บทที่ 413 : ตายเพราะความหยิ่งผยอง!
พระซวนเป่ยดูไม่ได้กังวลมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อพระซวนเป่ยสังเกตภายในห้องดีๆ เขาก็ตระหนักได้ว่านอกจากจ้าวเทียนอี้แล้ว มันก็ยังมีคนอีกสองคนอยู่ข้างใน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก
เกิดอะไรขึ้น?!
“ อะแฮ่ม!” พระซวนเป่ยไอเบาๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็พนมมือเข้าหากันแล้วพูดว่า “ อมิตาพุทธ พระซวนเป่ยมาที่นี่เพื่อทักทายจ้าวเทียนอี้ สหายของข้า”
“ เงียบแล้วเดินเข้ามาได้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเสแสร้งต่อหน้าท่านประมุขเซียนแล้ว” เสียงของจ้าวเทียนอี้ฟังดูเป็นกันเองมาก
“… ประมุขเซียน?” พระซวนเป่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเข้าใจได้ในที่สุด
หลังจากเดินเข้าไปในห้อง เขาก็มองไปที่ฮุ่ยฉีและซุยเฮ็ง ในท้ายที่สุดเขาก็โค้งคำนับซุยเฮ็งด้วยความเคารพอย่างสูงและกล่าวว่า “ เจ้าอาวาสดินแดนแสงพุทธบริสุทธิ์คารวะท่านประมุขเซียน”
“ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเป็นข้าล่ะ?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ
“ คนที่อยู่ข้างๆ ท่านมีทัศนคติที่ดูเคารพต่อท่าน และจ้าวเทียนอี้ก็ไม่กล้ามองตรงๆ มาที่ท่าน” ซวนเป่ยกล่าวด้วยความเคารพ “ ด้วยเหตุนี้เอง ข้าจึงเชื่อว่าท่านคือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังคำเชิญนั้น”
“ จะพูดแบบนั้นก็ได้” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม
“ ข้าขออนุญาตถามท่านประมุขเซียน เหตุใดท่านจึงเรียกรวมพวกเราทั้งหมดมาในวันนี้” พระซวนเป่ยพูดตรงไปตรงมา เขามักจะเข้าประเด็นและถามอย่างตรงไปตรงมาหากมีข้อสงสัยใดๆ
“ เพื่อให้พวกเจ้าได้มองคนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น” ซุยเฮ็งยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ เจ้าเองก็คงจะพอรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้างถูกไหม?”
“ ท่านหมายถึง…” ดวงตาของพระซวนเป่ยเบิกกว้างเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขามองไปที่จ้าวเทียนอี้ข้างๆ เขาและเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เขาพูดด้วยความตกใจสุดขีด “ ท่านกำลังสืบหาคนทรยศที่แอบสมรู้ร่วมคิดกับโลกภายนอกอยู่อย่างงั้นหรอ!”
เห็นได้ชัดว่าเขามีปฏิสัมพันธ์กับจ้าวเทียนอี้มานานแล้ว และรู้ว่าตำหนักลึกลับ, อารามพุทธและสำนักเซียนหลายแห่งได้เข้าข้างโลกภายนอกแล้ว
“ ถูกต้อง” จ้าวเทียนอี้พยักหน้าและยิ้ม “ ด้วยท่านประมุขเซียนที่อยู่เคียงข้างเรา เจ้าและข้าก็จะสามารถรอดูการแสดงจากด้านข้างได้ พวกเขาจะกระโดดเผยตัวออกมาเองในไม่ช้า”
“ อมิตาพุทธ!” พระซวนเป่ยเบิกตากว้างและโค้งคำนับให้ซุยเฮ็ง เขาแสดงความเคารพนับถือต่อซุยเฮ็งอีกครั้ง “ ขอบพระคุณท่านประมุขเซียนที่ช่วยเหลือดาวไท่หงให้กลับคืนสู่ความสงบสุข”
“ มันก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ” ซุยเฮ็งยิ้ม
“ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ…” พระซวนเป่ยเปิดปากของเขาโดยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
อันที่จริง จากช่วงเวลาที่ดาวไท่หงเริ่มถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อร้อยปีก่อน พวกเขาก็ได้รู้แล้วเกี่ยวกับการมีอยู่ของโลกภายนอก และพวกเขาก็รู้ด้วยว่าบางคนในดาวไท่หงกำลังเข้าข้างโลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้เป็นใครและจะหาพวกเขาได้อย่างไร นั่นก็เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเสมอมา
กระนั้น ตอนนี้ท่านประมุขเซียนก็กล่าวว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ?
“ ครั้งนี้เรารวบรวมกองกำลังทั้งหมดเพราะเราต้องการจะเปิดโปงผู้ทรยศเหล่านี้ต่อหน้าทุกคน” จ้าวเทียนอี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ เราต้องไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้เล่นลิ้นและพลิกโต๊ะ”
“ ข้าเห็นด้วย” พระซวนเป่ยพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ ดังคำกล่าวที่ว่า พึงฆ่าเสือให้ตาย จักไม่มีปัญหาในอนาคต”
“ พวกเขามาถึงกันหมดแล้ว” ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็มองออกไปข้างนอกและยิ้ม “ เราเองก็ควรจะออกไปกันได้แล้ว”
“ รับทราบท่านประมุขเซียน!”
“ รับทราบท่านประมุขเซียน!”
จ้าวเทียนอี้และพระซวนเป่ยกล่าวพร้อมกัน
…
ในขณะนี้ ห้องประชุมของตำหนักสวรรค์ลับแลก็มีชีวิตชีวาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปีที่ผู้นำขุมอำนาจทั้งหมดบนดาวไท่หงมารวมตัวกัน
มันมีเพียงเจ้าตำหนักสวรรค์ลับแลจ้าวเทียนอี้และเจ้าอาวาสดินแดนแสงพุทธบริสุทธิ์ซวนเป่ยเท่านั้นที่ยังมาไม่ถึง
ปราชญ์ของตำหนักสวรรค์ลับแลยืนอยู่ที่มุมห้องอย่างประหม่า พวกเขาไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน
นี่เป็นการรวมตัวครั้งประวัติการณ์!
ตามที่นั่งในห้องประชุม พระซานตง, เยว่ชางไห่และผู้สร้างอีกคนนั่งอยู่ด้านหน้าโดยมีสีหน้าไม่เป็นมิตร
“ จ้าวเทียนอี้คนนี้ช่างหยิ่งผยองซะจริงๆ เขาต้องการให้เรามาประชุม แล้วเขายังมีหน้ามาให้เรารออีก” เยว่ชางไห่พูดและเยาะเย้ยในทันที
“ หรือว่าเขาจะเกิดกลัวอะไรขึ้นมาแล้วในตอนนี้?”
“ อมิตาพุทธ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้น” พระซานตงพนมฝ่ามือเข้าหากัน เขายิ้มและพูดว่า “ ท้ายที่สุดแล้ว ข้าก็ได้ยินมาว่าเขารู้จักกับผู้ฝึกตนระดับสูงบางคน”
ทันทีที่คำเหล่านี้ถูกพูดออกมา มันก็ดึงดูดความสนใจของหลายคนในทันที
กฎอันทรงพลังที่อยู่ในคำเชิญทำให้แม้แต่ผู้สร้างก็ยังตกใจ พวกเขารู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จ้าวเทียนอี้จะสามารถทำได้ มันจะต้องมียอดฝีมืออยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
ผู้ที่ไม่ได้แปรพักตร์ไปอีกด้านหนึ่งและไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ในตำหนักเทวะนภาหลวงต่างก็สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของยอดฝีมือคนนี้เป็นอย่างมาก
“ ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาด้วยเหมือนกัน” เย่โจวกล่าวต่อในเวลาที่เหมาะสม เขายิ้มและพูดว่า “ มีคนบอกว่าผู้ฝึกตนคนนี้เป็นอาจารย์ของหงหวู่ และเขาก็น่าจะเป็นจ้าวสวรรค์”
“ อะไรนะ! จ้าวสวรรค์!”
“ เป็นไปได้ยังไง? อาณาจักรสวรรค์หายไปนานแล้ว และมันก็ไม่มีใครได้รับอำนาจสวรรค์อีกแล้ว แบบนี้แล้วจ้าวสวรรค์คนนี้จะมาจากไหน!”
“ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จ้าวสวรรค์จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่!”
หินก้อนหนึ่งเขย่าคลื่นนับพัน ห้องประชุมเกิดเสียงดังขึ้นในทันที หลายคนไม่เชื่อ แน่นอนว่ามีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ตื่นตระหนก
แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้เข้าข้างโลกภายนอก แต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยกำหนดเป้าหมายไปที่หงหวู่
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อตอนนี้พวกเขาได้ยินว่าอาจารย์ของหงหวู่ได้ปรากฏตัวขึ้นและยังเป็นจ้าวสวรรค์ พวกเขาจึงมีความรู้สึกผสมผสานปนเปและหวาดกลัว
“ ถูกต้อง ข้าเป็นอาจารย์ของเขาจริงๆ”
ในขณะนี้ เสียงของซุยเฮ็งก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก เสียงทำให้ห้องประชุมที่มีเสียงดังเงียบลงในทันที ทุกคนปิดปากและมองไปที่ประตูโดยพร้อมเพรียงกัน
จากนั้นซุยเฮ็งก็เดินออกมาโดยมีฮุ่ยฉีเดินตามมาข้างๆ จากนั้นจ้าวเทียนอี้และพระซวนเป่ยจึงเดินตามหลังเขามา
ทุกคนหันมาเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าจ้าวเทียนอี้และพระซวนเป่ยเองก็กำลังแสดงความเคารพต่อชายคนนี้
เขาเป็นจ้าวสวรรค์จริงๆ หรอ!
มันน่ากลัวและน่าเหลือเชื่อเกินไป!
ในตอนที่ซุยเฮ็งปรากฏตัวขึ้น พระซานตงก็ได้ส่งสัญญาณให้เยว่ชางไห่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มันก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
เขาโบกมือให้อีกฝ่ายเตรียมพร้อม
เริ่มการสังเวย!
“ เขาปรากฎตัวขึ้นแล้ว ใช้โอกาสนี้ทำการสังเวยเลย!”
ดวงตาของพระซานตงสว่างขึ้น เขากัดฟันและคำราม “ เริ่มได้!!”
เสียงคำรามดังขึ้นอย่างกะทันหัน มันทำลายความเงียบงันในห้องโถงประชุม
ทันทีหลังจากนั้น แสงสีแดงเข้มที่หนาแน่นมากสองดวงก็พุ่งออกมาจากตัวพระซานตงและเยว่ชางไห่
ในเวลาเดียวกัน เย่โจวและอีก 15 คนจากสำนักเซียนรวมถึงผู้คนจากอารามพุทธก็ได้ส่องแสงสีแดงออกมา
พรึ่บ!
ทันใดนั้นเอง ความว่างเปล่าโดยรอบก็สั่นสะเทือน มันเปล่งเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว โครงร่างของตำหนักปรากฏขึ้นในอากาศเหนือห้องประชุม ราวกับว่ามันถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดและกำลังจะบดขยี้ลงมา!
“ นี่คืออะไร?!”
“ หยุดนะ พวกเจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ!”
“ ไม่ดีแล้ว ข้าขยับไม่ได้!”
หลายคนอุทานออกมาในทันที
พวกเขาตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เมื่อพบว่า ณ จุดหนึ่ง พวกเขาก็ได้ถูกพันธนาการเอาไว้และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“ สังเวย! นี่คือการสังเวย พวกมันต้องการจะสังเวยพวกเรา!”
ผู้สร้างอีกคนเป็นคนแรกที่ค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขามองไปที่อพระซานตง, เยว่ฉางไห่และคนอื่นๆ ด้วยความตกใจและความโกรธ เขาคำรามขึ้นว่า “ พวกเจ้ากำลังจะทำอะไร!”
อย่างไรก็ตาม พระซานตงและเยว่ชางไห่ก็ไม่ได้สนใจเขาเลย สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ซุยเฮ็งและจ้าวเทียนอี้
“ จ้าวเทียนอี้และอาจารย์ของหงหวู่ พวกเจ้ามันหยิ่งผยองกันเกินไป เพราะงั้นทุกคนในห้องประชุมและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวไท่หงจึงต้องมาเสียชีวิตลงเพราะความเย่อหยิ่งของพวกเจ้า!”
“ ตายซะ!!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved