ตลอดเช้าวันนี้
หลิน ยู ใช้เวลาทั้งหมดของเขาไปกับการทดสอบอุปกรณ์การบินต่างๆ
โชคดีที่มี เหว่ย กัง และลูกน้องของเขาหลายคนอาสามาทดสอบให้กับเขา มันได้ดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วน ทั้งเหล่าพ่อค้าตลอดจนไปถึงผู้ฝึกตนมารับชม
ทุกครั้งที่เขาได้ทดสอบ ก็จะมีผู้คนสงเสียงร้องออกมา
ทำให้อู่เรือเหาะแห่งนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น
และอีกด้านหนึ่ง
ภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับ
เมื่อถึงเที่ยงวัน ที่ด้านนอกของ โรงประมูลชิงฟางเก่อ ก็มีชีวิตชีวาอย่างมาก เหล่าราชันและผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนได้มารวมกันทั่วทุกสารทิศ
เนื่องจากอุปกรณ์ระดับ 10 ที่หายากนี้ จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
ไม่ว่าจะเป็นที่ภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์ หรือแม้แต่ตามสถานที่ต่างๆ
พวกเขานั้นหยุดสิ่งที่ทำลง รีบมารวมตัวกันที่ด้านนอกของ โรงประมูลชิงฟางเก่อ ผู้คนได้มารวมกันตัวอย่างหนาแน่น
"ข้าได้ยินมาว่านอกเหนือจากอุปกรณ์ระดับ 10 ในครั้งนี้หอการค้าชิงฟางเก่อได้ยังนับสมบัติระดับสูงจำนวนมากมาร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วย งานครั้งนี้น่าจะจับตามองจริงๆ"
"ดูนั้น ตรงนั้นชายร่างใหญ่ที่อยู่ระดับ 9 จำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามา"
"อยากที่คิดพวกเขาทั้งหมดมาเพื่ออุปกรณ์ระดับ 10"
"ข้าไม่คิดว่า หอการค้าชิงฟางเก่อ จะหาช่างตีเหล็กระดับ 10 ได้ ข้าเกรงว่า พวกว่านเป่าโหลว คงกังวลไม่น้อยเลยทีเดียว"
"อีกทั้งยังว่ากันว่าอุปกรณ์ระดับ 10 ที่กำลังจะประมูลในครั้งนี้ ของหอการค้าชิงฟางเก่อนั้นถูกสร้างโดยช่างตีเหล็กเผ่าคนแคระ"
"ช่างตีเหล็กเผ่าคนแคระ? มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? คนแคระเหล่านั้นไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอกมาก่อนเลยนะ? แล้วหอการค้าชิงฟางเก่อเชิญพวกเขามาได้ยังไงกัน!?"
เสียงอุทานดังออกมาจากฝูงชนไม่หยุด
มีเสียงดังมากมายที่ด้านนอกของทางโรงมูลฟางชิงเก่อ โชคดีที่มีกองกำลังจากตระกูลหลู คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ ไม่อย่างนี้ที่นี้ต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านหลังโรงประมูล
หลูเจิ้งซิง ที่เป็นผู้รับผิดชอบงานประมูลกับกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับราชันระดับ 10 หลายคนเพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ
"เจิ้งซิง ข้ากับตระกูลของเจ้ารู้สึกกันมากตั้ง 10 กว่าปี เจ้าช่วยแนะนำช่างตีเหล็กคนแคระนั้นให้ข้ารู้จักหน่อยได้หรือไม่"
ชายชราเคราขาวที่นั่งอยู่ข้างๆกล่าวขึ้น
"เหล่า หยู เจ้าพูดอย่างนั้นไม่ได้ ถึงเจ้าจะสนิทสนมกับตระกูล หลู ของพวกเขาก็เถอะ"
