บทที่ 210 : การปกปิดหน้าประวัติศาสตร์ที่น่าสงสัย

“ โฮกกก!”

ฮั่วเอ๋อคำรามออกมา

มันเชื่อมั่นในซุยเฮ็งอย่างแน่นอนรวมถึงคำพูดที่ปลอบโยนของเขา

ด้วยเหตุนี้เอง อารมณ์ของมังกรเพลิงตัวน้อยจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่หดหู่อีกต่อไป มันร่ายรำในอากาศครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นลวดลายมังกรเพลิงและร่อนลงบนตัวฮุ่ยฉี

“ จุ๊จุ๊…” ซุยเฮ็งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็มองไปที่ เป่ยฉิงซูที่ด้านข้างและถามว่า “ ฉิงซู เจ้ารู้เกี่ยวกับสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์มากน้อยแค่ไหน"

แม้ว่าการล่มสลายที่แปลกประหลาดจะทำให้หนังสือของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านด้วยทะเลเพลิง แต่เขาก็ยังคงได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายจากการสืบสวนของมังกรเพลิง

ตัวอย่างเช่น บรรพชนที่ถูกกล่าวถึงโดยเจ้าสำนัก รูปปั้นที่ศิษย์จำนวนมากเคารพบูชา และการล่มสลายที่แปลกประหลาดในตอนท้าย

นี่หมายความว่าสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์อาจไม่ได้อ่อนแออย่างที่เห็น

แม้ว่าสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะลดกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความมันว่าจะพินาศลงไปแล้วอย่างสมบูรณ์

“ ท่านอาจารย์ สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นหนึ่งในเก้าสำนักเซียนดั้งเดิม พวกเขาบูชาเทพที่เรียกว่าเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอมาหลายชั่วอายุคนแล้ว” เป่ยฉิงซูตอบ “ มีตำนานเล่าว่า เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอนี้เป็นหนึ่งใน 36 แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ภายใต้เทพผู้สร้าง…”

“ อะไรนะ?!” ทันใดนั้นจางซูหมิงก็พูดขึ้นและมองไปที่เป่ยฉิงซูด้วยความประหลาดใจอย่างมาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาสูญเสียความสงบไปและรีบขอโทษ “ ท่านเซียน เทวาเป่ย โปรดยกโทษให้ข้าด้วย เมื่อกี้ข้าตื่นเต้นเกินไปเลยสูญเสียความสงบของข้า”

“ ผู้สมบูรณ์แบบจาง เจ้ากำลังนึกถึงเทพเต๋าที่ตำหนักเต๋าอี้ของเจ้าบูชาอยู่อย่างงั้นหรอ?” ซุยเฮ็งมองไปที่จางซูหมิงแล้วพูดกับเป่ยฉิงซูว่า “ ฉิงซู ให้ผู้สมบูรณ์แบบจางอธิบายก่อน"

“ ข้าเข้าใจแล้ว” เป่ยฉิงซูพยักหน้าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง เรื่องเป็นเช่นนี้…” จางซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์และพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบมิได้ “ ตามบันทึกของตำหนักเต๋าอี้ของข้า ในสมัยโบราณ เมื่อครั้งที่เทพผู้สร้างลงมาและแบ่งทั้ง 36 รัฐของโลก”

“ ในหมู่พวกเขา เทพเต๋าที่ตำหนักเต๋าอี้ของข้าบูชาอยู่ก็เป็นหัวหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์ ความคิดที่จะแบ่งดินแดนออกเป็น 36 รัฐเองก็ถูกตัดสินโดยเขาเช่นกัน สำหรับเหตุผลที่เขาตัดสินใจเช่นนั้น มันก็เป็นเพราะมันมีเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด 36 องค์”

“ ดังนั้นเจ้าเลยสงสัยว่า 36 แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้นั้นจะเกี่ยวข้องกับเทพที่ลงมายังโลกเบื้องล่างในสมัยโบราณอย่างงั้นหรอ?” ซุยเฮ็งเข้าใจได้ทันทีว่าจางซูหมิงหมายถึงอะไร

“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง ข้าเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น” จางซูหมิงพยักหน้าและพูดว่า “ นอกจากนี้ มันก็ยังมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตำหนักเต๋าอี้ของเราด้วย นอกเหนือจากเทพเต๋าที่สำนักของเราบูชาซึ่งสวมชุดกายาและถือภาพวาดแล้ว เทพศักดิ์สิทธิ์องค์อื่นๆ เองก็ล้วนมีอาวุธเหมือนแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์””

“ หากเป็นในกรณีนี้ มันก็อาจจะมีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างทั้งสอง” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ อย่างไรก็ตาม เรื่องของ 36 เทพที่ลงมายังโลกเบื้องล่างเพื่อแบ่งดินแดนออกเป็น 36 รัฐนั้นก็เป็นเรื่องเก่าเมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว เว้นแต่ว่าเราจะสามารถเดินทางไปที่ตำหนักเต๋าอี้ได้ นอกนั้นก็เป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบ”

ความลับโบราณนี้มีผลกระทบเป็นวงกว้างและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกตนของตัวอ่อนวิญญาณของเขา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการเพิ่มพูนการฝึกตนของเขา แต่เขาก็ต้องคิดให้ออก

“ ข้าเต็มใจที่จะนำทางท่านไป!” จางซูหมิงแสดงความคิดของเขาในทันที

“ หลังจากที่ข้าจัดการกับเรื่องที่นี่เสร็จแล้ว ข้าก็จะไปเยี่ยมตำหนักเต๋าอี้กับเจ้า” ซุยเฮ็งพยักหน้าและพูดกับเป่ยฉิงซูว่า “ ฉิงซูว่าต่อได้ เริ่มจากสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ เราสามารถขยายสถานการณ์ของสำนักเซียนทั้งเก้าได้”

“ ข้าเข้าใจแล้ว” เป่ยฉิงซูโค้งคำนับด้วยความเคารพและพูดต่อว่า “ ในตอนที่สำนักเซียนทั้งเก้าลงมาเป็นครั้งแรก สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่สำนักยุทธ์ พวกเขาเป็นเพียงสำนักที่เน้นไปที่การเผยแพร่ข่าวความประเสริฐของเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ”

“ ในเวลานั้น สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ พวกเขายังสามารถเชิญพลังของเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอให้ลงมาสถิตในร่างของพวกเขาได้ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกสูญสวรรค์”

“ อย่างไรก็ตาม เมื่อ 3,000 ปีก่อน เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอก็ได้หยุดตอบสนองต่อคำอธิษฐานของผู้ศรัทธาของเขา สิ่งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโดยตรงของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์และกลายมาเป็นอย่างในปัจจุบัน”

“ 3,000 ปีที่แล้ว?” ซุยเฮ็งตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ นี่ไม่ใช่ตอนที่สิบสำนักเซียนปิดล้อมตำหนักเต๋าอี้และทั้งสองฝ่ายก็ประนีประนอมกันในท้ายที่สุดหรอ? นี่ไม่ใช่ตอนที่ตำหนักเต๋าอี้ย้ายกองกำลังหลักมายังโลกสูญสวรรค์หรอ?”

เป็นไปได้ไหมว่ามันจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสิ่งที่เรียกว่าเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอในเวลานั้น ไม่อย่างนั้นแล้วทำให้เขาถึงจะตัดการเชื่อมต่อกับสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?

“ สิบสำนักเซียน?” เป่ยฉิงซูเองก็ตกตะลึงเช่นกันและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ ท่านอาจารย์ สิบสำนักเซียนที่ท่านพูดถึงคืออะไร?”

“ เจ้าไม่รู้หรอ?” ซุยเฮ็งมองไปที่เป่ยฉิงซูด้วยความประหลาดใจและกล่าวว่า “ เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ราชาสวรรค์และเทพลึกลับจำนวนมากจากสำนักเซียนทั้งสิบได้มาปิดล้อมตำหนักเต๋าอี้ของโลกเบื้องล่าง เจ้าไม่รู้เรื่องนี้หรอ?”

“ นี่…” ดวงตาของเป่ยฉิงซูเบิกกว้างเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “ ท่านอาจารย์ สิ่งเดียวที่ข้ารู้ก็คือเมื่อตอนที่สำนักเซียนทั้งเก้าลงไปยังโลกเบื้องล่าง พวกเขาก็ถูกกองกำลังพื้นเมืองของที่นั่นซุ่มโจมตี ซึ่งพวกเขาก็คือตำหนักเต๋าอี้ จากนั้นมันก็ก่อให้เกิดสงครามขึ้นตามมา”

“ และในที่สุด ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักเต๋าอี้และผู้อาวุโสทั้งเก้าของสำนักเซียนก็เลือกที่จะย้ายตำหนักเต๋าอี้มายังโลกสูญสวรรค์ และพวกเขาก็กลายเป็นสิบสำนักเซียน”

“ แต่ในเวลาไม่ถึงร้อยปี ตำหนักเต๋าอี้ก็ได้ประกาศตนเป็นอิสระอีกครั้งและประกาศว่าจะไม่ขอเรียกตนเองเป็นสำนักเซียนอีกต่อไป แต่ประกาศว่าพวกเขาจะขอเป็นสำนักอิสระ”

“ นั่นจะเป็นไปได้ยังไง!” จางซูหมิงกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ นี่เป็นการโกหกที่สิบสำนักเซียนสร้างขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้บุกรุกที่มาโจมตีตำหนักเต๋าอี้ของเราก่อนโดยไม่มีเหตุผล!”

หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าบรรพบุรุษของเราคือเทพลึกลับไท่อี้ ตำหนักเต๋าอี้ของเราก็คงจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปนานแล้ว!”

“ ผู้สมบูรณ์แบบจางใจเย็นก่อน” ซุยเฮ็งโบกมือให้จางซูหมิงก่อนจะพูดกับเป่ยฉิงซูว่า “ ฉิงซู บอกข้ามาทีว่าเก้าสำนักเซียนที่เจ้ารู้จักคืออะไรบ้าง"

“ เข้าใจแล้ว” เป่ยฉิงซูเองก็งงงวยเช่นกัน เขาพยักหน้าและพูดว่า “ พวกมันมีตำหนักสวรรค์ทมิฬกาล ศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์ สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักมหาสูญสวรรค์ สำนักเต๋าสูญ เมืองเมฆาขาว ศาลากระบี่หลี่ ภูเขาเส้าหยาง และสำนักเซียนฝึกอสูร”

“ เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับตำหนักมหาราชันไหม?” ซุยเฮ็งถาม

“ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย” เป่ยฉิงซูส่ายหัวและถามด้วยความสงสัย “ ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว มันก็มีสำนักเซียนแห่งที่สิบ และมันก็คือตำหนักมหาราชันนี่อย่างงั้นหรอ?”

“ ถูกต้อง” ซุยเฮ็งพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ เก้าตระกูลที่โด่งดังของเจ้ามีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งใช่ไหม”

“ ใช่แล้ว” เป่ยฉิงซูพยักหน้าและพูดว่า “ ตระกูลเป่ยแห่งหลินเจียงของเราและตระกูลหวังแห่งเจียงตงอยู่มานานที่สุด อย่างไรก็ตาม พวกเราก็มีอายุมากที่สุดประมาณ 3,000 ปีเท่านั้น”

“ ไม่แปลกใจเลย” ทันใดนั้นซุยเฮ็งก็เข้าใจสถานการณ์และหัวเราะเบาๆ “ ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์ที่พวกเจ้ารู้มานั้นจะเป็นประวัติศาสตร์ที่เหล่าสำนักเซียนอยากจะให้พวกเขาเห็น”

“ ท่านอาจารย์พูดถูก” เป่ยฉิงซูดูโกรธและพยักหน้า “ ประวัติศาสตร์ที่เรารู้เกี่ยวกับเวลาเมื่อ 3,000 ปีที่แล้วอาจไม่เป็นความจริง สำนักเซียนเหล่านี้ปฎิบัติต่อพวกเราราวกับที่ทำกับลิง”

“ บางทีพวกเขาอาจไม่ใช่สำนักเซียนที่สอนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่พวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มคนนอกหรือผู้บุกรุกก็ได้”

“ ถูกต้อง นั่นเป็นไปได้มาก!” จางซูหมิงเห็นด้วยกับสิ่งนี้และพูดด้วยเสียงเบาว่า “ บางทีมันอาจเหมือนกับว่าพวกเขาได้บุกโลกที่เราอยู่และพัฒนากลายไปเป็นแบบโลกเบื้องล่าง โลกสูญสวรรค์เองก็กำลังถูกพวกเขารุกรานเช่นกัน”

“ เป็นไปได้ เป็นไปได้จริงๆ!” เป่ยฉิงซูโกรธมากจนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เขารู้มาในอดีตนั้นอาจเป็นของปลอม เขากำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ

“ ในโลกสูญสวรรค์ นอกเหนือจากเก้าสำนักเซียนในปัจจุบันแล้ว มันยังมีกองกำลังอื่นใดที่สืบทอดต่อกันมานานกว่า 3,000 ปีอีกไหม?” ซุยเฮ็งถาม

“ มันมีเพียงตำหนักเต๋าอี้เท่านั้น” เป่ยฉิงซูส่ายหัวและพูดว่า “ มันมีเพียงตำหนักเต๋าอี้เท่านั้นที่สืบทอดต่อกันมานานกว่า 3,000 ปี อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นมรดกของตำหนักเต๋าอี้จากโลกเบื้องล่าง ในประวัติศาสตร์ของโลกสูญสวรรค์ ตำหนักเต๋าอี้ก็มีมรดกเกือบๆ 3,000 ปีเท่านั้น”

“ จากรูปลักษณ์ของมัน สำนักเซียนทั้งเก้านั้นก็ลึกล้ำกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้มาก” ดวงตาของซุยเฮ็งหดแคบลงเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็หันมองไปในทิศทางหนึ่งและหัวเราะเบาๆ “ ก่อนหน้านี้ข้าก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพื้นที่แปลกๆ ตรงนั้น”

เป่ยฉิงซูและจางซูหมิงอดไม่ได้ที่จะงงงวย

ทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนหัวข้อ?

