ด้านหนังค่ายกลข้ามมิติระดับเหนือสามัญขั้นสูง
เหล่าทหารจากอาณาจักรตะวันสาดแสงกำลังกวาดล้างสมรภูมิอยู่
ณ ตรงจุดที่ลอร์ดจากพันธมิตรดารารวมตัวกันอยู่ มันมีคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบลอร์ดสาวคนหนึ่งเอาไว้และถามคำถามสารพัด
ลอร์ดสาวคนนี้เองก็ตื่นเต้นมาก
“น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! พวกนายเห็นใช่ไหม? นั่นคือมอนสเตอร์แห่งหมอกกว่า 200,000 ตัวเชียวนะ สุดท้ายด้วยการใช้ยุยงแปรพักตร์ของฉัน มันก็มีมอนสเตอร์แห่งหมอกร่วมๆ 40,000 ตัวยอมจำนนต่อฉัน!”
“ฉันมีทหารแค่ 43,000 คนเท่านั้น แต่การใช้ยุยงแปรพักตร์ในวันนี้ก็ทำให้ฉันมีทหารเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเลย!”
ลอร์ดสาวคนนี้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ลอร์ดจากพันธมิตรดาราคนอื่นๆ พากันอิจฉา
พวกเขาต่างก็มียุยงแปรพักตร์ระดับเพชรเหมือนกัน
เปอร์เซ็นต์การแปรพักตร์ 20% ทำให้ทุกคนคันไม้คันมือจริงๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มาเพื่อทำภารกิจประจำฝ่ายและไม่ได้พบเจอกับมอนสเตอร์แห่งหมอกมากมายนัก ดังนั้นมันจึงมีแค่ลอร์ดที่โชคดีเท่านั้นที่จะได้ลองใช้ยุยงแปรพักตร์ระดับเพชร
มันต้องบอกว่าสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเห็นมากจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าลอร์ดพวกนี้ตั้งความหวังกับยุยงแปรพักตร์ระดับเพชรมากกว่าตอนที่พวกเขาได้เห็นมันเป็นครั้งแรกซะอีก
ในเวลานั้นเอง…
“ผู้บัญชาการไป่มาแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกเราจะเดินทัพต่อเลยเหรอ? ทำไมวันนี้เร็วจัง”
“เยี่ยม! ฉันอยากใช้ยุยงแปรพักตร์มานานแล้ว”
เมื่อทุกคนเห็นไป่อี้เดินเข้ามาหาพวกเขา พวกเขาก็พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น
“คาราวะผู้บัญชาการไป่!”
ทุกคนรอจนกระทั่งไป่อี้มาอยู่ตรงหน้าของพวกเขาและกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
ไป่อี้พยักหน้า
“ทุกคน ฝ่าบาทเพิ่งส่งคำสั่งด่วนมาว่าให้พวกเรากลับไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรตะวันสาดแสงเดี๋ยวนี้ สงครามใหม่กำลังรอพวกเราอยู่”
จากนั้นเธอก็บอกทุกคนเกี่ยวกับมนุษย์กว่าสิบล้านคนที่ถูกจับตัวไปและถูกช่วยออกมาโดยโจวโจว
เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็โมโหทันที
มันไม่จำเป็นต้องให้ไป่อี้ปลุกระดมพวกเขาอีก ทุกคนเต็มไปด้วยจิตสังหาร และแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการกลับไปยังอาณาจักรตะวันสาดแสงและแก้แค้นให้กับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ในทันที
หนงเฉิงหลินคือหนึ่งในลอร์ดที่พยักหน้าจากใจ
ในอดีต ฝ่าบาทต้องการให้เขาคัดกรองคนเหล่านี้ มันมีแค่ลอร์ดที่ผ่านคุณสมบัติเท่านั้นที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรแห่งลอร์ดได้ แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะมีเหตุผลอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ณ อาณาจักรตะวันสาดแสง
เมื่อโจวโจวเห็นไป่อี้และคนอื่นๆ กลับมา เขาก็ไม่เสียเวลาอีกและพาทุกคนไปยังอาณาจักรอสูรเหมันต์ทันที
…
ณ ชายแดนของอาณาจักรอสูรเหมันต์
ดินแดนภูมิภาคระดับทองคำเหลือง—เมืองหุบเขาทมิฬ
ในยานราตรีประดับดาวที่ซ่อนอยู่ในช่องว่างของมิติ
โจวโจวและคนอื่นๆ กำลังมองดูสถานการณ์เบื้องนอกผ่านหน้าจอเสมือนจริงที่ลอยอยู่ตรงหน้าของพวกเขา
“ฝ่าบาท พวกเราจะบุกโจมตีอาณาจักรอสูรเหมันต์เมื่อไหร่ดี?”
เจ้าฟีนิกซ์เขียวอดถามออกมาไม่ได้
เธอรอเริ่มสงครามและแก้แค้นให้กับผู้ลี้ภัยกว่าสิบล้านคนไม่ไหวแล้ว
โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขากำลังคิดบางสิ่งอยู่
เขาคิดอยู่ชั่วขณะและบอกให้ทุกคนรอเขาอยู่ในยานบิน จากนั้นเขาก็บินออกมาจากราตรีประดับดาวและมองไปยังราตรีประดับดาวกว่า 50 ลำที่อยู่ตรงหน้าของเขา
ภายในยานราตรีประดับดาว 50 ลำนี้ นอกเหนือจากเขาและกองทัพเกือบ 30 ล้านคนแล้ว ที่เหลือก็เป็นผู้เชี่ยวชาญสายอาชีพอื่นรวมทั้งเสบียงสงครามอื่นๆ
สายตาของโจวโจวกวาดไปรอบๆ และสุดท้ายสายตาของเขาก็จดจ้องไปยังยานบินลำหนึ่ง
ยานบินสีดำลำหนึ่งปรากฏขึ้นข้างๆ เขาจากความว่างเปล่า
มันคือยานบินที่ซวีอันชิงมาจากท่าเรือทะเลสาบโลหิตของอาณาจักรอสูรเหมันต์
ยานบินนี้มีชื่อว่ายานจิตวิญญาณนภา มันได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยผู้เชี่ยวชาญในดินแดนของเขาแล้ว หลังจากกำจัดอุปกรณ์พิเศษบางอย่างออกไปแล้ว ตอนนี้มันก็สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นเขาจึงสามารถควบคุมยานจิตวิญญาณนภาได้และสามารถใส่ยานราตรีประดับดาวเข้าไปยังมิติที่อยู่ภายในยานลำนี้ได้
นอกจากนี้เขายังสามารถใส่ยานลำอื่นๆ ที่บรรจุทหารเข้าไปยังยานจิตวิญญาณนภาได้ด้วย
“งั้นฉันก็สามารถพายานจิตวิญญาณนภามุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรอสูรเหมันต์ได้โดนตรงเลยสินะ เมื่อไปถึง ฉันคงปลดปล่อยกองทัพทั้งหมดออกมา และเมืองหลวงของอาณาจักรอสูรเหมันต์ก็จะตกอยู่ในกำมือของฉันในพริบตา”
โจวโจวคิดด้วยความคาดหวัง
จากนั้นเขาก็เตรียมที่จะลองดู
เขาเปิดใช้งานทักษะแห่งกฎเกณฑ์เงาสังหารและอำพรางตัวเอง
จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานไอเท็มเทวะระดับเทพชั้นกลางขั้นสูงอย่างผ้าคลุมแห่งเงาและเข้าสู่สภาพล่องหอน
ในสภาพนี้ แม้ว่ามันจะเป็นตัวตนระดับเทพชั้นสูง แต่มันก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะไม่สามารถมองผ่านการล่องหนของเขาได้
อย่างไรก็ตาม โจวโจวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่เป็นเพราะเขาตระหนักได้ว่าการเปิดใช้งานทักษะแห่งกฎเกณฑ์และใช้ผ้าคลุมแห่งเงาระดับเทพชั้นกลางพร้อมกันได้ใช้พลังงานโกลาหลของเขาไปเป็นอย่างมาก
ด้วยอัตรานี้ เขาคิดว่ากว่าเขาจะไปถึงเมืองหลวงของอาณาจักรอสูรเหมันต์ พลังงานโกลาหลต้นกำเนิดในร่างกายของเขาก็น่าจะเกือบหมดแล้ว
“ฉันสามารถบีบอัดพลังงานโกลาหลต้นกำเนิดให้ได้คุณภาพในระดับเดียวกันกับพลังเทวะระดับเทพชั้นกลาง แต่ในแง่ของปริมาณ มันก็ด้อยกว่าระดับเทพชั้นกลางอยู่มาก”
โจวโจวคิด
จากนั้นเขาก็ปิดใช้งานทักษะแห่งกฎเกณฑ์ของผ้าคลุมแห่งเงาและใช้แค่ผ้าคลุมแห่งเงาตามปกติเท่านั้น
ตามที่คาดไว้ โจวโจวรู้สึกได้ในทันทีว่าเขาใช้พลังงานลดลงไปมาก
ในสภาพนี้ เขาน่าจะคงสภาพไว้ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง
มันมากพอที่จะให้เขาทำอะไรได้หลายๆ อย่าง
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป โจวโจวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือเมืองหุบเขาทมิฬและบินตรงไปยังอาณาจักรอสูรเหมันต์
เขาไม่ได้เลือกที่จะใช้ความสามารถในการพรางตัวของราตรีประดับดาวและมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรอสูรเหมันต์โดยตรง
นี่เป็นเพราะอาณาจักรใดก็ตามที่พอจะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้างก็คงจะมีความสามารถในการป้องกันด้านนี้
ถ้าเขาทำแบบนั้น มันก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะทำให้เขาเปิดเผยตำแหน่งของราตรีประดับดาวและตำแหน่งของเขา
ทำให้เขาต้องใช้ไอเท็มเทวะระดับเทพชั้นกลางอย่างผ้าคลุมแห่งเงาเพื่อล่องหนและลดความเป็นไปได้ที่จะถูกเปิดเผยตัวเองลงให้ได้มากที่สุด
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็บินผ่านน่านฟ้าของดินแดนภูมิภาคกว่า 16 แห่งของอาณาจักรอสูรเหมันต์มาและมุ่งหน้าเข้าใกล้เมืองหลวงของอาณาจักรอสูรเหมันต์มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในทันใดนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลังสุดหยั่งจากในระยะไกลและกำลังมุ่งหน้ามาหาเขา
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เห็นแม่ทัพอสูรเหมันต์ในชุดเกราะสีฟ้าปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลจากเขา
มันมองมาทางโจวโจวอย่างเย็นชาและพลิกมือขวาของมัน จากนั้นเข็มทิศสีเทาก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของมัน
เข็มของเข็มทิศได้หมุนอย่างช้าๆ และชี้มาที่โจวโจว
แม่ทัพอสูรเหมันต์มองตาม เมื่อมันตระหนักได้ว่ามันไม่มีอะไร สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และมันก็แค่นเสียงออกมา
“เคล็ดวิชาการอำพรางนี้ไม่เลวเลย แต่ถ้าเจ้าอยากจะพึ่งพาวิธีการนี้เพื่อลอบโจมตีอาณาจักรอสูรเหมันต์ของเรา เจ้าก็คงจะดูถูกรากฐานของอาณาจักรอสูรเหมันต์ที่สะสมมาร่วม 4,000 ปีแล้ว!”
มันอ้าปากออกมาในทันใด และพลังงานธาตุน้ำแข็งอันน่าพรั่นพรึงก็ควบแน่นขึ้นในปากของมัน และก่อตัวขึ้นเป็นลูกบอลพลังงานที่แผ่ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
จากนั้นมันก็พ่นลูกบอลพลังงานนี้มาทางโจวโจวในทันใด
โจวโจวที่อยู่ในสภาวะล่องหนขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาจดจ้องไปยังเข็มทิศในมือของอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด
เมื่อเห็นว่าลูกบอลพลังงานกำลังมุ่งหน้ามาหาเขา โจวโจวก็เปิดเผยตัวเองออกมาและยื่นมือออกไปเพื่อต้องการป้องกันลูกบอลพลังงานด้วยมือข้างเดียว
แม่ทัพอสูรเหมันต์แค่นเสียงออกมาเมื่อเห็นเช่นนี้
มันคือผู้กล้าระดับตำนานที่มีโชคชะตาผู้กล้าระดับมหากาพย์
หนุ่มน้อยผู้นี้อยากจะรับการโจมตีเต็มกำลังของมันงั้นเหรอ?
อีกฝ่ายช่างไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของฟ้าดินจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในอึดใจต่อมา ดวงตาของมันก็เบิกกว้างขึ้นในทันที