ชายวัยกลางที่อยู่ในชุดสีม่วงพูดแทรกขึ้นมา
"อันที่จริง ทุกคนล้วนทราบดีว่าการสร้างอุปกรณ์ระดับ 10 นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก มันต้องใช้เวลาหลายเดือนในแต่ละรอบ ซึ่งจะไม่สำเร็จด้วยซ้ำ มิตรภาพของเจ้ายังไม่พอสำหรับสิ่งนี้"
หญิงชราที่นั่งอยู้เก้าอี้ไม้ตรงกลางเย้ยหยันออกมา เผยให้เห็นฟันที่หายไป 2 3 ซี่
ส่วนที่เหลือเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชราก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เก็บความปรารถณาที่จะทำความรู้จักกับช่างตีเหล็กเผ่าคนแคระไป
ภายในห้องนั่งเล่นนี้เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน หลูเจิ้งซิงที่ยืนอยู่เหงือไหลออกมาไม่หยุด
แน่นอนเขานั้นรู้
ว่าราชันเหล่านี้ ทุกคนต้องการขอให้ช่างตีเหล็กคนแคระช่วยสร้างอุปกรณ์ให้
แต่ปัญหาคือ หลิน ยู ได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า อย่าได้เปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะตัดขาดการติดต่อทั้งหมดกับตระกูลหลู
นี้คือ สิ่งที่ หลูเจิ้งซิง ไม่ต้องการอย่างให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ตระกูลหลูของเขากำลังจะเจริญรุ่งเรือง แล้วเขาจะมอบโอกาสหายากเช่นนี้ให้กับคนอื่นได้อย่างไรกัน
ไม่ว่าจะเป็นที่สาธารณะหรือส่วนตัว เขาก็ไม่คิดที่เปิดเผยข้อมูลของ หลิน ยู แม่แต่น้อย
แต่ถ้าหากเขาปฏิเสธตรงๆ เขาเกรงว่าราชันระดับ 10 เหล่านี้คงเดือดดาลขึ้นมาทันที
สุดท้ายแล้ว เขานั้นเป็นเพียงตัวตนระดับ 8 เขาจะไปต้านทานความโกรธของผู้มีอำนาจเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?
เพียงแค่ลมหายใจที่พวกเขาปล่อยออกมาก็ทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว หลังจากคิดอยู่จะทำอะไรซักหน่อย
หวืดด
ทันใดนั้นก็มีร่างๆหนึ่งแว่บเข้ามา
บรรพชนตระกูลหลูที่มีผมและเคราสีขาวก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหลู่เจิ้งซิง วางมือไว้บนไหล่ของเขา
"เจ้าไปจัดการงานประมูลเถอะ ข้าจะคุยกับพวกเขาเอง"
"ขอรับท่าน บรรพชน"
เมื่อเห็นบรรพชนของเขา หลูเจิ้งซิง ก็โล่งใจ ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หลังจากรีบออกมา เขาก็มายังโถงต้อนรับรีบไปยังสถานที่จัดงานประมูลทันที ทิ้งท่านบรรพชนกับเหล่าราชันระดับ 10 เหล่านั้นเอาไว้
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
งานประมูลภายนอกดำเนินไปอย่างราบรื่นเสียงของผู้คนเหล่าราวกับสายฝน
อย่างไรก็ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกลับ หลิน ยู ในตอนนี้
เพราะเขานั่งอยู่ในดินแดน ขี้เกียจเกินกว่าจะมาเข้าร่วมด้วย
จนกระทั่งเที่ยงครึ่ง ในที่สุดเขาก็เสร็จสิ้นการทดสอบยานพาหนะขนาดเล็กทั้งหมด
ในขั้นต้น เขานั้นต้องการทดสอบยานพาหนะขนาดกลางด้วย
แต่ตอนนี้ เขาไม่มีแกงพลังงานหรือวัสดุที่จะสร้างมัน เขาจึงล้มเลิกมันไปก่อน