มันมีเพียงฮุ่ยฉีที่ยืนอยู่ด้านข้างเท่านั้นที่อุทานออกมา ลวดลายมังกรสีแดงเพลิงเปล่งประกายจางๆ

ฮั่วเอ๋อรู้ว่าซุยเฮ็งกำลังพูดถึงอะไร

“ ใช่แล้ว มันเป็นเพราะพลังนั่นที่ทำให้ตำหนักภายในของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์พังทลายลงอย่างน่าประหลาด และหนังสือหลายเล่มก็ถูกฝังอยู่ในทะเลเพลิง” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ สำนักเซียนทั้งเก้านั้นจงใจปิดบังประวัติศาสตร์เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว”

“ ท่านอาจารย์ ข้าคิดว่ามันอาจมีตัวตนที่มีระดับที่สูงกว่าคอยบงการอยู่เบื้องหลังสำนักเซียนทั้งเก้า” เป่ยฉิงซูพูดอย่างกะทันหัน “ หากการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเราเป็นจริง”

“ แท้จริงแล้ว มันก็คือสำนักเซียนทั้งเก้าที่รวมพลังกันบุกโลกสูญสวรรค์และปกปิดประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ นี่ก็ยังเป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะกำลังทำตามความประสงค์ของใครคนใดคนหนึ่ง”

“ ท้ายที่สุดแล้ว สำนักเซียนทั้งเก้าหรือจะสำนักเซียนทั้งสิบนั้นต่างก็อยู่ในระดับเดียวกันมาก่อน ถ้าไม่มีใครวางแผน ใครกันจะตัดสินการกระทำของอีกฝ่ายได้”

“ ท่านประมุขเซียน ข้าคิดว่าคำพูดของเทวาเป่ยนั้นสมเหตุสมผล” ฮุ่ยฉีพูดขึ้นอย่างกะทันหัน เขามักจะทำงานให้กับรัฐบาลในต้าจินและรู้ดีว่าหากเขาต้องการให้กลุ่มที่มีพลังเทียบเท่ากันร่วมมือกัน พวกเขาก็จะต้องมีหัวหน้าในระดับที่สูงกว่า

“ ระดับที่สูงกว่า… บางทีตำหนักเต๋าอี้อาจจะรู้รายละเอียดโดยเฉพาะ” ซุยเฮ็งมองไปที่จางซูหมิงและยิ้ม “ ต่อไปข้าเกรงว่าเราจะต้องรบกวนผู้สมบูรณ์แบบจางให้พาเราไปที่ตำหนักเต๋าอี้ซะแล้วล่ะ”

“ ข้าเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” จางซูหมิงรีบพยักหน้าและพูดด้วยความเคารพว่า “ ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินบรรพบุรุษพูดถึงที่ตั้งของตำหนักเต๋าอี้ในโลกสูญสวรรค์ ข้าสามารถนำทางพวกท่านได้”

“ ดีแล้ว” ซุยเฮ็งยิ้มและพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองไปที่เป่ยฉิงซู “ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราก็ยังไม่ต้องรีบร้อน ข้ายังมีสิ่งที่อยากจะถามฉิงซู เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอารามพุทธทั้งสามแห่ง พวกเขามาจากไหน และทำไมพวกเขาถึงยืนอยู่กับสำนักเซียนทั้งเก้าได้”

ในตอนที่เขาอยู่ในต้าจิน เขาก็ได้ถามเซียนปฐพีจากสำนักเซียนเกี่ยวกับอารามพุทธทั้งสามแห่ง

อย่างไรก็ตาม มันก็มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น นั่นคือพวกเขาไม่รู้อะไรเลย

“ อารามพุทธทั้งสามแห่ง…” เป่ยฉิงชูขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาส่ายศีรษะและพูดว่า “ ท่านอาจารย์ จากเท่าที่ข้ารู้ อารามพุทธทั้งสามแห่งก็ดูเหมือนจะโผล่ขึ้นมาจากอากาศเปล่า”