ตอนที่ 219 - บทที่ 219 วางแผนเข้าร่วมสมาคมผู้อเวค!

บทที่ 219 วางแผนเข้าร่วมสมาคมผู้อเวค!

สำหรับเขา ถ้าเขาอยู่ที่นี่ มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะไปถึงระดับการปรับแต่งกล้ามเนื้อของนักรบ แม้ว่าเขาจะมีพลังของความสามารถที่ปลุกแล้ว และเขาเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นสองเท่าแล้วมันยังไงล่ะ?

ลุงจางเป็นนักรบขอบเขตจิน แต่ตามที่เขาพูดต่อหน้าสัตว์อสูรระดับสูง แม้แต่นักรบที่ทรงพลังที่ติดอาวุธหนักก็ไม่กล้าพูดว่าเขาจะสามารถล่ามันได้ด้วยตัวคนเดียว

ส่วนเฉินฟานนะหรือ?

ความแข็งแกร่งของเขาไม่ต้องสงสัยเลย เขาคือบุคคลอันดับหนึ่งในหมู่บ้าน และแข็งแกร่งกว่าลุงจางด้วยซ้ำ

ถึงกระนั้น เฉินฟานก็ยังมุ่งมั่นไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้น ทำงานหนัก และหวังว่าจะแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ

และเขามีอะไรจะลังเลอีกล่ะ?

“เจ้าคิดดีแล้วจริงๆ เหรอ?”

เฉินฟานมองเข้าไปในดวงตาของเขา

“ถูกต้องแล้ว ในประเทศหยานนั้นสมาคมผู้อเวคเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของความแข็งแกร่งและทรัพยากร มันเหนือกว่ากองกำลังอื่น ๆ มาก แม้แต่สมาคมนักรบเขตเจียงหนานที่ข้าเข้าร่วม เมื่อเผชิญกับสมาคมผู้อเวค หึหึ..ก็ยังอยู่ต่ำกว่าหลายขั้น

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าหลังจากที่เจ้าเข้าร่วมสมาคมผู้อเวคแล้ว เส้นทางของเจ้าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ

เพราะเจ้าไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ดุร้ายเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับผู้อเวคคนอื่น ๆ แม้กระทั่งนักรบที่แข็งแกร่งด้วย "

"ข้าเข้าใจแล้ว"

กู่เจ๋อพยักหน้า

"ข้าตัดสินใจแล้ว"

บรรยากาศสงบลง และเฉินฟานมองเห็นจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ลุกโชนในดวงตาของคู่ต่อสู้

“เอาล่ะ ลุงกู่รู้เกี่ยวกับการตัดสินใจของเจ้าหรือยัง?”

"อืม"

กู่เจ๋อพยักหน้า “เฉินฟาน ครั้งต่อไปที่เจ้าออกจากหมู่บ้านและไปที่เมืองอันชาน ให้พาข้าไปกับเจ้าด้วย”

เพราะท้ายที่สุดจากที่นี่ไปยังเมืองอันชาน ต้องผ่านเขตอันตราย

เขายังมีความสำเนียกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเองอยู่บ้าง

"แอ๊กๆ"

เฉินฟานไอเบา ๆ และพูดว่า "เมืองอันชานงั้นหรือ ลืมมันไปเถอะ"

“อืม..ทำไมล่ะ?”

กู่เจ๋อรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เมืองอันชานอยู่ใกล้ที่นี่ที่สุดไม่ใช่เหรอ? และเฉินฟานก็อยู่ในสาขาของสมาคมนักรบในเมืองอันซานด้วย

“เหตุผลหลักก็คือมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นระหว่างข้ากับผู้อเวคในเมืองอันชาน มันคงจะไม่ดีถ้าเจ้าเข้าร่วมกับพวกเขา”

"..?!"

ร่างกายของกู่เจ๋อสั่น

จากนั้นพยักหน้ากล่าวว่า "งั้นข้าจะไปที่เมืองอื่น"

"อืม"

เฉินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ทางใต้ก็มีเมืองหวังเช่นกัน ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ และความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเมืองอันชาน แน่นอน เจ้าสามารถเลือกเมืองขนาดกลางได้เช่นกัน"

"ข้าจะไปเมืองนี้ก็แล้วกัน"

กู่เจ๋อกัดฟันของเขา

หากเป็นไปได้ เขาก็ยังอยากอยู่ใกล้หมู่บ้านมากที่สุดก็ยังดี

เพราะเมื่อมีอันตรายใด ๆ เขาก็สามารถย้อนกลับมาได้เร็วที่สุด

“เอาล่ะ ไม่เป็นไร เอาไว้ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นทีหลัง”

"ได้"

กู่เจ๋อผงะไป และกล่าวขอบคุณ "ขอบคุณเจ้ามาก เฉินฟาน"

เพราะท้ายที่สุดเมืองหวังอยู่ทางใต้และเมืองอันชานอยู่ทางเหนือ หมายความว่าเฉินฟานทำการเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่เพื่อเขาโดยเฉพาะ

เฉินฟานโบกมือ

เขาไปที่เมืองหวัง ไม่ใช่แค่ส่งกู่เจ๋อไปที่นั่น

การต่อสู้ก่อนหน้านี้ ประกอบกับสิ่งที่ลุงจางพูด ทำให้เขาตระหนักว่าเขายังรู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับผู้อเวคเหล่านี้

ดังคำกล่าวที่ว่า ถ้าเจ้ารู้จักตัวเองและศัตรู เจ้ารบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง

ถ้าอยากเข้าใจอีกฝ่าย อะไรจะเหมาะไปกว่าการบุกเข้าไปภายในฐานทัพของอีกฝ่ายล่ะ?

ถูกต้อง เขากำลังพิจารณาว่าจะเข้าร่วมสมาคมผู้อเวคด้วยหรือไม่?

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความแตกต่างระหว่างผู้อวเคและนักรบ นอกเหนือจากความสามารถเหนือธรรมชาติก็คือพลังจิตวิญญาณ

พลังจิตวิญญาณของเขามีจำนวนมาก ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะแสร้งทำเป็นว่าเป็นผู้อวเคแล้วหรอกใช่ไหม? ส่วนความสามารถที่เขาจะอุปโลกขึ้นมาก็น่าจะเป็นความสามารถทางกายภาพเหมือนกู่เจ๋อที่อยู่ตรงหน้าก็ได้

ตราบใดที่เขาเข้าร่วม เขาสามารถเรียนรู้ได้ว่าผู้อเวคเหล่านี้จะมีไพ่ตายอะไรบ้าง และเขาก็ยังสามารถซื้อมันได้เช่นกัน

แน่นอนเขาต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองก่อน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าร่วมสมาคมนักรบของเขานั้นได้ถูกแชร์ไปที่สมาคมผู้อเวคหรือป่าว

ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แชร์ข้อมูลกัน แต่สายลับของแต่ละฝ่ายก็น่าจะมีเหมือนกัน นอกจากนี้ทั้งสมาคมผู้อเวคและสมาคมนักรบต่างก็กำลังต่อสู้เพื่อประเทศหยาน

แน่นอนว่าปัญหาที่ตามมาคือ..

เขาจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้อย่างไร?

ใบหน้า ลายนิ้วมือ และเสียงของเขาได้เข้าไปในฐานข้อมูลของสมาคมเรียบร้อยแล้ว

เว้นแต่เขาจะเปลี่ยนเป็นคนอื่น ไม่อย่างนั้นเขาจะถูกจับได้อย่างแน่นอน

“เปลี่ยนเป็นคนอื่นงั้นเหรอ?”

เมื่อเฉินฟานคิดถึงเรื่องนี้ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาในใจของเขา

ใช่แล้ว

ปลอมตัวยังไงล่ะ!

กล่าวกันว่าเทคนิคการปลอมตัวสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ เสียง และแม้กระทั่งอารมณ์ที่แผ่ออกมาก็ทำให้แตกต่างได้อย่างสมบูรณ์ เว้นแต่เขาจะพูดออกมาเอง จะไม่มีใครคิดว่าเขายังเป็นสมาชิกของสมาคมนักรบอย่างแน่นอน

“เช่นนั้นข้าได้แต่ไปหาชายชราก่อนเพื่อดูว่าเขามีเทคนิคการปลอมตัวหรือเปล่า เพราะในสมาคมนักรบหลังค้นหาแล้วเมื่อกี้ไม่มีเลย  และแม้ว่าอำนาจของเขาถูกปลดล็อคหลังจากที่ยืนยันการเป็นนักรบขอบเขตการกลั่นชีพจรแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่า?”

เฉินฟานตัดสินใจและรู้สึกว่ามันเป็นไปได้ที่ชายชราคนนี้จะมีมัน

เมื่อทั้งสองก็ออกไป บนสนามฝึกต่อสู้ พ่อของพวกเขา ลุงจาง และคนอื่นๆ หายตัวไป พวกเขาคงไปที่เฉินเจียไจ้เพื่อไปขับรถกลับ

เฉินฟานมองออกไป

เขาควรไปหาชายชราก่อนหรือควรไปหาเหมิงหยูก่อนดี?

หลังจากคิดมาสักพัก ลำดับความสำคัญก็ไม่ต่างกัน

ดังนั้นเขาจึงไปหาชายชราก่อน

ในห้องที่สว่างและกว้างขวาง ชายชรากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อ่านหนังสือ

ข้างหลังเขามีคนนวดไหล่ของเขา

"แรงกว่านี้หน่อย"

ชายชราพูดว่า "มันเบามากจนข้าไม่รู้สึกอะไรเลย"

"ได้ค่ะ"

ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเธอตอบสนองอย่างเร่งรีบและเพิ่มกำลังของเธอมากขึ้น

"น้ำหน่อย"

ชายชราเดาะริมฝีปากของเขา

หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็รีบนำชามน้ำมาจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว

"อา สดชื่นจริงๆ.."

ชายชราเปิดปากของเขา

หญิงสาวหยิบช้อนมาตักข้างต้มแล้วเป่าก่อนจะตักเข้าปากอีกฝ่าย

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“โอ้ ท่านผู้อาวุโสดูเหมือนว่าชีวิตของท่านกำลังเป็นไปได้ด้วยดี”

"พรูด!"

ชายชราพ่นน้ำในปากออกทันที และมองออกไปข้างหน้าอย่างตัวสั่น มีร่างหนึ่งเดินช้าๆ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“พี่ใหญ่เฉิน”

“พี่ใหญ่เฉินท่านกลับมาแล้ว”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้หญิงทั้งสองก็แทบจะยิ้มออกมา

“พี่เฉิน เราได้ดูแลนายท่านผู้นี้ในทุกด้านในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดูสีหน้าของเขาสิ มันดีขึ้นอย่างมาก ไม่เหมือนตอนที่เขามาที่นี่ในวันแรกเลยตอนนั้นเขาเหมือนไม่มีเลือดอยู่บนหน้าด้วยซ้ำ”

หญิงวัยกลางคนพูดออกมาอย่างภูมิใจ

“ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่”

ชายชราบ่นพึมพำไม่หยุดปาก

แต่เขายังคงมีรอยยิ้มอยู่และเขาพูดว่า "น้องชาย เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมข้าไปแล้วเสียอีก"

“ไม่ต้องห่วงนะท่านผู้อาวุโส ข้าสามารถลืมคนอื่นได้ แต่ข้าไม่สามารถลืมท่านได้หรอก”

เฉินฟานยิ้มและพูดกับคนสองคนที่อยู่ข้างๆ เขาว่า "ออกไปก่อนเถอะ ข้ามีอะไรจะพูดกับท่านผู้อาวุโสคนนี้"

"ได้..ได้ค่ะ"

ผู้หญิงทั้งสองพยักหน้าอย่างเร่งรีบและจากไปอย่างรีบร้อน

ผู้เฒ่ายิ้มแหยๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้เฉินฟานลืมเขาไปมากกว่า

“ท่านผู้อาวุโส เรามาพูดตรงๆกันเลยดีกว่า ทิ้งคำพูดไร้สาระออกไป ข้าคิดว่าท่านน่าจะเดาจุดประสงค์ของการมาที่นี่ของข้าในครั้งนี้ได้”

เฉินฟานนั่งลงข้างเขา และแสดงรอยยิ้มที่ไม่เป็นอันตรายบนใบหน้าของเขา

"เดาได้ๆ ข้าพอจะเดาได้"

ชายชรากลืนน้ำลาย “ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่สมบูรณ์หนึ่งเล่มในสามวัน และศิลปะการต่อสู้ที่สมบูรณ์หนึ่งเล่มในห้าวัน ข้าจำมันได้ดีน้องชาย คราวนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อนำศิลปะการต่อสู้ที่ไม่สมบูรณ์กลับไปด้วยใช่ไหม? ไม่มีปัญหา มันพร้อมและก็อยู่ในตู้นั้นแล้ว”

เขาชี้ไปที่ตู้ที่อยู่ไม่ไกลแล้วพูดขึ้น

เฉินฟานเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจและแปลกใจเล็กน้อย

สถานการณ์นี้คืออะไร?

ชายชราคนนี้พูดง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ชายชรามองไปที่เฉินฟานอย่างประจบประแจง

เมื่อเขาอยู่ในซ่งเจียเป่าเขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังฆ่าคนเขาจึงรู้ว่านี่คือคนที่โหดเหี้ยมอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงการเขาอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับชัยชนะอย่างต่อเนื่องและความแข็งแกร่งของเฉินฟาน ดังนั้นปฏิกิริยาของเขาเช่นนี้มันถูกต้องแล้ว

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขารู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่มากกว่าบ้านที่เคยอยู่มาอย่างเทียบไม่ติด

ดังนั้นทำไมเขาจะไม่ให้ร่วมมืออย่างซื่อสัตย์และทำให้ตัวเองต้องลำบากด้วยล่ะ

"ไม่ต้องรีบ"

เฉินฟานเหลือบมองที่ตู้แล้วพูดว่า "ท่านน่าจะมีศิลปะการต่อสู้ที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้คนได้หรือไม่? ทางที่ดีควรเป็นศิลปะการต่อสู้ที่สมบูรณ์ แต่หากไม่มีไม่สมบูรณ์..ก็ไม่เป็นไร"

“เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของผู้คนได้งั้นหรือ?”

ชายชรามองเฉินฟานด้วยความประหลาดใจ

"ใช่แล้วล่ะ"

เฉินฟานพยักหน้าและมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

“น้องชาย เจ้าไปทำให้ใครขุ่นเคืองใช่ไหม?”

ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา

เพราะท้ายที่สุดแล้วใครจะไม่มีอะไรทำและจะต้องทำสิ่งที่เหมือนทางเลือกสิ่งสุดท้าย นั่นคือการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองเช่นนี้

เด็กคนนี้ทรงพลังอย่างมาก แต่คนที่สามารถบังคัยให้เขาต้องเปลี่ยนหน้าตาได้จะต้องน่ากลัวขนาดไหน! เขาจะปลอดภัยไหมถ้าเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป?

“ไม่มีอะไร ท่านอย่าได้คิดฟุ้งซ่านไป”

เฉินฟานกลอกตา “แล้วตกลงมีหรือไม่?”

"มีๆ"

ชายชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า "ขะ..ข้ามีอยู่ แต่มันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ไม่สมบูรณ์นะ แต่ข้าเขียนมันไว้นานแล้ว"

“โอ้? เขียนไว้แล้วเหรอ?” ดวงตาของเฉินฟานเป็นประกาย

“ใช่ เขียนไว้เสร็จแล้ว มันเรียกว่าเทคนิคการปลอมตัวและการย่อกระดูก ข้าได้ยินมาว่าถ้าสามารถฝึกฝนจนถึงระดับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ เจ้าก็จะสามารถเป็นเหมือนใครก็ได้ในโลกนี้ ส่วนเกณฑ์การฝึกฝนนั้นค่อนข้างสูงและฝึกยากลำบากอย่างมาก น้องชายเจ้าแน่ใจเหรอว่าเจ้าต้องการฝึกเทคนิคนี้จริงๆ?”...

……………