สรุปแล้ว มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียระหว่างยานพาหนะขนาดเล็ก
ตัวอย่างเช่น จรวดนั้นเร็วมากแต่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนทิศทางได้มันสามารถใช้ขับเคลื่อนเป็นเส้นตรงเท่านั้น
อีกอย่างหนึ่งคือไม้กวาดเวทย์มนต์ซึ่งสะดวกและคล่องแคล่ว แต่สมดุลของมันนั้นไม่ดีแถมยังบังคับยาก
สิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับการผลิตจำนวนมาก มันมักถูกใช้โดยผู้ที่มีความสามารถแต่งต่างกันออกไป
สำหรับ เจ็ทแพค นั้นค่อนข้างเสถียรและสามารถผลิตเป็นจำนวนมากขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการเดินทางระยะสั้นได้
[ยานพาหนะบินได้ : เจ็ทแพค]
[ประเภท : ขนาดเล็ก]
[ความเร็ว : 30 กม/ชม]
[ค่าใช้จ่าย : พลังเวทย์ 5 แต้ม/ชม]
[หมายเหตุ : ยานพาหนะขนาดเล็กที่ใช้สำหรับเดินทางประจำวัน มันใช้พลังเวทย์เป็นพลังงาน มีความเสถียรมาก สามารถควบคุมทิศทางได้อย่างอิสระบนอากาศ]
ความเร็ว 30 กม/ชม นั้นไม่ได้ดีเท่ากับเรือเหาะเวทย์มนต์
แต่ด้วยบัพจากอู่เรือเหาะทำให้มันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 72 กม/ชม
ซึ่งไม่เลวเลยทีเดียว
มันเพียงพอแล้วสำหรับหนึ่งคน
อย่างไรก็ตาม ยานพาหนะขนาดเล็กนี้เมื่อนำออกไปนอกอาณาเขต
เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะให้ว่าเงินมัดจำเป็นค่าเช่าเอาไว้หรือสิ่งที่มีค่าใกล้เคียงกัน ซึ่งจะให้เช่ากับชาวเมืองหรือผู้ฝึกตนที่ออกไปรับความเสี่ยง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้น มีผู้ฝึกตนจำนวนมากต้องการสัมผัสกับความตื่นเต้นในการบิน
เมื่อเลิกทดสอบแล้ว หลิน ยู หันศรีษะไปมองยัง เหว่ย กัง และคนอื่นที่อยู่นั่งอยู่กับพื้นอย่างเหนื่อยล้า
"วันนี้ลำบากพวกนายแล้วนะ อีกครึ่งวันที่เหลือนี้กลับไปพักผ่อนเถอะ"
"ขอบพระคุณขอรับ นายท่าน"
เหว่ย กัง และคนอื่นๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง หลังจากที่ถูกใช้งานอย่างหนัก ในที่สุดมันก็จบลง
"แต่ เหว่ย กัง เมื่อนายกลับไปแล้ว แจ้งแก่เหล่าเซียว ว่าให้เขาจัดคนมาดูที่แลที่นี้เพิ่มด้วย ในไม่ช้า ที่แห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่ของเมืองหวงซา"
"ขอรับ!"
เหว่ย กัง ตกใจตอบรับเสียงดังทันที
ในขณะเดียวกันก็แอบที่จะตกตะลึงไม่ได้
ที่แห่งนี้
จะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่อย่างนั้นหรอ
เป็นไปได้ไหมว่านายท่านที่จะดำเนินการครั้งใหญ่?
แต่มันสายเกินไปแล้วที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลิน ยู ได้ขี่มังกรราชาปิศาจ บินขึ้นไปในอากาศ รีบกลับไปยังดินแดนแล้ว
จนกระทั่งเขาหายลับไป ในที่สุดเหล่าลูกของเหว่ย กัง ก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้
"ท่านผู้การเหว่ย นายท่านต้องการให้ที่นี้เป็นศูนย์กลางการค้างั้นเหรอ?"
"แต่ที่นี้นั้นรกร้างเป็นอย่างมาก เหตุใดนายท่านถึงได้เลือกสถานที่แบบนี้"
"พวกเจ้าลอง เดาดูซิว่านายท่านคิดอะไรอยู่" เหว่ย กังถอนสายตาแล้วมองมาที่พวกเขา
จากนั้น เขาก็ไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางที่ หลิน ยู จากไปพร้อมกับพูดอย่างเคร่ดขรึม "เห็นแก่ที่พวกเจ้าจงรักภักดีกับนายท่านมานาน ดังนั้นข้าจะสอนอะไรให้ซัก 2 3 อย่าง หลังจากกลับมาคราวนี้ พวกเจ้ารีบไปซื้อที่ดินแถวนี้กับผู้การเซียว ข้ารับประกันได้เลยว่าพวกเขาจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน"
"ผู้การเหว่ย ท่านพูดจริงงั้นเหรอ" ดวงตาของลูกน้องเขาเปล่งประกาย
ผู้ฝึกตนอย่างพวกเขาที่ทำงานให้กับเมืองหวงซา เป็นฝู้ฝึกตนระดับ 6 พวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าของที่ดินเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย
แต่ตอนนี้เมืองหวงซาพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ที่ดินทุกตารางนิ้วนั้นมีค่าอย่างมาก
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อที่ดินแถบชายป่า
มีเพียงคนเก่าแก่อย่าง เหว่ย กัง เท่านั้นที่รับใช้หลิน ยู มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ หรือเป็นคนที่มีส่วมร่วมอย่างมากในเมืองหวงซาเท่านั้นถึงจะสามารถซื่อที่ดินจากส่วนกลางได้
ส่วนคนอื่นนั้นต้องรอคิว
พวกเขาไม่เต็มใจแม้แต่น้อยที่จะเลือกที่ดินที่อยู่ชายขอบนี้
ดังนั้นเมื่อได้ยิน เหว่ยกังพูดเช่นนี้ย่อมทำให้พวกเขาสั่นคลอนและไม่อยากจะเชื่อ
"อะไรกัน? พวกเจ้าไม่เชื่อข้างั้นเหรอ" เหว่ย กัง ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบสายตาแบบนั้น "นายท่านได้บอกแบบนี้เพราะว่าเขาต้องการให้โอกาศพวกเจ้า! หากรอช้าจนแผนของนายท่านเป็นรูปร่างขึ้นมา พวกเจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน"
หลังจากที่ทำงานภายใต้หลิน ยู มานาน เหว่ย กังนั้นรู้นิสัยใจคอของ หลิน ยู เป้นอย่างดี
เขาเป็นคนมอบรางวัลและบทลงโทษให้อย่างชัดเจนฃ
การทำงานหนักของพวกเขาในวันนี้ได้รับการชื่นชมอย่างเห็นได้ชัดจากนายท่าน ดังนั้นเขาจึงเปิดเผยเรื่องสำคัญนี้ให้รู้ก่อนที่จะเดินทางออกไป
หากไม่ใช่เพราะว่าลูกเหล่านี้เป้นคนสนิทของเขา เหว่ย กังจะไม่บอกข้อมูลนี้เด็ดขาด
สำหรับพวกเขาจะเข้าใจมันหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเองแล้ว
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็รีบลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า
"เหล่าเซียว ต้องคิดว่าเขาขโมยไวท์ชั้นดีจากข้าไปได้ 2 3 เหยือกแน่ๆ โชคร้ายจริงๆ"
ท่ามกลางเสียงสาปแช่ง พวกเขาขี่ม้ากลับไปยังเมืองหวงซา
"ท่านแม่ทัพ รอข้าด้วย!"
เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็รีบตอบสนองทันที รีบเดินทาง เหว่ย กัง เข้าไปในป่า
เมื่อเห็นว่า ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว เหล่าชาวเมืองก็ค่อยๆแยกย้ายกลับไป
แต่ยังมีเหล่าพ่อค้าบางคนที่ได้กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา หลังจากที่มองดูอู่เรือเหาะที่อยู่ไกลๆ แล้ว พวกเขาก็รีบไปที่เมืองทันที
.....
เพียงช่วงพริบตาเดียว
ก็มาถึงตอนบ่าย
หลิน ยู ได้มาถึงดินแดน จากนั้นก็เทเลพอร์ต ไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับทุ่งหน้าไปยังหอการค้าชิงฟางเก่อ
และในตอนนั้นเอง
การประมูลที่ โรงประมูลชิงฟางเก่อ ก็ได้สิ้นสุดลง
ฝูงชนจำนวนมากได้หลั่งไหลออกมาจากที่นั้น ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวโอกาศครั้งยิ่งใหญ่ของการประมูลในตอนนี้
หลูเจิ้งซิง ผู้รับผิดชอบงานประมูลถูกรายล้อมจากตัวแทนจากกองกำลังต่างๆ พวกเขาต่างแสดงความยินดีด้วย
ในเวลานี้ แทบจะกล่าวได้ว่า หลูเจิ้งซิง นั้นได้ก้าวกระโดดมาเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลของเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับแห่งนี้แล้ว เขาต่างถูกกองกำลังจำนวนนับไม่ถ้วนยกยอ
สถานะของเขานั้นมั่นคงซะยิ่งกว่าผู้มีอำนาจจากหอการค้า ว่านเป่าโหล ซะอีก
ไม่มีใครที่จะกล้าล่วงเกินเข้าอีก
เพราะพวกเขาทุกคนต่างรู้ว่าหลังจากการประมูลนี้จบลง จะต้องมีมหาอำนาจระดับ 10 จำนวนมากคอยจับตามองตระกูลหลู โดยต้องการให้เขาสร้างอุปกรณ์ระดับ 10
สิ่งนี้ยังยกระดับของสถานะของตระกูลหลูอีกด้วย
ทำให้พวกเขาเหนือกว่ากองกำลังที่หนุนหลัง หอการค่าว่านเป่าโหลว
หากไม่ติดสนิทตอนนี้แล้วจะรอจนถึงเมื่อไร
"คุณชายสาม มีเด็กหนุ่มคนนี้อ้างว่าเป็นนายน้อยหลิน มาขอเข้าพบท่านคะ"
ทันใดนั้นเองมีเสียงเรียกเขาดังมากจากด้านนอก ขัดจังหวะทุกคนเอาไว้
"นายน้อยหลิน ?"
สีหน้าของ หลูเจิ้งซิง เปลี่ยนไปทันที คนนี้มาหาเขาในเวลานี้นั้น นอกจากนายน้อยสกุลหลิน คนนี้แล้วจะยังมีใครอีก?
เขาไม่แม้แต่จะคิดรีบบอกลาคนที่อยู่รอบข้างทันที
"ทุกคน ข้าต้องขอโทษจริงๆ ข้ามีเรื่องที่ต้องไปจัดการก่อน ดังนั้นข้าคงต้องขอตัว"
หลังจากที่พูดจบแล้ว เขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว ออกไปด้านนอกไม่เปิดโอกาศให้ตัวแทนเหล่านั้นแม้แต่น้อย
ตัวแทนของกองกำลังหลักเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ใครกันที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดทำให้หลูเจิ้งซิงผู้มีชื่อเสียง ได้ยินชื่อถึงกับหน้าเปลี่ยนสี อีกทั้งยังกระวนวายขนาดนั้น
โดยทันใดนั้น
บางคนถึงกับรีบออกไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นพยายามค้นหาตัวตนของอีกฝ่าย
แต่น่าเสียดาย
เมื่อพวกเขาออกมาด้านนอก พวกเขาก็พบว่า หลูเจิ้งซิง นั้นได้จากไปแล้ว
ราชันกลายพันธุ์ตอนที่ 260
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved