ตอนที่ 207

บทที่ 207 การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ มุ่งหน้าสู่สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์

ในเวลาเดียวกับที่เป่ยฉิงซูทะลวงผ่าน ซุยเฮ็งผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของตัวอ่อนวิญญาณ

แสงสีทองบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นข้างๆ ทารกตัวเล็ก มันเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ของหยางและสามารถรวมเป็นรูปลักษณ์ได้ตลอดเวลาด้วยพลังปราณ

ในเวลาเดียวกัน พลังปราณของซุยเฮ็งก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทันที เขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

เขามีความรู้สึกว่าตราบเท่าที่เขาสามารถพบประสบการณ์ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันได้อีก เขาก็จะสามารถทะลวงผ่านไปยังขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางได้

ผลกำไรนั้นยอดเยี่ยมมาก!

“ นี่คือการเก็บเกี่ยวจากการสำรวจเส้นทางการฝึกตนที่ไม่เป็นที่รู้จักอย่างงั้นหรอ? มันน่าตกใจจริงๆ!” ซุยเฮ็งรู้สึกประหลาดใจ

การเติบโตของตัวอ่อนวิญญาณนั้นมากเกินไปจนเรียกได้ว่าไร้สาระ!

สิ่งนี้ทำให้เขามีความคิดว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องไปที่ไหนก็ได้ เขาเพียงแค่ต้องไตร่ตรองเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกตนที่ไม่รู้จักเพื่อทะลวงไปสู่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในความคิดที่สอง เขาเข้าใจว่าสถานการณ์แบบนี้จะเผชิญหน้าได้ก็โดยอาศัยโชคเท่านั้น และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถคิดออกได้ด้วยตัวเอง

เคล็ดวิชาเซียนที่เป่ยฉิงซูฝึกนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยซุยเฮ็ง ตามแนวคิดวรยุทธ์ขั้นพื้นฐานและการฝึกตน

เส้นทางของโลหิตเทวาที่เติมร่างกายของเขานั้นได้รับการฝึกฝนโดยเป่ยฉิงซูหลังจากที่เขามาถึงจุดสิ้นสุดของเคล็ดวิชาแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง เป่ยฉิงซูจึงไม่รู้ว่าจะต้องฝึกยังไงต่อไป

แต่ในตอนนี้ เขาก็ได้ปรับแต่งกายาหยางบริสุทธิ์ขึ้นมาแล้ว มันเป็นเคล็ดวิชาที่ซุยเฮ็งสร้างขึ้นโดยการผสมผสานวิธีการฝึกตนของขอบเขตขั้นที่สี่เข้ากับแนวคิดของการควบแน่นแก่นแท้ทองคำ

อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ “เส้นทางใหม่” นี้ก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากการไม่มีอะไรเลย

ที่มาของทุกขั้นตอนและทุกแนวคิดเบื้องหลังนั้นสามารถตรวจสอบได้

มันไม่ใช่น้ำที่ไม่มีแหล่งที่มา และไม่ใช่ต้นไม้ที่ไม่มีราก

“ หากฉันไม่สามารถสัมผัสกับวิธีการฝึกตนอื่นนอกเหนือจากการฝึกวรยุทธ์และรวมเข้ากับแนวคิดการฝึกตนเซียนเพื่อสร้างเส้นทางอื่นได้ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับผลประโยชน์เช่นนี้”

ซุยเฮ็งคิดกับตัวเองว่า “ อย่างไรก็ตาม หากมีบุคคลอื่นที่สามารถปูเส้นทางใหม่ด้วยความช่วยเหลือจากฉันได้อีก ฉันก็ยังจะสามารถได้รับกำไรตรงส่วนนี้ได้”

สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงหลี่หมิงเฉียง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซุยเฮ็งก็ถามเป่ยฉิงซูโดยตรงว่า “ ยังไงก็ตาม ฉิงซู เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของหมิงเฉียงเป็นยังไงบ้าง? นางเป็นเหมือนกับเจ้ารึเปล่า?”

“…” รอยยิ้มบนใบหน้าของเป่ยฉิงซูแข็งค้างเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ อารมณ์ของเขาซับซ้อนมาก ปรากฎว่าบุคคลที่สำคัญที่สุดในหัวใจของอาจารย์ก็ยังคงเป็นหลี่หมิงเฉียง เขาเพิ่งทะลวงขอบเขตสำเร็จ แต่อาจารย์ก็ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น เขาก็ตกใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าสภาพจิตใจของเขาดูอ่อนเยาว์ลงพร้อมๆ กับร่างกายของเขา

เมื่อก่อนเขาไม่เคยมีความคิดแบบนี้

หลังจากที่เป่ยฉิงซูรู้เรื่องนี้ เขาก็สงบลงเล็กน้อยและหายใจเข้าลึกๆ “ นางมีพละกำลังเทียบได้กับขอบเขตพระพุทธเจ้า อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ได้เดินบนเส้นทางเดียวกับข้า ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่ได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่แน่นอนของนาง”

ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นค่อนข้างซับซ้อน

มันมีความบาดหมางและชะตากรรมที่ลึกซึ้งระหว่างพวกเขา พวกเขายังเป็นสหายและพันธมิตรกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันโดยตรงและมักจะติดต่อกันทางจดหมายเท่านั้น

โดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงไม่ค่อยได้ถามเกี่ยวกับความลับดังกล่าว

“ นางเองก็เดินไปตามทางของนางเหมือนกันสินะ” ซุยเฮ็งรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นี่หมายความว่าเขาจะสามารถเก็บเกี่ยวผลใหญ่อีกครั้งได้

สิ่งนี้หายากมาก!

“…” เป่ยฉิงซูเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็กำหมัดแน่นและพูดว่า “ ท่านอาจารย์ ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าข้ามีพลังอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นี่คือพลังของเซียนขอบเขตที่สี่อย่างงั้นหรอ มันแข็งแกร่งมาก!”

“ ใช่แล้ว หลังจากได้รับการหลอมรวมจากความทุกข์ยากบนฟ้า เจ้าก็ได้ขัดเกลาร่างกายหยางอันบริสุทธิ์ขึ้นมาได้ เจ้าเพิ่งจะฝ่าฟันมาได้และความแข็งแกร่งของเจ้าก็น่าจะเทียบเท่ากับขอบเขตเทพลึกลับไท่อี้แล้ว” ซุยเฮ็งยิ้มและชมเขา จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและถอนหายใจ “ น่าเสียดาย เนื้อแท้เซียนทองเจ้าได้ลดลงอย่างมากในช่วงที่เกิดภัยพิบัติสายฟ้า และไม่สามารถทำให้เจ้าเกิดใหม่จากเลือดเพียงหยดเดียวได้ นอกจากนี้ อายุขัยของเจ้าก็ยังยืดออกไปเพียง 800 ปีเท่านั้น”

“ ท่านอาจารย์ แค่นี้ข้าก็พึงพอใจมากแล้ว” เป่ยฉิงชูกล่าวอย่างนอบน้อม “ เมื่อกายาหยางบริสุทธิ์ถูกสร้างขึ้น มันก็จะสามารถยืดอายุของคนๆ หนึ่งออกไปได้ถึง 800 ปี ศีรษะของเราอาจถูกตัดขาดได้แต่ไม่ตาย และแขนขาของเราก็สามารถงอกใหม่ได้ แค่นี้ก็นับเป็นลาภอันประเสริฐที่ท่านอาจารย์ได้มอบให้ข้าแล้ว”

สถานการณ์ในปัจจุบันของเขายังคล้ายกับขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นต้น

เขาไม่สามารถเกิดใหม่ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว เมื่อร่างกายของเขาสมบูรณ์มากกว่า 50% เท่านั้น เขาถึงจะสามารถเกิดใหม่ได้ นอกจากนี้ อายุขัยของเขาก็ค่อนข้างสั้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับที่เป่ยฉิงซูพูดไว้ สำหรับเขาซึ่งใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้ว นี่ก็นับเป็นโชคลาภอันประเสริฐ

“ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล” ซุยเฮ็งเตือนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันมองไปทางอื่นแล้วหัวเราะเบาๆ “ ดูเหมือนเราจะมีแขกมาหาแล้ว”

ทันทีที่เขาพูดจบ

แสงสีเงินสว่างจ้าที่ดูเหมือนกับแสงดาวก็ลอยมาจากระยะไกลและหยุดห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้ ราวกับว่ามันกำลังสังเกตสถานการณ์ที่นี่อย่างระมัดระวัง

คนที่มาดูเหมือนจะเป็นราชาสวรรค์ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่สูงกว่าราชาสวรรค์หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน

นี่คือออร่าของเทพลึกลับของสำนักพุทธ

อย่างไรก็ตาม มันก็ให้ความรู้สึกแปลกๆ

“ มันเป็นการแยกส่วนวิญญาณนี่เอง” ซุยเฮ็งมองผ่านเทพลึกลับด้วยการมองเพียงแวบเดียวและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ มานี่สิ มิฉะนั้น ด้วยการฝึกตนของเจ้า ไม่ต้องพูดถึงร้อยลี้เลย แม้ว่าเจ้าจะอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ แต่ข้าก็ยังไปหาเจ้าได้อย่างง่ายดาย”

คนที่อยู่ห่างไกลออกไปตัวสั่นอย่างชัดเจนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก็ยังบินเข้ามา

นี่คือชายชราที่ดูเหมือนจะมีอายุประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบปีแล้ว ผมและเคราของเขาขาว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย เขาสวมชุดคลุมที่มีลวดลายดวงดาวในขณะที่เขาบินมาจากระยะไกล

“ เซียนน้อยคารวะท่านประมุขเซียน” ชายชราสามารถบอกได้ในทันทีว่าซุยเฮ็งเป็นผู้นำของที่นี่ เป่ยฉิงซูยืนอยู่ข้างหลังซุยเฮ็งด้วยท่าทางที่เคารพ

ตอนนี้ชายชรารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเขา

เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าการกระทำของเขาจะนำพาเขามาเจอกับตัวตนที่ทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ

อันที่จริง ซุยเฮ็งก็ได้จงใจยับยั้งออร่าบนร่างกายของเขาแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว แรงกดดันของผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน

หากเขาทำสิ่งนี้ในโลกสูญสวรรค์ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาผลที่จะตามมา

อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้นชายชราก็ยังรู้สึกว่าซุยเฮ็งนั้นมีพลังมหาศาลและไม่สามารถอธิบายได้

เมื่อเผชิญกับการดำรงอยู่เช่นนี้ เขาก็กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเซียนน้อยเท่านั้น

“ ใครคือวิญญาณน้อยที่ติดอยู่บนตัวเจ้าคือใคร?” ซุยเฮ็งถามตรงๆ เขาไม่แม้แต่จะถามเกี่ยวกับตัวตนของชายชรา

“ นี่…” ชายชราลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบตามจริง “ มันคือปรมาจารย์บรรพบุรุษของศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์ และเป็นหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสของสำนักเซียน”

นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณเท่านั้นที่เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาจากขอบเขตราชาสวรรค์ไปยังขอบเขตเทพลึกลับ มันทำให้เขาได้รับความแข็งแกร่งของขอบเขตขั้นที่สี่มา

“ มันดูเหมือนกับลักษณะของปีศาจไร้เทียมทานจริงๆ” ซุยเฮ็งเห็นออร่าที่แปลกประหลาดบนเศษเสี้ยววิญญาณนี้

ในเวลาเดียวกัน การฝึกตนของตัวอ่อนวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน

“ ท่านประมุขเซียน ปรมาจารย์บรรพบุรุษของเราไม่ใช่ปีศาจ!”

ชายชราอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาอาจถูกฆ่าตายได้ แต่เขาก็ยังทำสิ่งนี้เพื่อชื่อเสียงของนิกาย

“ อย่างนั้นหรอ?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ

“ ถ้าข้าจำไม่ผิด เหตุผลที่ผู้อาวุโสทั้งเก้าของสำนักเซียนยังไม่โจมตีก็เป็นเพราะพวกเขากำลังทำการยับยั้งสถานะผิดปกติบางอย่างอยู่ใช่ไหม?” ซุยเฮ็งมองไปที่ชายชราด้วยรอยยิ้ม

การจ้องมองนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะมองผ่านจิตวิญญาณของชายชราและเห็นเศษเสี้ยววิญญาณที่ติดอยู่กับมันได้อย่างชัดเจน

มันเปล่งแสงสีทองจางๆ ซึ่งดูเหมือนกับเนื้อแท้เซียนทองออกมาอย่างคลุมเครือ แต่กระนั้น มันก็ยังดูเป็นออร่าของความบ้าคลั่งและความโกรธซะมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ออร่านี้ก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังของเศษเสี้ยววิญญาณ และไม่ได้รั่วไหลออกมา มันไม่สามารถรบกวนโลกภายนอกได้ และในขณะนี้ มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชายชราที่ถูกครอบงำโดยเศษเสี้ยววิญญาณ

“ ต้องขออภัยที่ข้าไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้” ชายชรากุมมือของเขา

“ เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย” ซุยเฮ็งยิ้มและมองออกไปในระยะไกล “ หลังจากข้าเสร็จธุระแล้ว ข้าจะไปถามเขาเอง”

ในทิศทางนั้น มังกรเพลิงก็กำลังคว้าตัวซุนหวานซื่อและบินผ่านท้องฟ้าไป

….

มังกรเพลิงตัวนี้เป็นตัวที่สองที่ซุยเฮ็งได้สร้างขึ้น

ชื่อของมันคือฮั่วเอ๋อ

มันถูกสร้างขึ้นเมื่อตอนที่ซุยเฮ็งยังอยู่ที่ขอบเขตแก่นแท้ทองคำ ดังนั้นมันจึงยังอ่อนแออยู่เล็กน้อย

และแม้ว่าซุยเฮ็งจะมาถึงและเสริมพลังให้กับมันเรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ยังเคยชินกับการคำรามและชอบพูดคุย

ในความเป็นจริง มันก็มีความสามารถในการพูดภาษามนุษย์อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เพื่อหาทางไปสู่สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ ฮั่วเอ๋อจึงทำได้เพียงถามซุนหวานซื่อว่ามันต้องไปที่ไหน

สิ่งนี้ทำให้มันรู้สึกเหมือนมันเป็นมังกรที่ขมขื่นที่สุดในโลก

โชคดีที่ซุนหวานซื่อกลัวไปหมดแล้ว เขาไม่กล้าที่จะเล่นอุบายใดๆ เลยและพูดเพียงแต่ความจริงเท่านั้น

ฮั่วเอ๋อทำตามคำแนะนำอย่างรวดเร็วและพบฐานของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์

จากนั้นมันก็ปล่อยซุนหวานซื่อ

อิสรภาพอันกะทันหันทำให้ซุนหวานซื่อมีความสุขมาก ด้วยความปีติยินดี เขาก็บินกลับไปยังสำนักโดยไม่ลังเล

อย่างไรก็ตาม เขาก็บังเอิญได้พบกับอาจารย์ของเขาซึ่งเพิ่งจะกลับมาถึงที่สำนักเช่นกัน

มันคือเจ้านายที่ทิ้งโน้ตไว้และวิ่งหนีไป

อาจารย์และศิษย์มองหน้ากัน

ชายชราเป็นคนแรกที่ถาม เขาขมวดคิ้วและมองไปที่ซุนหวานซื่อด้วยความประหลาดใจ เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “ เจ้ากลับมาถึงเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“ ข้า... ข้าวิ่งกลับมาเอง!” ซุนหวานซื่อแสร้งทำเป็นสงบและไม่ได้พูดถึงมังกรเพลิง “ ท่านอาจารย์ กวนโจวนั้นอันตรายเกินไป ดังนั้นข้าจึง…”

“ บนหลังเจ้ามันคืออะไรกัน!” จู่ๆ ชายชราก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ มันเป็นรอยไหม้ของเปลวเพลิง และมันก็ดูใหม่มาก… ไม่ดีแล้ว!!”

“ โฮกกกก!”

ในขณะนี้ เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้องอยู่บนท้องฟ้าเหนือสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ และในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้าสีครามก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิงไปในทันที!