นี่เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ระดับบรอนซ์เขียวของเขาอย่างเทพยุทธ์เต็มตัว II หรือไม่?
ใช่… เคล็ดวิชาหอกแห่งความโกลาหลโบยบินของเขามาจากอาชีพพิเศษอย่างผู้ฝึกปราณ อาชีพเสริมที่ได้รับมาจากการมีพรสวรรค์แห่งลอร์ดเทพยุทธ์เต็มตัว II ทำให้เขามีอาชีพเพิ่มเติมได้อีกสองอาชีพ
เมื่อรวมกับผลลัพธ์การต่อสู้อันโดดเด่นบนสมรภูมิเมื่อครู่ มันจึงมีเหตุผลที่เขาจะได้รับโชคชะตาผู้กล้าของลอร์ดเทพสงคราม
ถึงกระนั้นโจวโจวก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกๆ
เขาไม่ใช่ลอร์ดอย่างเจ้าฟีนิกซ์เขียวหรือท่านจ้าวที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้เป็นพิเศษ
ลอร์ดที่เขาหวังว่าจะเป็นที่สุดก็คือลอร์ดที่สามารถยืนอยู่ในแนวหน้าของสมรภูมิและนำพาทหารให้ได้รับชัยชนะมาได้
ลอร์ดเทพสงครามไม่ได้ตรงกับความต้องการของเขาเลย
โจวโจวลังเล
พูดตามตรง โชคชะตาผู้กล้าระดับมหากาพย์นั้นก็ถือว่าดีแล้ว นอกจากนี้มันยังมีโอกาสสูงที่เขาจะสามารถเลื่อนระดับมันขึ้นไปได้อีกหลังจากสังหารศัตรูในอนาคต ถ้าเขาไม่หลอมมัน เขาจะพลาดโอกาสครั้งใหญ่ไหม?
ในขณะที่เขากำลังคิด ความรู้สึกอันบางเบาก็บังเกิดขึ้นในใจของเขา ราวกับว่ามีแสงส่องสว่างขึ้นในหัวใจของเขาและทำให้ความคิดของเขากระจ่างแจ้งขึ้นมา
“ฉันไม่อาจใช้ประวัติผู้กล้านี้เพื่อหลอมโชคชะตาผู้กล้าของฉันได้! นี่ไม่ใช่เส้นทางของฉันในฐานะผู้กล้า!”
โจวโจวได้สติกลับมา
เขาจะเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองเพราะต้องการเป็นผู้กล้างั้นเหรอ?
ไปที่สมรภูมิและฆ่าศัตรูเนี่ยนะ?
นั่นไม่ใช่ฉันเลยไม่ใช่เหรอ?
ถ้าเขาเลือกเป็นผู้กล้าแบบนี้จริงๆ เขาก็คงจะถือว่าได้เดินไปบนเส้นทางที่ผิด
โจวโจวดึงสติตัวเองกลับมา
เขากังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้ใต้บังคับบัญชาและแม้แต่ร่างโคลนของเขากลายเป็นผู้กล้าในขณะที่เขายังไม่ได้เป็น
มิฉะนั้นเขาก็คงไม่ลังเลเช่นนี้
นี่มัน สัญชาตญาณพรสวรรค์แสดงผลอีกแล้วเหรอ?
จากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย
แม้ว่าพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับมหากาพย์นี้จะดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร แต่มันก็มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
“งั้นเส้นทางการเป็นผู้กล้าในอนาคตของฉันคืออะไรกัน? แล้วเส้นทางการเป็นเทพเจ้าล่ะ?”
โจวโจวคิดถึงสองคำถามนี้อีกครั้งและรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาถอนหายใจออกมาหลังจากคิดอยู่นาน
เขาเพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้เป็นเวลาสั้นๆ ถ้ามันผ่านไปอีกสักหน่อย เขาก็คงจะเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าเขาควรเป็นผู้กล้าแบบไหนในอนาคต หรือเส้นทางของจิตวิญญาณเทพเจ้าแบบไหนที่เขาควรเลือกเดิน
เขาไม่คิดมากเกินไปเกี่ยวกับมัน
เขาอยู่แค่ระดับเหนือสามัญขั้นต้นเท่านั้นและยังอยู่ห่างไกลจากระดับตำนานขั้นสูง
เขาค่อยคิดดูในระหว่างที่เขาเดินทางไปก็ได้
ในเวลานั้นเอง ไป่อี้ก็บินเข้ามา
“ฝ่าบาท จากผู้กล้าต่างเผ่าพันธุ์ 23 คน มี 8 คนที่หนีไปได้ มี 4 คนที่ยอมจำนน และที่เหลืออีก 11 คนถูกฆ่าตายหมดแล้วเจ้าค่ะ นี่คือศพของพวกมัน”
ไป่อี้โบกมือขวาของเธอและมีศพเก้าร่างลอยออกมา
ส่วนศพอีกสองร่างที่เหลือ ตอนนี้พวกมันก็กองกันอยู่ในกล่องสมบัติแห่งราชาของโจวโจวแล้ว
โจวโจวพยักหน้าและเก็บศพผู้กล้าทั้งเก้าคนไป
“ฝ่าบาท ข้าจับนักโทษคนหนึ่งจากอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนเอาไว้ได้ โคโบลด์ตัวนั้นบอกว่ามันเห็นว่าพระสันตะปาปาฟลอยด์ได้หนีกลับไปที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ”
ไป่อี้รายงานอีกครั้ง
“หลังจากที่ฟื้นคืนชีพและรักษาอาการบาดเจ็บให้ทหารเสร็จแล้ว และไอเท็มดรอปถูกเก็บจนหมด ก็ให้พักกันสักหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ให้เดินทัพต่อไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนและพิชิตอาณาจักรนี้ซะ จากนั้นก็ให้มุ่งหน้าต่อไปยังอาณาจักรไททัน ตรงไปที่เมืองหลวงของพวกมันและพิชิตอาณาจักรไททันซะ ส่วนดินแดนภูมิภาคที่เหลือ พวกเราก็จะค่อยๆ พิชิตพวกมันต่อไปในอนาคต”
โจวโจวคิดอยู่ชั่วขณะและสั่งการอย่างเด็ดขาด
ในการต่อสู้นี้ กำลังสำคัญของอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนและอาณาจักรไททันก็แทบจะหมดสิ้นไปแล้ว และมันก็เหลือผู้กล้าไว้อีกไม่มากแล้ว
มันเรียกได้ว่าทั้งสองอาณาจักรนี้กำลังอ่อนแอถึงขีดสุด
ในเวลานี้ เขาย่อมต้องฉวยโอกาสจากชัยชนะนี้เพื่อกดดันอีกฝ่าย และไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ!
“เจ้าค่ะฝ่าบาท!”
ไป่อี้กล่าวด้วยความเคารพ สีหน้าอันตกใจของเธอเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นบางส่วน เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ประหลาดใจกับความเด็ดขาดของโจวโจว
อาณาจักรของพวกเธอเพิ่งถูกก่อตั้งได้แค่วันเดียว แต่พวกเธอกลับจะพิชิตอาณาจักรดั้งเดิมถึง 4 แห่งติดต่อกันเลยเหรอ?
แค่คิดก็น่าเหลือเชื่อแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็รู้สึกว่าอัตราความสำเร็จของเรื่องนี้นั้นมีสูงมากด้วยกองกำลังและยอดฝีมือของอาณาจักรตะวันสาดแสงในตอนนี้
เธอหยุดลังเล
เธอเดินออกไปเพื่อถ่ายทอดคำสั่งทันที
ในเวลาเดียวกัน ณ เมืองหลวงของอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอน
ภายในวังของพระสันตะปาปา
ฟลอยด์ที่มีสภาพยับเยินได้ตะเกียกตะกายเข้ามา
จากนั้นมันก็เห็นโคโบลด์ชราที่มีผมขาวในชุดคลุมสีดำทองกำลังสวดมนต์อย่างเงียบๆ อยู่หน้ารูปปั้นเทพแห่งความตาย
มันคือพระสันตะปาปาองค์ก่อนอย่างโครนิน
“ทำไมเจ้าถึงมีสภาพยับเยินเช่นนี้”
โครนินพูดอย่างใจเย็น
“สภาพยับเยินเหรอ?! เจ้ายังจะสนใจอีกเหรอว่าทำไมข้าถึงอยู่ในสภาพที่ยับเยินเช่นนี้? เจ้ารู้ไหมว่ากองทัพพันธมิตรได้พ่ายแพ้แล้ว?”
ฟลอยด์ดูเหมือนจะคลั่งไปแล้ว และมีความกลัวฝังลึกอยู่ในดวงตาของมัน
“ทหาร 22 ล้านคนจากกองทัพ 18 อาณาจักรได้ตายลงแล้ว! ผู้กล้าที่เหลืออีก 3 คนของอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนก็ตายไปหมดสิ้น ส่วนในอาณาจักรอื่นๆ ก็เหลือผู้กล้าเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง? มันหมายความว่าอาณาจักรรัตตติกาลเห่าหอนของพวกเราได้จบสิ้นแล้ว! ราชาตะวันสาดแสงผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป! ข้าไม่เคยเห็นยอดฝีมือระดับเหนือสามัญที่ยังไม่ได้เป็นผู้กล้าสามารถสังหารผู้กล้าระดับมหากาพย์ได้อย่างง่ายดายแบบนั้นมาก่อนเลย! มันฆ่าผู้กล้าของพวกเราไปหนึ่งในสี่จาก 23 คนเพียงลำพัง! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตะวันสาดแสง วันนี้พวกเราก็คงจะไม่แพ้แน่ๆ!”
มันพูดอย่างเกลียดชัง
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เปิดหูเปิดตาของมันมาก
มันไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตระดับเหนือสามัญที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อนเลย
ไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายกลายเป็นลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดจากกิจกรรมก่อนของเจตจำนงสูงสุดได้
ชื่อเสียงของอีกฝ่ายไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ
เมื่อโครนินได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของมันก็เปล่งประกายขึ้นมา
มันได้รับข่าวการพ่ายแพ้มาจากแนวหน้าแล้ว แต่มันก็ไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัด
มันไม่คาดคิดเลยว่าราชาตะวันสาดแสงที่ไม่เคยลงมือเลยจะเป็นผู้ตัดสินชัยชนะนี้
มันยากที่จะจินตนาการจริงๆ ว่าอีกฝ่ายเพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้ไม่ถึงครึ่งเดือน
“งั้นราชาตะวันสาดแสงก็น่าจะบุกมาในไม่ช้า โครนิน เจ้าคือพระสันตะปาปาองค์ก่อน เจ้าคงจะมีไพ่ตายไว้ใช้จัดการกับพวกมันใช่ไหม?”
ฟลอยด์มองไปยังโครนินอย่างคาดหวัง
โครนินส่ายหัว
“ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง งั้นไพ่ตายของข้าก็คงไม่สามารถหยุดยั้งอีกฝ่ายได้หรอก อาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนน่าจะถูกทำลายแล้วในวันนี้”
“งั้นพวกเราควรทำยังไงดี?”
ฟลอยด์สับสนเล็กน้อย
“หนี ทิ้งที่นี่ไปซะ บารมีของท่านเทพแผ่ไพศาล ตราบใดที่มันยังมีศรัทธาต่อความตาย มันก็ต้องมีสถานที่ให้พวกเราได้พึ่งพิงเป็นแน่น”
โครนินพูดอย่างใจเย็นภายใต้สายตาอันตกตะลึงของฟลอยด์
พวกมันเงียบไปนาน จากนั้นฟลอยด์ก็ยืนขึ้นและพูดอย่างเกลียดชัง
“ข้าจะไปเอาตราอาณาจักรก่อน แม้ว่าข้าจะหนีไป แต่ข้าก็จะไม่ทิ้งตราอาณาจักรเอาไว้ให้ราชาตะวันสาดแสง!”
“อย่า”
โครนินหยุดเขาไว้ทันที “ราชาตะวันสาดแสงทรงพลังมาก ถ้าเจ้าไม่อยากถูกมันตามล่า มันคงเป็นการดีกว่าที่จะทิ้งตราอาณาจักรและสมบัติสำคัญบางส่วนเอาไว้เพื่อจะรั้งราชาตะวันสาดแสงเอาไว้ที่นี่ มิฉะนั้นข้าก็เกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถหลบหนีไปได้ถ้าเจ้าเอาพวกมันทั้งหมดไปด้วย”
ฟลอยด์อึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าอย่างคอตก
ในเวลานั้นเอง เขาก็ไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เหมือนกับตอนที่เขาเคยเผชิญหน้ากับอดีตพระสันตะปาปาในอดีตอีกแล้ว
เขาเชื่อฟังทุกสิ่งที่อดีตพระสันตะปาปาพูดออกมา
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินออกมาจากโถงพระสันตะปาปา พวกเขาก็เห็นมนุษย์ผู้หนึ่งที่กำลังถือดาบสีโลหิตเอาไว้และกำลังลอยอยู่ที่ประตูเพื่อรอพวกเขาอยู่อย่างเงียบๆ
“เทพดาบราคชาซารัตติกาลซวีอัน”
“ข้ามาที่นี่ด้วยคำสั่งขององค์ราชาเพื่อเอาชีวิตของพวกเจ้า” ซวีอันพูดอย่างใจเย็น
แสงดาบสีโลหิตเปล่งประกายขึ้นและศีรษะของพวกมันก็หลุดออกมาพร้อมกับร่างที่ล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved