ตอนที่ 208 - บทที่ 208 ปรุงยาและสถานการณ์ในซ่งเจียเป่า

บทที่ 208 ปรุงยาและสถานการณ์ในซ่งเจียเป่า

หลังจากกล่าวคำอำลากับพวกเขาแล้ว เฉินฟานก็มาที่แผนกต้อนรับและได้รับพัสดุสองชิ้น

พวกเขาถือพวกมันกลับไปที่ห้องพัก

กล่องแรกเป็นชิ้นส่วนถอดประกอบของคันธนู

ขนาดจะคล้ายกับธนูคันก่อน แต่มีน้ำหนักมากกว่า ทั้งคันของธนูและสายธนูก็หนาเกือบเท่ากับสองนิ้ว

เขาหยิบลูกธนูออกมาดูด้วย มันมีความยาวสองเมตรและใหญ่เกือบเท่ากับแขนเล็กๆ ของผู้ใหญ่ หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว มันหนักเกือบสิบปอนด์

“บางทีข้าอาจะไม่จำเป็นต้องใช้พลังปราณ หากลูกธนูชนิดนี้สามารถโจมตีจุดสำคัญของสัตว์อสูรระดับหัวหน้าได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการฆ่ามันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว”

เฉินฟานพูดกับตัวเอง

ส่วนระยะการยิงนั้นต้องลองถึงจะรู้

เพราะท้ายที่สุดแล้ว คันธนูที่มีแรงน้าว 200 ปอนด์นั้นมีระยะยิงสูงสุดห้าหรือหกร้อยเมตร

คันธนูที่มีแรงน้าว 10,000 ปอนด์นั้นมีระยะยิงสูงสุดประมาณ 1,500 เมตร

หากประมาณระยะโดยการคูณแรงน้าวระยะหวังผลน่าจะไม่ใกล้

"กล่องต่อไป"

เฉินฟานวางธนูและลูกธนูกลับเข้ากล่อง และเปิดกล่องอีกชิ้นหนึ่ง

เขาเห็นว่ามีตัวยาที่แตกต่างกันในหมวดหมู่ที่แตกต่างกัน และน้ำหนักก็ถูกกำกับไว้ด้วย ไม่มากไม่น้อยแล้วแต่ชนิดของวัตถุดิบนั้นๆ

เขานำวัตถุดิบยาและมาที่ห้องปรุงยา

ห้องมีขนาดกว้างขวางมากและล้อมรอบด้วยม้านั่งทดลอง และมีถ้วยขนาดต่างๆ วางเรียงกันอยู่

ตรงกลางมีเตาปรุงยาสูงเท่ากับคน และสามารถควบคุมอุณหภูมิและเวลาได้ด้วยปุ่มอิเล็กทรอนิกส์

ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องจักรนี้ สามารถช่วยประหยัดปัญหาได้มากมาย แต่ไม่ได้หมายความว่าด้วยเครื่องจักร เขาจะสามารถนั่งพักผ่อนได้

นักปรุงยาเตรียมการทั้งหมดในช่วงแรก และในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการ นักปรุงยาจะต้องทำการแก้ไขให้ทันถ่วงที

เฉินฟานแยกวัตถุดิบยาทั้งสิบสามชนิดที่จะใช้และตวงทีละชนิดในปริมาณที่ต้องการ

วัตถุดิบยาที่ใช้ในการปรุงเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงจะเหมือนกับวัสดุที่ใช้ในการปรุงเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุด แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยในสัดส่วน

และขั้นตอนการกลั่นที่ตามมาคือความร้อนล้วนแตกต่างกันเล็กน้อย

ดังคำกล่าวที่ว่า ความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ แต่มันอยู่ห่างออกไปเป็นพันไมล์ ไม่ต้องพูดถึงมีจุดเล็กๆน้อยๆมากมายซ้อนกันอยู่

หลังจากแบ่งสัดส่วนวัตถุดิบแล้ว เขาก็เริ่มแปรรูปวัตถุดิบยา กระบวนการนี้น่าเบื่อและยาวนานมาก ใช้เวลามากกว่าสามชั่วโมงก่อนที่เฉินฟานจะเสร็จสิ้นการเตรียมการและเริ่มการปรุงยาอย่างเป็นทางการ

ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งในสี่ของชั่วโมงในการผลิตยาอายุวัฒนะหนึ่งชุด และต้องปรับความร้อนอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้

เมื่อมีเสียงที่คมชัดจากเตาปรุงยา เฉินฟานก็รู้ว่ายาถูกควบแน่นเสร็จสิ้นแล้ว

เขาปิดเครื่องก่อน จากนั้นจึงเอื้อมมือออกไปเปิดฝาครอบเตาหลอม

ทันทีที่เปิดออก กลิ่นหอมอันเข้มข้นของเม็ดยาก็ล้นออกมา และในไม่ช้าก็อบอวนเต็มไปทั้งห้องปรุงยาทั้งหมด

แค่ได้กลิ่นก็ทำให้เลือดลมในร่างกายพลุ่งพล่านเล็กน้อยแล้ว

เฉินฟานหยิบยาออกมาจำนวนหนึ่งแล้วนับ

รวมเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงทั้งหมด 6 เม็ด และเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุด 4 เม็ด

ใช่ ตามความน่าจะเป็นเขาจะได้รับเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุด 3 เม็ด แต่คราวนี้ได้เพิ่มมาอีก 1 เม็ด

“ถือว่าเป็นโชคดีของข้า”

เฉินฟานยิ้ม หยิบเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงขึ้นมาแล้วโยนมันเข้าไปในปากของเขา

จากนั้นก็เม็ดที่สอง

เม็ดที่สาม

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที เขาก็จัดการกับเม็ดยาพลังงานเลือดทั้งสิบเม็ดทันที

คะแนนศักยภาพเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 400,000 คะแนนทันที

“พอใช้ได้ มันเพียงพอที่จะทะลวงจุดชีพจรหนึ่งจุดแล้ว”

เฉินฟานเหลือบมองมัน

แม้ว่ามันน้อยกว่านิดหน่อยแต่ก็คุ้มค่าแล้ว

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ราคายาทั้ง 10 เม็ดนี้อยู่ที่ 20,000 หยวนเท่านั้น หากไม่รวมค่าไฟฟ้าด้วยละนะ

หากเขาต้องการซื้อมันจำนวนนี้ แต่ก็มีเพียงเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงเท่านั้นในสมาคม และจะต้องใช้คะแนนการบริจาคถึง 660,000 คะแนน

แน่นอนว่าทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ในขณะที่ประหยัดต้นทุน แต่ก็ไม่สามารถประหยัดเวลาได้

คำนวณจากหนึ่งในสี่ของชั่วโมงในการปรุงได้ 1 เตา

124 ชุดคือ 1860 นาที นั่นคือ 30 ชั่วโมง!

เฉินฟานหายใจเข้าลึกๆ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรแล้วและเขาก็ลงมือต่อทันที

เวลาผ่านหนึ่งในสี่ของชั่วโมง

..ครึ่งชั่วโมง

..หนึ่งชั่วโมง

และผ่านไปกว่าสิบชั่วโมงแล้ว

“แปลก ทำไมเช้านี้เราไม่เห็นน้องเฉินเลย”

ซูเจี๋ยรับประทานอาหารเช้าแล้วมองไปรอบ ๆ

“เขาคงจะมาสายๆละมั่ง?”

เกาซานพูดด้วยรอยยิ้ม

"ใช่ อีกสักพักก็คงมา"

ตู้เยว่หัวเราะ

เมื่อวานนี้ เธอได้พูดฝึกซ้อมกับเฉินฟาน และเธอก็ได้รับแรงบันดาลใจมากมาย

แน่นอนว่าไม่มีใครเทียบได้กับความก้าวหน้าของเกาซาน เพราะยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ส่วนตัวด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รอมาเป็นเวลานาน เฉินฟานก็ไม่ปรากฏตัวในร้านอาหารสักที

“แปลกนะ น้องเฉินยังไม่ตื่นเหรอ?”

หลายคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

“ข้าขอถามในกลุ่มเราดูนะ”

ซูเจี๋ยหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาขณะพูด และถามคำถามในกลุ่มสาขา แต่ไม่มีใครตอบ

“คงเป็นเพราะช่วงนี้เขาเหนื่อยเกินไปหรือป่าว?”

ตู่เยว่เดา "เขาล่าสัตว์อสูรระดับสูงมากมายเพียงลำพังเมื่อวันก่อน และเขาต่อสู้กับพวกเราหลายคนด้วยตัวคนเดียวเมื่อวานนี้ เป็นเรื่องปกติที่จะเหนื่อยเราก็กลับไปฝึกด้วยตัวเองก่อนเถอะ"

"ใช่"

คนที่เหลือพยักหน้า

แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่พวกเขาคาดว่าจะได้พบเฉินฟานตอนเที่ยง

อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปตอนเที่ยงวัน และพวกเขาก็ยังไม่เห็นร่างของเฉินฟาน

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? น้องเฉินยังไม่ตื่นอีกเหรอ? นี่ก็เที่ยงแล้วนะ”

ซูเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

“หรือว่าเขาจะไปฝึกในห้องฝึกซ้อมแล้ว?”

“ไม่น่าใช่หรอก ข้าเห็นว่าประตูห้องฝึกทั้งสิบเปิดอยู่ทั้งหมดเลย”

“เป็นไปได้ไหมที่เขาออกไปแล้ว?” จู่ๆจ้าวเสวี่ยเหวินก็พูดขึ้น

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ใบหน้าของคนที่เหลือก็เปลี่ยนไปทันที

เมื่อวันก่อนประธานบอกพวกเขาโดยเฉพาะว่าให้อยู่ในฐานทัพต่อไปอีกสองสามวัน และพวกเขารู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้

เฉินฟานได้สังหารคนไปหลายคนของหอการค้า และอีกฝ่ายจะมองหาโอกาสที่จะตอบโต้อย่างแน่นอน

ถ้าเฉินฟานออกไปในเวลานี้…

“เราถามท่านประธานดีไหม?”

ตู้เยว่พูดออกมาอย่างเป็นกังวล "ถ้าเฉินฟานออกไปจริงๆ ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ"

“ใช่ โทรถามประธานก่อนดีกว่า”

ซูเจี๋ยโทรโดยตรง

“หืม? เจ้ากำลังบอกว่าเฉินฟานจะออกไปข้างนอกงั้นเหรอ?”

ซุนเว่ยไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้เมื่อได้ยินสิ่งนี้ "ไม่ เขาอยู่ในฐานตลอดเวลาและไม่ออกไปข้างนอก"

"ไม่ได้ออกไป"

หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ท่านประธาน ทำไมเราไม่เห็นเขาเกือบทั้งวันล่ะ? เขายังพักผ่อนอยู่ในห้องหรือเปล่า?”

“ข้าไม่รู้ แต่เขาควรจะทำการปรุงยาอยู่ในห้องปรุงยานะ?”

ซุนเว่ยเดา

เฉินฟานพบเขาเมื่อคืนนี้และขอกุญแจห้องปรุงยาไปยังไม่ได้เคยคืน ดังนั้นเขาอาจจะยังอยู่ในห้องปรุงยาก็เป็นได้

โดยปกติการปรุงยาก็เป็นเช่นนี้ ในหมู่คนเหล่านั้น ใครจะไม่ลืมการกินและนอนทั้งวันทั้งคืนล่ะ?

“การปรุงยางั้นหรือ?!”

เมื่อพวกเขาได้ยิน พวกเขาก็พึมพำออกมาซ้ำๆอย่างนั้นราวกับคนโง่

….

ช่วงกลางคืนตก

ณ ซ่งเจียเป่า

ผู้คนหลายร้อยคนยืนสั่นเทาเหมือนนกกระทาอย่างเชื่อฟังหน้าอาคารที่อยู่อาศัยด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ล้อมรอบด้วยยามกว่า 20 นายพร้อมกระสุนจริง

หากสังเกตดีๆ จะพบว่าไม่เพียงแต่ผู้คนในวงกลมเท่านั้น แม้แต่ยามที่ล้อมรอบพวกเขาต่างก็ตื่นตระหนกอย่างมาก

กัปตันกวนตายแล้ว

เสียชีวิตในอาคารพักอาศัยธรรมดาแห่งนี้

พวกเขาได้ยินมาว่าการตายของเขานั่นดูน่าสังเวชอย่างมาก และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นการฆาตกรรม

ต้องรู้ว่ากัปตันกวนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลกวน มันหมายความว่าอย่างไรนะหรือ? เห็นได้ชัดเจนว่าหากผู้อเวครู้ว่าน้องชายของตนได้ตกตายที่นี่โดยไม่มีเหตุผล

เกิดอะไรขึ้น?

แม้ว่าคนจากซ่งเจียเป่าจะถูกฝังอยู่กับเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรใช่ไหม?

บนชั้นสามนั้น ในห้องหนึ่ง มีศพสองศพนอนอยู่ เป็นชายและหญิง และศพทั้งสองนี้ได้เน่าเปื่อยไปนานแล้ว และกลิ่นเหม็นของศพก็รุนแรงมากจนใครๆ ก็ต่างอาเจียนน้ำดีออกมาได้

เฉิงเล่ยมองดูใบหน้าของศพชาย ใบหน้าของเขาซีดเซียว

แม้ว่าศพจะเน่าเปื่อย แต่เขาก็ยังจำมันได้ทันทีว่ามันคือกวนเต๋อซี

สองหรือสามวันก่อน ลูกน้องของเขานำเอกสารมาให้เขาและขอให้เขาเซ็น โดยบอกว่าไม่พบกัปตันกวน

หลังจากนั้นเขาก็ให้ใครซักคนไปสอบถามและทราบว่าหลังจากกวนเต๋อซีกลับมา เขาก็ไปที่ย่านที่อยู่อาศัยและไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ติดตามเขา ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เช่นกัน

เพราะอีกฝ่ายอาจจะกำลังทำอะไรตามรสนิยมส่วนตัว ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

แต่เมื่อผ่านไปวันที่สอง และในวันที่สามนั้นยังไม่มีใครเห็นกวนเต๋อซีเลย เขาจึงค่อยๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเริ่มส่งคนไปค้นหาเขาในอาคารต่างๆ

ในขณะนั่นเอง ก็มีข่าวว่ามีศพได้ส่งกลิ่นเหม็นมาจากอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง และเขาก็รีบพาคนไปตรวจสอบทันที เมื่อมาเห็นฉากข้างหน้าเขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันที

กวนเต๋อซี ตายแล้วงั้นเหรอ?

และเขาเสียชีวิตอย่างอธิบายอะไรไม่ได้เลย

เหมือนภาพตรงหน้านี้เป็นชายขี้เหงาและหญิงม่ายอยู่ห้องเดียวกันแต่ตายทั้งคู่

แล้วใครเป็นฆาตกรล่ะ?

ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้?

"กัปตัน"

ขณะนั้นชายสวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมและถุงมือสีขาวเดินเข้ามาชี้ไปที่ร่างของหญิงสาวที่อยู่บนพื้นแล้วพูดว่า "เธอน่าจะตายด้วยน้ำมือของกัปตันกวน เพราะมีแผลเป็นเหลืออยู่ที่คอของเธอ" และมันตรงกับลายนิ้วมือของกัปตันกวน สำหรับกัปตันกวนเขาน่าจะถูกบุคคลที่สามฆ่า

ก่อนจะฆ่ากัปตันกวน ฆาตกรน่าจะซักถามกัปตันกวนเสียก่อน ประเด็นนี้สรุปได้จากการที่เขาน่องขาหักและนิ้วที่ขาดของกัปตันกวน ในที่สุดฆาตกรก็น่าจะได้รับคำตอบที่เขาต้องการแล้ว จากนั้นเขาก็ฆ่าคนทิ้ง

นอกจากนี้ ทุกสิ่งบนร่างของกัปตันกวนก็หายไป เมื่อพิจารณาจากร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ บนโต๊ะ ฆาตกรน่าจะวางของไว้บนโต๊ะก่อน แล้วจึงเอาพวกมันทั้งหมดออกไป ข้าต้องบอกว่าฆาตกรคนนี้ระมัดระวังอย่างมาก "....

………….