซุนปรากฏตัวขึ้น เจ้าก็ไปช่วยเขาด้วย ส่วนข้าจะไปฆ่าซูเฟิงอันเพื่อป้องกันไม่ให้เขาสร้างปัญหาเอง”
“ ไม่มีปัญหา ท่านไม่ต้องกังวล” หวังจินเซิงมีความมั่นใจมากเช่นกัน เขามองไปที่ฮุ่ยฉีซึ่งทำหน้าที่เป็นยามบนเวทีและหัวเราะเบาๆ “ ยามคนนั้นเคยแพ้ให้กับข้ามาก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าก็ยอมปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ แต่ครั้งนี้ ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้อีกแล้ว”
“ ใช่แล้ว เราจะต้องกำจัดพวกมันให้หมด” หวังฉิงฉวนพยักหน้าและพูดว่า “ ระวังการต่อสู้ให้ดี อย่าต่อสู้ให้มันยืดเยื้อ และหลังจากช่วยพวกเขาแล้ว เจ้าก็จงออกไปในทันที”
“ ข้าเข้าใจแล้ว!” หวังจินเซิงยิ้มและพูดว่า “ ท่านลุงไม่ต้องกังวล อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตควบรวมปราณ มันไม่ใช่เรื่องยากที่ข้าจะเอาชนะเขา”
“ ดีแล้ว” หวังฉิงฉวนจากไปด้วยความโล่งใจ เขารู้จักความแข็งแกร่งของหวังจินเซิงเป็นอย่างดี มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแพ้ให้กับผู้ฝึกตนขอบเขตควบรวมปราณ
หลังจากนั้น หวังจินเซิงก็รออย่างอดทนอยู่ที่มุมห้อง
ไม่นานแท่นเวทีก็ตั้งขึ้นเสร็จ และประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ส่งเสียงเชียร์
เมื่องานเริ่ม พวกพ่อค้าก็ถูกนำตัวขึ้นมาทีละคนและสามัญชนก็เริ่มยืนขึ้นเพื่อร้องทุกข์ด้วยความโกรธ สามัญชนหลายคนถึงกับปีนเวทีขึ้นไปทุบตีพวกพ่อค้าจนเกือบตาย
“ ไอ้พวกไร้การศึกษา!” หวังจินเซิงกัดฟันของเขา สถานะของเขาแตกต่างจากสามัญชนเหล่านี้โดยสิ้นเชิง และเมื่อเขาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็รู้สึกได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ
ในที่สุดหลังจากผ่านไปนาน ซุนผานซื่อที่ดูซีดเซียวและอยู่ในสภาพเสียใจอย่างยิ่งก็ถูกนำตัวขึ้นมา
ฮุ่ยฉีได้พาเขาขึ้นมาเองเป็นการส่วนตัว
“ ได้เวลาแล้ว!” ดวงตาของหวังจินเซิงสว่างขึ้น “ ตายซะ!”
เขาใช้เคล็ดวิชาตัวเบาและบินขึ้นไปบนเวทีในทันที เขาง้างแขนออกและเหวี่ยงหมัดไปที่ฮุ่ยฉีเพื่อหมายจะปลิดชีพอีกฝ่าย
ขณะเดียวกัน การแสดงออกของฮุ่ยฉีก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเล็กน้อย เขามองไปที่หวังจินเซิงราวกับว่าเขากำลังมองดูคนโง่
….
หวังฉิงฉวนไม่ได้เลือกที่จะลอบโจมตี
นี่เป็นเพราะเขารู้ว่ามันไร้ประโยชน์เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนระดับแนวหน้าของโลก
เขาวางแผนที่จะฆ่าซูเฟิงอันแบบตัวต่อตัว
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตือนซุยเฮ็ง เขาจึงได้วางแผนที่จะฆ่าซูเฟิงอันให้ตายต่อหน้าซุยเฮ็ง
ด้วยเหตุนี้เอง หวังฉิงฉวนจึงมาที่สำนักงานเทศมณฑลเพียงลำพังและถอดชุดปลอมตัวของเขาออก
ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็กำลังพูดคุยกับซูเฟิงอันและหลิวหลี่เต๋าอยู่
ทันใดนั้นเขาก็มองออกไปข้างนอก
“ ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าขยะแขยงดีจริงๆ มันเป็นใครกันนะ?” ซุยเฮ็งมีความสุขมาก เขาวางพู่กันในมือลงแล้วยิ้มขึ้น “ ซูเฟิงอัน หลิวหลี่เต๋า ดูเหมือนเราจะมีแขกรออยู่ข้างนอกนั่นนะ เราไปพบเขากันเถอะ”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved