ตอนที่ 291

บทที่ 291: สวรรค์คืออะไร?

“ บอกข้ามาเกี่ยวกับสวรรค์มหากาฬโรคนี้” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง นี่…” หมิงเจินพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ อันที่จริง ข้าก็ไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับสวรรค์มหากาฬโรค ข้าเคยอ่านเจอเกี่ยวกับเรื่องนี้แค่ในหนังสือตำราโบราณเท่านั้น ว่ากันว่ามันเป็นต้นกำเนิดของเคล็ดวิชาการต่อสู้กาฬโรคในโลกนับไม่ถ้วนและเป็นต้นตอให้เกิดภัยพิบัติและโรคภัยนับไม่ถ้วน”

“ หนังสือตำราโบราณเล่มนั้นบันทึกเคล็ดวิชาลับที่เรียกว่าวิชาสังเวยเต๋าสวรรค์เอาไว้ เคล็ดวิชาลับนี้จะทำให้คนๆ นั้นสามารถสื่อสารกับสวรรค์มหากาฬโรคผ่านการสังเวยได้ และเขาก็จะได้รับพลังหรือออร่าพิเศษที่พวกเขาต้องการ”

“ ตำหนักกาฬโรคเองก็มาจากสวรรค์มหากาฬโรคด้วยรึเปล่า?” ซุยเฮ็งถามอีกครั้ง

“ ข้าไม่คิดอย่างนั้น” หมิงเจินส่ายหัวและพูดว่า “ ตำหนักกาฬโรคยังใช้แก่นแท้เซียนเพื่อฝึกตนอยู่ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องไม่มีมรดกจากสวรรค์อย่างแน่นอน พวกเขาน่าจะมาจากระบบสุริยะหรืออาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งภายใต้การปกครองของสวรรค์มหากาฬโรค”

อาณาเขตภายใต้สวรรค์มหากาฬโรค?

ซุยเฮ็งครุ่นคิดเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ นี่เป็นข้อมูลที่เขาไม่เข้าใจ

โลกนับไม่ถ้วนที่ปกครองโดยสวรรค์คืออะไร?

เขาไม่รู้อะไรมากมายนักเกี่ยวกับสวรรค์

ก่อนหน้านี้ ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับสวรรค์ก็มาจากคำอธิบายของหลี่เฉิงเกี่ยวกับ “ โลกมากมายและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ที่สิ้นสุด"

เขารู้เพียงว่า "สวรรค์" เป็นสิ่งที่พิเศษอย่างยิ่ง

แม้ว่าพวกมันจะมีอยู่ในจักรวาล แต่พวกมันก็มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง แก่นแท้ของพวกมันสูงกว่าโลกนับไม่ถ้วน และยังสูงกว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ด้วยซ้ำ มันเกี่ยวพันกับเต๋าอัรยิ่งใหญ่หลายพันล้านอันและกฎอันไร้ที่สิ้นสุดซึ่งบรรจุความลึกลับขั้นสูงสุดของโลกเซียนเอาไว้

อย่างไรก็ตาม คำอธิบายนี้ก็คลุมเครือเกินไป มันแทบจะไม่มีค่าอะไรให้อ้างอิงได้เลย

“ สวรรค์ที่เจ้ารู้จักมีหน้าตาเป็นอย่างไร?” ซุยเฮ็งเปลี่ยนหัวข้อในทันที

“ เอ่อ?” หมิงเจินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและรู้สึกงงงวยมาก

เหตุใดท่านเซียนผู้สูงส่งผู้นี้จึงถามคำถามเช่นนี้?

การดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งกว่าผู้สร้างจะไม่รู้ว่าสวรรค์คืออะไรได้อย่างไร?

หรือนี่จะเป็นการทดสอบความรู้ของข้า?

หมิงเจินรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นอย่างหลัง

ท้ายที่สุดแล้ว ว่ากันว่าวิธีการฝึกตนของผู้สร้างก็คือการเข้าใจ “เต๋าสวรรค์”

มันเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้จะไม่รู้ว่าสวรรค์คืออะไร

“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง สวรรค์คือโลกระดับสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของโลกนับไม่ถ้วน มันสามารถเรียกอีกอย่างได้ว่าโลกสวรรค์” หมิงเจินจัดเรียงคำพูดของเขา

“ โลกสวรรค์เหล่านี้เรียกรวมกันว่าสวรรค์ กฎแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาฝึกฝนที่นั่นจะแผ่ขยายออกไปและส่งผลกระทบต่อกฎของโลกนับไม่ถ้วนเบื้องล่าง”

“ ด้วยเหตุนี้เอง กฎของโลกเบื้องล่างทั้งหมดจึงได้รับอิทธิพลมาจากสวรรค์ กฎเต๋าอันยิ่งใหญ่ของโลกสวรรค์นั้นเกือบจะเทียบเท่ากับต้นกำเนิดของเต๋าอันยิ่งใหญ่ของโลกนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันถูกเรียกว่าเต๋าสวรรค์เมื่อถึงจุดหนึ่ง”

“ ภายในขอบเขตอิทธิพลของเต๋าสวรรค์ เราก็สามารถใช้เคล็ดวิชาลับเพื่อถวายเครื่องสังเวยและสื่อสารกับเต๋าสวรรค์ที่สอดคล้องกันได้ เราจะสามารถดูดซับออร่าพิเศษบางอย่างเพื่อช่วยในการฝึกตนของเราซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ข้าวางแผนจะทำกับเย่หานในตอนก่อนหน้านี้”

“ กล่าวกันว่าวิธีการฝึกฝนของผู้สร้างคือการเข้าใจกฎสวรรค์เต๋าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันคือการทำความเข้าใจวิธีการที่จะส่งผลต่อการทำงานของเต๋าสวรรค์ จากนั้นจึงครอบครองพลังอันทรงพลังที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของโลกนับไม่ถ้วนได้…”

หลังจากคำอธิบายของหมิงเจิน ตัวอ่อนวิญญาณของซุยเฮ็งก็เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

ในเวลาเดียวกัน เขาก็มีแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสวรรค์

สวรรค์คือสถานที่ที่รวมโลกสวรรค์เอาไว้มากมาย กฎแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ของแต่ละโลกในสวรรค์คือเต๋าสวรรค์ พวกเขาปกครองโลกนับไม่ถ้วนและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเมื่อรวมกันแล้ว พวกเขาก็เป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของโลกนับไม่ถ้วนที่ได้รับผลกระทบจากกฎเต๋าสวรรค์ที่สอดคล้องกัน

โลกสวรรค์เหล่านี้และโลกนับไม่ถ้วนอันมหาศาลที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของพวกเขาคือกาแลคซีอันกว้างใหญ่

อย่างไรก็ตาม ในความคิดของเขา มันก็มีไม่มีอะไรลึกลับเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าสวรรค์นี้

นอกเหนือจากสิ่งที่เรียกว่าระดับของโลกแล้ว ผลกระทบของกฎเต๋าอันยิ่งใหญ่และปัจจัยลึกลับอื่นๆ นั้นก็เป็นเหมือนกับเรื่องของการบริหารซะมากกว่า

พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าโลกจำนวนมหาศาลและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเปรียบได้กับเขตการปกครองแล้ว โลกสวรรค์ก็คงจะเป็นเมืองหลวงของรัฐที่ปกครองเขตการปกครองเหล่านี้

อิทธิพลของกฎเต๋าสวรรค์ต่อการทำงานของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนั้นเทียบเท่ากับพระราชกฤษฎีกาที่บังคับใช้ในมณฑลต่างๆ

ช่วงของอิทธิพลของกฎเต๋าสวรรค์คือช่วงที่คำสั่งของเมืองหลวงจะสามารถส่งผลกระทบได้

เมื่อผู้สร้างเข้าใจกฎของเต๋าสวรรค์แล้ว มันก็จะเท่ากับว่าพวกเขาได้เข้าใจคำสั่งของรัฐแล้ว และพวกเขาก็จะค่อยๆ ได้รับอำนาจในการดำเนินการตามสิ่งนั้น

สิ่งนี้ยังคงเข้าใจได้ง่ายมาก

คำสั่งนั้นชัดเจนมาก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือมันชัดเจนและเข้าใจง่ายเกินไป

ซุยเฮ็งมองไปที่หมิงเจินและยิ้ม “ ข้าอยากรู้ว่าพลังแบบใดกันที่จะสามารถแบ่งแยกทะเลดาราอันกว้างใหญ่ได้อย่างละเอียดเช่นนี้”

“ พลัง? แบ่ง?" หมิงเจินรู้สึกสับสนและถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ท่านกำลังจะบอกว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงของเทียมอย่างงั้นหรอ?”

“ ก็อาจจะ” ซุยเฮ็งยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม

จริงๆ แล้วเขาก็เดาคล้ายๆ กันในตอนที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการแบ่ง “โลกนับไม่ถ้วนและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว” เป็นครั้งแรก

เขาเชื่อว่ามันอาจมีขุมพลังขนาดใหญ่ที่คอยจัดระเบีบงทั้งจักรวาลอยู่เบื้องหลัง

และตอนนี้ มันก็มี "สวรรค์" เพิ่มเข้ามาอีกลำดับหนึ่ง

บางทีองค์กรขนาดใหญ่นี้อาจจะปกครองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวผ่าน “สวรรค์”

มันคล้ายกับรัฐที่ใช้ในการปกครองมณฑล

เห็นได้ชัดว่ามันช่วยประหยัดเวลาและความพยายามได้มากขึ้น

หมิงเจินไม่เห็นด้วยกับการคาดเดาของซุยเฮ็งเลย เขาคิดกับตัวเองว่า “ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของโลกนับไม่ถ้วนนั้นจะต้องถูกแบ่งโดยคนรุ่นก่อนๆ ในตอนที่พวกเขาสำรวจจักรวาล”

“ ท้ายที่สุดแล้ว มันจะไปมีคนที่สามารถแบ่งลำดับชั้นแบบนั้นได้ยังไง? สวรรค์เป็นต้นกำเนิดของเต๋าอันยิ่งใหญ่ของโลกนับไม่ถ้วนและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันบรรจุความลึกลับขั้นสูงสุดของโลกเซียนเอาไว้และยังเป็นแกนหลักของการฝึกตนของผู้สร้าง”

“ เช่นนั้นแล้วการดำรงอยู่ประเภทใดกันที่จะสามารถแบ่งสรรสถานที่เช่นนี้ได้? มันเป็นไปไม่ได้ที่องค์กรดังกล่าวจะดำรงอยู่ ท่านเซียนผู้สูงส่งคงจะกังวลมากเกินไปแล้ว”

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าจะพูดมันออกมา เขาคงจะดูโอ้อวดมากหากพูดมันออกไป

ซุยเฮ็งมองผ่านความคิดที่แท้จริงของหมิงเจินออกแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

จากคำอธิบายของหมิงเจิน เราก็ได้เห็นความเข้าใจของเขาแล้ว แนวคิดเรื่องสวรรค์นั้นสูงส่งและยิ่งใหญ่ มันหาที่เปรียบไม่ได้และยังถือว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดของการฝึกตน”

จากความรู้ดังกล่าว มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชื่อว่าสวรรค์ได้ถูกแบ่งแยกโดยองกรณ์ขนาดใหญ่อีกที

“ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมือนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว สวรรค์นั้นเป็นโลกแห่งความจริง”

ซุยเฮ็งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลในใจ เขาคิดกับตัวเองว่า “ สวรรค์ที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อกฎของโลกนับไม่ถ้วนและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้ นี่มันพลังอะไรกัน? มันจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ!”

ถ้ามีองค์กรระดับสุดยอดแบบนี้อยู่จริง งั้นมันก็น่ากลัวเกินไป เขาจะต้องรีบไปให้ถึงขั้นสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด

ในตอนนี้ การฝึกตนของเขาก็ได้สำเร็จไป 60% แล้ว

ถัดไป มันก็ยังมีหนังสือของสำนักมรณาเก้าสวรรค์และสำนักปรโลกอันศักดิ์สิทธิ์ที่เขายังไม่ได้อ่าน นอกจากนี้ เขาก็ยังสั่งให้จูคังเซิงไปเอามรดกของตำหนักกาฬโรคมาแล้ว ดังนั้นถ้าเขาอ่านทั้งหมดจบได้ เขาก็จะสามารถไปถึงขั้นสมบูรณ์ได้แน่

นอกจากนี้ นี่ก็ยังเป็นเพียงมรดกของดาวชงหยางเท่านั้น มันยังมีดาวอีกสี่ดวงในอาณาจักรห้าทัศนะ

พวกเขายังสามารถจัดหาหนังสือจำนวนมากให้กับเขาได้

กล่าวโดยสรุป มันก็ไม่น่าจะมีอุปสรรคใดในการฝึกตนของเขา

….

หลังจากที่ฮุ่ยฉีและเป่ยฉิงซูออกมาจากลานบ้านที่ห่างไกแล้วล พวกเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

พวกเขามาถึงจุดที่เสียงระเบิดดังขึ้น

นี่คือความสูง 100,000 ฟุต เดิมที มันก็ควรจะไม่มีอะไรนอกจากเมฆ แต่ตอนนี้ เรือเหาะขนาดใหญ่สามลำก็กำลังแล่นเข้ามาหาพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้น จากร่องรอยที่ปรากฎอยู่บนเรือเหาะ มันก็เป็นไปได้มากว่ามันจะเพิ่งมีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น

การระเบิดครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้น่าจะปะทุขึ้นเมื่อตอนที่เรือเหาะขนาดใหญ่โจมตีกันเอง

ในขณะนี้ การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่สิ้นสุดลง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการมาถึงอย่างกะทันหันของฮุ่ยฉีและเป่ยฉิงซูทั้งสองฝ่ายจึงหยุดโจมตีกันและมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาทั้งสองคนแทน

“ พวกเขาทั้งหมดกำลังบินมาจากทางสำนักมรณาเก้าสวรรค์”

เป่ยฉิงซูขมวดคิ้วและประเมินสถานการณ์ เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “ นี่น่าจะเป็นศิษย์ของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ที่ไล่ตามหัวขโมยมา”

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาก็ได้จัดการเรื่องต่างๆ ในสำนักมรณาเก้าสวรรค์เพื่อความเป็นระเบียบ

และในระหว่างกระบวนการนั้น เขาก็รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสำนักมรณาเก้าสวรรค์ เมื่อเร็วๆ นี้ เซียนอนันต์ทองได้ขโมยเครื่องมือปราชญ์และเรือเหาะขนาดใหญ่ก่อนจะหลบหนีออกไป

จากรูปลักษณ์ของมัน เรือเหาะขนาดใหญ่ที่ถูกปิดล้อมโดยอีกสองลำนั้นก็น่าจะเป็นลำที่ถูกขโมยไป

“ พี่เฉิน ทั้งหมดนี้เป็นทรัพย์ของท่านอาจารย์” เป่ยฉิงซูกระซิบกับฮุ่ยฉีว่า “ ถ้าเราปล่อยให้พวกมันถูกทำลาย นี่ก็จะเป็นการสูญเสียของท่านอาจารย์”

“ ไม่ได้การ งั้นข้าจะไปจับพวกมันเดี๋ยวนี้แหละ” ฮุ่ยฉีพูดอย่างเรียบง่าย จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากจุดนั้นในทันที

“ นี่คือปราชญ์อย่างงั้นหรอ?” เป่ยฉิงซูพึมพำกับตัวเอง “ น่าอิจฉา...”

….

ในเรือเหาะขนาดใหญ่ที่ถูกปิดล้อม

ไป่เฉิงเย่จ้องเขม็งไปที่เรือเหาะขนาดใหญ่อีกสองลำ ในเวลาเดียวกัน เขาก็กุมเสื้อผ้าบริเวณหน้าท้องของเขา ข้างในคือเครื่องมือปราชญ์ของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ ดอกไม้คืนชีพเก้ามรณา!

ในขณะนี้ เขาก็ดูกังวลอย่างมาก ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็นในขณะที่เขาพึมพำ “ ราชาปราชญ์หมิงเจิน ทำไมท่านถึงยังไม่โจมตีอีก? ถ้าท่านยังไม่เคลื่อนไหว ข้าก็จะเสร็จพวกมันแล้วนะ!”

ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโดยสารของเรือเหาะโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ เขาบังเอิญได้ยินคำพูดของไป่เฉิงเย่และหัวเราะออกมาในทันที

“ งั้นข้าจะพาเจ้าไปพบราชาปราชญ์หมิงเจินของเจ้าเอง”