ตอนที่ 220 - บทที่ 220 ข้าฆ่าผู้อเวคแซ่กวนแล้ว!

บทที่ 220 ข้าฆ่าผู้อเวคแซ่กวนแล้ว!

เขากลืนน้ำลายลงอย่างแรง

ตอนนี้เขาลงเรือลำเดียวกับเฉินฟานแล้ว

หากเฉินฟานไปยั่วยุศัตรูที่แข็งแกร่งและรู้ภูมิหลังของเขา หมู่บ้านก็อาจจะถูกทำลายเช่นกัน

แม้แต่คนที่แขนขาแข็งแรงก็อาจจะตกตายจนหมด

ไม่ต้องพูดถึงเขาที่ขาหักจนไม่สามารถลุกจากเตียงได้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เขาก็ถอนหายใจในใจ และแอบคิดว่าเด็กคนนี้เก่งในการสร้างปัญหาเกินไป แล้วทำไมเขาไม่นอนอยู่หมู่บ้านเฉยๆอย่างมีความสุขกันนะ?

"งั้นท่านก็เอามาให้ข้าตอนนี้เลย"

เฉินฟานกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

โดยไม่คาดคิดมันง่ายกว่าที่เขาคิดไว้อย่างมาก

"แอ๊กๆ"

ในเวลานั่นเองชายชราก็ไอออกมาและพูดว่า "น้องชายเจ้าออกไปก่อน และอย่าแอบมองนะ"

เฉินฟานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

จากนั้นเขาก็ออกไปอย่างให้ร่วมมือกัน แม้ว่าเขาจะอยากรู้จริงๆ ว่าในกล่องที่ชายชราถืออยู่นั้นซ่นหนังสือเทคนิคไว้กี่เล่มกันแน่

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของชายชราก็ดังมาจากในบ้าน

เฉินฟานเดินเข้าไปและเห็นหนังสือสองเล่มอยู่บนโต๊ะ และเล่มที่อยู่ด้านบนคือ [เทคนิคปลอมตัวและการย่อกระดูก]

เขาเดินไปเปิดดูอย่างระมัดระวัง

ในไม่ช้า เขาก็เข้าใจว่าชายชราหมายถึงอะไรที่ว่ามีเกณฑ์ขั้นสูง

ปรากฎว่าเทคนิคปลอมตัวและการย่อกระดูกนี้แตกต่างจากการปลอมตัวทั่วไปหรือการเล่นกลบนท้องถนน กล่าวคือมันมีการโคจรพลังปราณในร่างกายเพื่อให้กระดูกและกล้ามเนื้อของร่างกายเปลี่ยนไปและมันส่งผลให้รูปร่าง หน้าตา และเสียงของเขาเปลี่ยนไป

ตามตำนาน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นี้ เขาเป็นที่รู้จักในนามจอมโจรพันหน้า เขาสามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ที่ต้องการซึ่งยากจะป้องกันอย่างมาก

หลังจากอ่านหนังสือเทคนิคทั้งหมดแล้ว เฉินฟานก็มองไปที่แถมทักษะ

【เทคนิคปลอมตัวและการย่อกระดูก ขั้นไม่รู้อะไรเลย (0%)】

“ไม่เลว เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง”

เฉินฟานวางหนังสือเทคนิคลงด้วยความพึงพอใจ

เมื่อเทคนิคนี้ได้รับการส่งเสริมสู่ขั้นสมบูรณ์แบบ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการถูกจดจำ

สิ่งต่อไปที่ต้องกังวลคือไม่รู้ว่าวิธีการประเมินของสมาคมผู้อเวคเป็นอย่างไร โชคดีที่กู่เจ๋อสามารถเป็นก้อนหินถามทางได้

เขาดูหนังสือเล่มที่สอง

【การกดจุดชีพจรเจ็ดสิบสองจุด】

“เกี่ยวกับการกดจุดชีพจรงั้นหือ?”

เฉินฟานตกตะลึง เปิดมันและเริ่มพลิกดูอย่างสงสัย

ตามหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงคือ ร่างกายมนุษย์มีจุดชีพจรหลักสามสิบหกจุด และจุดชีพจรขนาดเล็กเจ็ดสิบสองจุด รวมเป็นหนึ่งร้อยแปดจุด ซึ่งสอดคล้องกับจุดชีพจรสามสิบหก จุดชีพจรเจ็ดสิบสอง และจุดชีพจรหนึ่งร้อยแปด

เทคนิคการกดจุดชีพจรนี้อยู่ในระดับปานกลาง แต่พอวิ่งไปตามแม่น้ำและทะเลสาบได้

ยิ่งเฉินฟานมองดูมากเท่าไร เขาก็ยิ่งดีใจมากขึ้นเท่านั้น ต้องบอกว่าเทคนิคแบบนี้เหมาะกับเขาอย่างมากตอนนี้

หากเขาพบศัตรูอีกครั้งและต้องการรีดข้อมูลจากอีกฝ่าย เขาไม่จำเป็นต้องชี้มีดไปที่อีกฝ่ายหรือซ้อมอีกฝ่ายแล้ว แค่การกดจุดหัวเราะและร้องไห้บนร่างกายของอีกฝ่าย ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้อีกฝ่ายมีชีวิตไม่เท่ากับตายได้แล้ว

หลังจากได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว เขายังสามารถใช้มันโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย

ข้อบกพร่องประการเดียวคือนี่เป็นสำเนาที่ไม่สมบูรณ์

“ท่านผู้อาวุโส ไม่มีการกดจุดชีพจรเจ็ดสิบสองจุดชุดที่สมบูรณ์เหรอ?”

เขาหันกลับมาถาม

"ข้าไม่จริงๆ"

ชายชราอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา "ข้าอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น ตอนนี้ข้าอายุ 60 กว่าแล้ว การเขียนเนื้อหาส่วนเล็กๆ นี้ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย"

"งั้นเหรอ"

เฉินฟานพยักหน้า

ในแถบทักษะ ความคืบหน้าในการเก็บรวบรวม [การกดจุดชีพจรเจ็ดสิบสองจุด] มีมากกว่า 30% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เกณฑ์ในการฝึกคือสิ่งหนึ่งคือ ดัชนีขั้นพื้นฐานต้องไปถึงระดับ 20 และอีกอันคือขอบเขตการกลั่นชีพจร

กล่าวคือ ถ้าเขาต้องการปลดล็อกเทคนิคนี้ เขาต้องฝึกดัชนีขั้นพื้นฐาน

“ระดับ 20 มันน่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง”

จากนั้นเขาก็เก็บหนังสือทั้งสองเล่ม

ชายชราที่อยู่ด้านข้างมองดูฉากนี้และถามอย่างระมัดระวัง "น้องชาย ดูเหมือนข้อตกลงที่ข้าจะให้หนังสือที่สมบูรณ์แก่เจ้าในวันที่ห้า สามารถถือว่าข้าได้มอบให้เจ้าล่วงหน้าได้แล้วใช่ไหม?"

"อืม"

เฉินฟานยิ้มและพูดว่า "หลังจากผ่านไปสองวัน ท่านไม่จำเป็นต้องให้อะไรข้าอีกแล้ว"

ชายชราถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเสียงของเขาก็ดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว "เฮ้ น้องชาย ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีไวน์อยู่ใช่ไหม?"

“ท่านอยากดื่มงั้นเหรอ?”

เฉินฟานมองเขาด้วยความประหลาดใจ

"อะแฮ่ม"

ชายชราหน้าแดงและพูดว่า "เอ่อ  ถ้าเจ้าพอจะแบ่งให้ข้าได้ ข้าแค่อยากจะดื่มสักหน่อยเพื่อฟื้นคืนความรู้สึกของข้าเท่านั้น"

“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้าที่ท่านแอบใช้ชื่อข้าไปขอมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”

"ไม่ไม่..ไม่ใช่อย่างแน่นอน"

ชายชราโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่าและพูดอย่างชอบธรรม "น้องชาย เจ้าเห็นข้าเป็ฯคนแบบนั้นงั้นหรือ?"

“ข้าคิดว่าท่านดูเหมือนไม่ใช่คนทั่วไป”

เฉินฟานมองดูเขา

ชายชราก้มศีรษะลงทันที คิดกับตัวเองว่ามันจะต้องเป็นหลิวหงและคนอื่น ๆ เป็นคนที่บอกความลับของเขาออกไป?

ให้ตายเถอะ เขาแก่แล้ว ขอให้เขาตายไปแบบปีศาจสุขสันต์ไม่ได้หรือ

“แต่เห็นแก่ที่ท่านให้ความร่วมมืออย่างดีในครั้งนี้ ข้าจะให้ขวดหนึ่งแก่ท่านแต่ถ้าท่านดื่มแอลกอฮอล์จนเมาและทำอะไรสักอย่างที่ไม่สมควรลงไป อย่าตำหนิว่าข้าไม่ได้เตือนท่านล่วงหน้า”

"ไม่ ไม่..จะไม่มีเรื่องอย่างนั้นแน่นอน"

ชายชราระงับความตื่นเต้นในใจแล้วพูดอย่างเร่งรีบ

ในโลกนี้มีที่อยู่อาศัย มีเหล้าองุ่นและเนื้อสัตว์ และมีคนรับใช้ เขาก็ขอบคุณพระเจ้ามากพออยู่แล้ว

“เอาล่ะ ข้าจะให้คนนำมันมาให้ท่านในภายหลัง”

หลังจากที่เฉินฟานพูดจบ เขาก็เดินไปที่ประตูและนึกถึงอะไรบางอย่างได้ เขาหันกลับมาแล้วพูดว่า "ข้าหวังว่าท่านจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเทคนิคการปลอมตัวและการย่อกระดูกนี้"

“ไม่ต้องหวงหรอกน้องชาย ข้าเป็นคนปากแข็ง แม้จะเป็นง้าวเหล็กก็ไม่สามารถเปิดปากข้าได้” ชายชราชื่นชมตัวเองออกมา

หลังจากดูเฉินฟานจากไป เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง

“ออร่าของเด็กคนนี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เป็นไปได้ไหมที่เขาฝึกฝนพลังปราณได้แล้วจริงๆ? เฮ้อ ข้าหวังว่าเด็กคนนี้จะความมั่นคงมากขึ้นและไม่ก่อไปเกิดปัญหาทุกที่ ข้าแก่แล้ว อยากใช้ชีวิตก่อนตายอย่างสงบสุข"

เขาถอนหายใจอยู่ภายใน

จากนั้นเขาก็เริ่มกังวล

เขาไม่รู้ว่าไวน์ที่เด็กคนนี้สัญญาว่าจะเอามาให้เขานั้นจะถูกส่งมาเมื่อไหร่? อย่างน้อยๆก่อนอาหารเที่ยงจะได้ไหม?

จะเกิดอะไรขึ้นหากยังไม่ได้รับการจัดส่งภายในเวลาก่อนอาหารเที่ยง? เขาจะกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยได้อย่างไร?

ถ้าเขาไปเตือนจะโดนทุบตีหรือป่าวนะ?

จะเป็นอย่างไรถ้าเฉินฟานกระตุ้นให้เขาชดใช้หนี้ของเขา?

ดังนั้นชายชราผู้ซื่อสัตย์อย่างข้าสามารถรอได้..

ออกจากบ้านของชายชรา เฉินฟานมองดูท้องฟ้าสีครามและรู้สึกสบายใจ

ไม่เลว คราวนี้เขาได้รับหนังสือศิลปะการต่อสู้มาอีกสองเล่ม และทั้งสองเล่มนี้ก็ดีมาก

ต่อไปเขาก็เดินไปหาเหมิงหยู

เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอสามารถช่วยเขาในการค้นหาอุปกรณ์มิติบนร่างของกวนเต๋อฮวาได้หรือไม่ แต่ก็เป็นการดีที่จะลอง แม้ว่ามันจะไม่สำเร็จก็ตาม

ไม่ต้องพูดถึงคุณค่าพื้นที่ข้างในอุปกรณ์มิติอย่างเดียว อย่างน้อยๆต้องมากกว่าหนึ่งลูกบาศก์เมตรอย่างแน่นอน

เขาเลี้ยวไปสองเลนแล้วก็ไปถึงบ้านหลังหนึ่ง

ประตูห้องเปิดอยู่ และใครๆ ก็มองเห็นสถานการณ์ภายในได้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นจู่ๆเหมิงหยูก็ลุกขึ้นยืน

และดวงตาของทั้งสองปะทะกัน และฝ่ายหลังก็หน้าแดงทันที และรีบนั่งลงพร้อมกับลดศีรษะลง ราวกับเธอต้องการหารอยแตกบนพื้นเพื่อว่ามันพอจะแทรกเข้าไปได้

“ขอโทษที ข้าว่าจะเคาะประตู แต่ประตูเปิดอยู่ ดังนั้นข้าจึง...” เฉินฟานอธิบาย

"ไม่เป็นไร"

เหมิงหยูมองไปที่เฉินฟานด้วยความเขินอาย

“เอ่อ แล้วเจ้ากำลังทำอะไร ลุกๆนั่งๆทำไม?” เฉินฟานถามขึ้น

"เอ่อ.."

เหมิงหยูสะดุดเล็กน้อยและพูดว่า "ข้า..ข้าต้องการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นทุกวันนี้ข้ามักจะไปที่สนามฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อดูทุกคนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ และข้าได้ยินมาว่านี้เป็นท่าทางที่เป็นพื้นฐานที่สุด ดังนั้นข้าจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ และกลับมาฝึกคนเดียวและฝึกมาหลายวันแล้ว”

"..."

เฉินฟานพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

เขาจะพูดยังไงดี ความตั้งใจแรกของเหมิงหยูนั้นดี แต่เธออาจจะหน้าบางไปหน่อย

“เจ้าจะกลับไปและของให้ลุงจางสอนเจ้าทีหลังนะ พูดตามตรง มีข้อผิดพลาดมากมายในท่าทางของเจ้าเมื่อกี้”

"อา?"

เหมิงหยูพูดออกมาติดอ่างอย่างวิตกกังวลราวกับกวางที่หวาดกลัว "แล้วข้าควรทำอย่างไร มันจะมีผลกระทบต่อร่างกายของข้าหรือป่าว และลุงจางจะสอนข้าจริงๆหรือ"

"หือ เอ่อ..."

เฉินฟานไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้

“ไม่ต้องกังวล จ้วงกงเป็นเพียงทักษะพื้นฐานและเจ้าก็ฝึกฝนมาได้ไม่กี่วัน แม้ว่าเจ้าจะทำผิดพลาด เจ้าก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

"อย่างนั้นหรือ งั้นข้าจะไปหาลุงจางในภายหลัง"

เหมิงหยูตบหน้าอกของเขาเบา ๆ เหลือบมองที่เฉินฟาน จากนั้นมองไปด้านข้างแล้วพูดว่า "เฉินฟาน ดูเหมือนท่านจะไม่อยู่ในหมู่บ้านในช่วงนี้ใช่ไหม? ตอนที่ข้าอยู่ในสนามฝึก ข้าไม่เห็นท่านตลอดเลย จึงคิดว่าท่านน่าจะเออกไปข้างนอก?”

“ข้าก็ไปเมืองอันชาน”

"เมืองอันชาน!"

ดวงตาของเหมิงหยูเบิกกว้างทันที

สีหน้าของเธอดูวิตกเล็กน้อย แต่ก็มีความคาดหวังเล็กน้อยเช่นกัน

“ครั้งนี้ข้าไม่ได้พบพี่สาวของเจ้า แต่ก็ได้รับบางอย่างเช่นกัน เจ้ายังจำผู้อเวคจากตระกูลกวนที่ข้าพูดถึงครั้งล่าสุดได้ไหม?”

"จำได้"

เหมิงหยูพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ข้าได้ฆ่าเขาไปแล้ว และศพก็อยู่ในหมู่บ้านนี้”

"จริงหรือ?"

ดวงตาของเหมิงหยูเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเขาได้ยิน "นั่นคือผู้อเวคที่สามารถควบคุมจิตใจได้ไม่ใช่เหรอ?"

“ใช่แล้ว เขาเอง ถ้าเจ้าต้องการข้าสามารถพาเจ้าไปดูก็ได้”

เฉินฟานกล่าวว่า "ยังไงก็ตาม ข้าก็มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าเหมือนกัน และเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดันใดๆ ถ้าเจ้าทำได้มันก็จะดี แต่ถ้าเจ้าทำไม่ได้มันก็ไม่เป็นไร"

"เอาล่ะ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่"

เหมิงหยูกำหมัดของเธอแน่น

ตอนที่เธอยังอยู่ในเมืองอันชาน ผู้อเวคจากตระกูลกวนมาหาพี่สาวของเธอทุก ๆ สามวัน และบังคับให้เธอใช้พลังชีวิตของเธออย่างมากมาาย

ถ้าเฉินฟานฆ่าผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ พวกเธอสองพี่น้องคงติดหนี้เขาอย่างมากแน่ๆ!

เมื่อเฉินฟานพาเหมิงหยูไปยังสถานที่เก็บร่างของกวนเต๋อฮวา น้ำตาแห่งความตื่นเต้นก็ไหลออกมาจากดวงตาของฝ่ายหลัง

“เขานั่นเอง! มันคือเขาจริงๆ!”...

……………