ตอนที่ 320 : ความทะเยอทะยานของโจวโจว

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าข้ามมิติจะเป็นเพียงแค่ทักษะเคลื่อนที่ทั่วไปเท่านั้น

เขาไม่คิดเลยว่าทักษะนี้จะทำให้คนที่เรียนรู้สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของธาตุมิติ

นี่หมายความว่าเมื่อเขาเชี่ยวชาญทักษะนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถข้ามมิติได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถเชี่ยวชาญธาตุมิติอันเร้นลับนี้ได้ด้วย

ตราบใดที่เขาเข้าใจและประยุกต์ใช้ธาตุมิติได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นในอนาคต มันก็ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถวาร์ปได้ไกลขึ้น แต่เขายังอาจจะเชี่ยวชาญความสามารถมิติอื่นๆ อย่างเช่นการผนึกมิติ การหยุดมิติ และการเปิดมิติได้ในอนาคตโดยไม่ต้องมีหนังสือทักษะที่เกี่ยวข้องเลย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็เรียนรู้ทักษะนี้ทันที

หนังสือทักษะในมือของเขากลายเป็นละอองแสงสีขาวและซึมเข้าสู่กลางกระหม่อมของเขา

ในไม่ช้า โจวโจวก็สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของธาตุมิติ

มันแตกต่างจากธาตุอย่างธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่มีพรสวรรค์ในการร่ายเวทมนตร์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงธาตุพื้นฐานเหล่านี้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ธาตุมิติก็ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

การมีอยู่ของมันท่ามกลางธาตุต่างๆ นั้นคลุมเครืออย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากลักษณะของธาตุมิติ บางครั้งธาตุมิติก็จะปรากฏขึ้นในปรากฏการณ์แปลกๆ บางอย่างด้วย

มันราวกับว่าธาตุมิตินั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่!

แม้ว่าโจวโจวจะสามารถสัมผัสการดำรงอยู่ของพลังมิติได้ แต่เขาก็ต้องเพ่งสมาธิเพื่อค้นหาพวกมันที่เคลื่อนย้ายไปบ่อยๆ

เขาสัมผัสถึงพวกมันอยู่สักพักก่อนที่จะถอนสมาธิกลับมา

“ถ้าฉันไม่มีอะไรทำในอนาคต ฉันก็จะสังเกตรูปแบบการเคลื่อนไหวของธาตุมิติเหล่านี้ ความเข้าใจของฉันเกี่ยวกับธาตุมิติก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จากการเฝ้าสังเกตพวกมัน”

โจวโจวครุ่นคิด

จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรต่ออีก

เขานั่งลงและบอกให้เหวินหยานำเครื่องดื่มมาให้เขา จากนั้นเขาก็ดื่มมันในขณะที่เฝ้ามองภาพการถ่ายทอดสดของการต่อสู้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

สมรภูมิก็กลับคืนสู่ความสงบ

มอนสเตอร์ทั้งหมดถูกจัดการไปแล้ว

เหล่าทหารเริ่มเก็บกวาดสมรภูมิและส่งศพของพวกมันเข้าไปยังเตาหลอมผู้พิชิตเพื่อเก็บไอเท็มดรอป

โจวโจวลงจากยานบิน

ในขณะที่เขาเพิ่งมาถึงพื้น เขาก็เห็นตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวจำนวนมากกำลังเดินมาหาเขา

ในไม่ช้า ตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงตัวหนึ่งก็เดินมาตรงหน้าของเขาและประสานแขนสองข้างของมันไว้บนหน้าอก จากนั้นมันก็กล่าวออกมาด้วยความเคารพว่า

“ข้าน้อยเฟิงอันขอคาราวะท่านลอร์ด”

“สหายของเจ้าที่เหลืออยู่มีจำนวนเท่าไร? และแข็งแกร่งกันแค่ไหน?”

โจวโจวมองไปยังตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวที่อยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายและพบว่าพวกมันเหลือไม่ต่ำกว่าหนึ่งในสามหลังจากที่เขาได้ทำให้พวกมันแปรพักตร์ไป

หัวใจของมันหดเกร็งเล็กน้อย แต่มันก็ตอบอย่างใจเย็นออกมาว่า

“หลังจากจบศึกนี้ มันก็มีทหารทั้งหมด 11,396 ตัวที่รอดชีวิตมาได้รวมทั้งข้า ในจำนวนนี้มีตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวระดับเหล็กดำ 4,179 ตัว ระดับบรอนซ์เขียว 4,796 ตัว ระดับเงินขาว 1,536 ตัว ระดับทองคำเหลือง 881 ตัว และระดับแพลตตินั่มขาว 4 ตัว!”

“นอกจากนี้ ตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียว 8,672 ตัวยังเคยเป็นสมาชิกของกองทัพปีศาจตะวันออก ส่วนที่เหลืออีก 2,724 ตัวต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพภายในเมืองปีศาจตะวันออก”

เฟิงอันเตรียมการเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรายงานออกมาด้วยความเคารพทันที

โจวโจวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

โชคดีที่ตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวส่วนใหญ่ที่ตายไปอยู่ในระดับเหล็กดำ

ส่วนตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวที่อยู่ระดับบรอนซ์เขียวหรือสูงกว่านั้นก็รอดชีวิตมาได้ ส่วนตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวระดับแพลตตินั่มขาว 4 ตัวที่แปรพักตร์มานั้นก็ยังรอดชีวิตมาได้ทั้งหมด

ไม่เลว!

“นำตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวสายต่อสู้ทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังเจ้าไปหาโรจิและเข้าร่วมกับกองทัพมอนสเตอร์เพื่อรับใช้ข้า สำหรับตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวสายอาชีพ ให้พาพวกเขากลับไปที่บ้านของตัวเอง”

โจวโจวสั่งการ

โจวโจวไม่ได้คิดที่จะพาตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวพวกนี้ที่เคยอยู่ในเมืองปีศาจตะวันออกกลับไปยังเมืองตะวันสาดแสง เพราะบ้านของพวกมันอยู่ที่นี่ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอพยพพวกมันกลับไปกลับมา

เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงปล่อยให้พวกมันได้อยู่ที่นี่และคอยรับใช้เขาดีกว่า

“ขอบคุณขอรับท่านลอร์ด!”

เฟิงอันดีใจมากและกล่าวออกมาด้วยความเคารพ

โจวโจวพยักหน้ารับ

ในไม่ช้า ตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวทั้งหมดก็มองมาที่โจวโจวด้วยความเคารพในขณะที่คำสั่งของเขาแพร่งพรายออกไป

โจวโจวมองไปยังภาพฉากนี้ตามปกติ

แม้ว่าพวกเขาจะเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน แต่เขาก็เคยชินกับมันแล้วหลังจากใช้ยุยงแปรพักตร์ไปหลายครั้ง

เขามองไปยังตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวที่อยู่ด้านหลังเฟิงอันด้วยความพึงพอใจมาก

ด้วยการได้รับตั๊กแตนตำข้าวหมอกเคียวสายต่อสู้เข้ามาเสริมอีก 11,396 ตัว จำนวนทหารของทั้งสองกองทัพของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และเพิ่มขึ้นมาเป็น 143,256 คน!

มันอยู่ไม่ไกลจากกองทัพขนาด 200,000 คนแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน โจวโจว อู๋ซิน ไป่อี้ และคนอื่นๆ ก็มายืนอยู่บนกำแพงเมืองปีศาจตะวันออก

พวกเขามองไปยังสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในเมืองและคิดเกี่ยวกับจำนวนสิ่งปลูกสร้างในเมืองตะวันสาดแสง พวกเขาอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

เมืองตะวันสาดแสงพัฒนาได้อย่างรวดเร็วแล้ว แต่มันก็ยังด้อยกว่าเมืองเก่าแก่อย่างเมืองปีศาจตะวันออกที่ก่อตั้งมาหลายร้อยปีแล้ว

“ถ้าสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในเมืองแห่งนี้สามารถใช้งานได้ พวกมันก็น่าจะรองรับชาวเมืองได้ไม่ต่ำกว่าล้านคน”

อู๋ซินถอนหายใจ

โจวโจวและไป่อี้พยักหน้าเห็นด้วย

“ท่านลอร์ด ท่านคิดจะทำยังไงกับเมืองนี้? พวกเราต้องทำอะไรอีกไหม?”

ไป่อี้ถามด้วยความสงสัย

“เมืองนี้ย่อมถูกยึดครองตามแผน อย่างไรก็ตาม มันก็คงจะไม่นานก่อนที่อาณาจักรทาฮันจะรู้เรื่องนี้ที่พวกเรายึดครองเมืองปีศาจตะวันออก เพราะมันคือเมืองระดับแพลตตินั่มขาว แม้ว่าพวกมันจะยุ่งมาก แต่พวกมันก็คงจะไม่เคยเสียหายมากขนาดนี้มาก่อน พวกมันน่าจะส่งกองกำลังมาในไม่ช้า และมันอาจจะมีผู้กล้าสีชาดมาด้วย พวกเราต้องเตรียมเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังจะบุกเข้ามาในไม่ช้า!”

โจวโจวพูดอย่างใจเย็น

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะเผชิญหน้ากับการโจมตีของอาณาจักรได้อย่างใจเย็น

หลังจากได้ยินคำพูดของโจวโจว แม้ว่าสีหน้าของไป่อี้จะจริงจังขึ้นมา แต่เธอก็ไม่ได้เป็นกังวลเลย เธอกลับรู้สึกท้าทายแทนซะอีก

เมื่ออู๋ซินได้ยินว่าจะมีผู้กล้าสีชาดปรากฏตัว เขาก็แตะไปที่บาดแผลของเขาโดยไม่รู้ตัว

แต่ในไม่ช้า สีหน้าของเขาก็มุ่งมั่นขึ้นมา

“ถ้าลอร์ดสีชาดปรากฏตัว ข้าหวังว่ามันจะเป็นตัวที่ทำให้ข้าบาดเจ็บในตอนนั้น ข้าอยากจะสู้กับมันอีกครั้งจริงๆ และดูว่าคราวนี้ใครจะเป็นฝ่ายชนะ!”

เขาพูดอย่างใจเย็น

โจวโจวและไป่อี้อดมองไปที่เขาไม่ได้

ในใจของพวกเขา อู๋ซินหาได้ยากจริงๆ ที่จะหวั่นไหวกับเรื่องราวภายนอกเช่นนี้

การที่เขาสามารถพูดออกมาแบบเมื่อครู่ได้ มันก็คงจะเห็นได้แล้วว่าลอร์ดสีชาดสร้างความเสียหายให้กับอู๋ซินไว้มากแค่ไหนในอดีต

ไป่อี้ลอบถอนหายใจออกมา

ในฐานะลูกศิษย์ของอู๋ซิน เธอย่อมรู้ดีว่าทำไมอาจารย์อู๋ซินถึงพูดเช่นนี้ออกมา

เพราะถ้าไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของลอร์ดสีชาดที่เกิดขึ้นกับอู๋ซินในอดีต

เขาก็อาจจะยังเป็นแม่ทัพใหญ่ในอาณาจักรออโรร่าอยู่

มันคงไม่เกินจริงไปนักที่จะบอกว่าผู้กล้าสีชาดได้ทำลายอนาคตของอู๋ซินในอดีตไป

ทั้งสามคนคุยกันเรื่องเมืองปีศาจตะวันออกต่อไปสักพัก จากนั้นโจวโจวก็คิดอะไรบางอย่างและเรียกเฟิงลั่วเข้ามา

“เฟิงลั่ว กลับไปที่เมืองตะวันสาดแสงพร้อมกับออกุสต์และพาจิงฮงซื่อมาที่นี่”

เขาพูดออกมา

จิงฮงซื่อ!

เขาคือปรมาจารย์ค่ายกลระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงที่เขาได้รับมาจากหนังสือรับสมัครปรมาจารย์ค่ายกล

จิงฮงซื่อมาจากนิกายค่ายกลนภาน้อยแห่งโลกเซียนซึ่งสามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามมิติให้กับเมืองตะวันสาดแสงและค่ายกลอีกหลายๆ ประเภทได้นับตั้งแต่เขามาถึง

ในตอนนี้ มันก็มีค่ายกล 4 ประเภทถูกสร้างขึ้นมาแล้ว

ในจำนวนนี้มี 1 อันถูกสร้างขึ้นในเมืองตะวันสาดแสง 1 อันถูกสร้างขึ้นในเมืองทรายทองคำ และอีกอันถูกสร้างขึ้นข้างเมืองบ่อปลา ส่วนอันสุดท้ายก็ถูกสร้างขึ้นในเมืองเซลาร์ของเจ้าปีศาจวัวอาตู

ตอนนี้ที่โจวโจวได้เรียกเขามา มันก็เป็นเพราะว่าเขาอยากให้อีกฝ่ายสร้างค่ายกลข้ามมิติขึ้นในเมืองปีศาจตะวันออกเพื่อส่งกองกำลังและทรัพยากรมาเพื่อให้ง่ายต่อการต่อสู้กับอาณาจักรทาฮันในระยะยาวและเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีในอนาคตจากอาณาจักรทาฮัน

นับจากนี้เป็นต้นไป เมืองปีศาจตะวันออกจะกลายเป็นฐานที่มั่นสำหรับการโจมตีอาณาจักรทาฮันของเขาในอนาคต!

เขาจะใช้สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในการสร้างอาณาจักรของตัวเองในต่างแดนแห่งนี้ต่อไป!