ตอนที่ 244 ปิศาจที่แข็งแกร่งทั้ง 72

หลิน ยู นั้นไม่ได้รับรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับบ้าง

เพราะในเวลานี้เขาได้รีบมุ่งหน้ากลับไปยังดินแดนด้วยพลังเวทย์จำนวนมหาศาลถึง 50 ล้านแต้ม

เมื่อเขารวย เขาก็หยิ่งยโสเป็นธรรมดา

ทันทีที่เขากลับมาถึงดินแดน เขาก็ตรงไปยังต้นไม้โลกแทนที่กองกำลังที่ไม่ต้องการด้วยวิลโลว์ลวงตาทันที

"หากดูจากปริมาณของพวกมัน...เขาอาจจะแบ่งมันเป็น 130 ต่อ 130"

หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง หลิน ยู ก็ได้เหลือทหารพืชที่มีสกิลขยายพันธุ์ที่ค่าประสบการณ์มาถึงจุดสูงสุดแล้วไว้เป็นกองกำลังหลัก

และสร้างมอสชีวภาพขึ้นมา 130 ตัวเพื่อจับคู่กับพวกมัน

สำหรับมอสทั้ง 15 ตัวที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ พวกมันถูกสร้างขึ้นมาให้รวมตัวเขากลับเหล่าทหารพืชราชวงศ์และพวกมังกรราชาปิศาจที่ไม่มีความสามารถในการเพิ่มจำนวน

และนี้คือทหารพืชทั้งหมด 275 ตัวของเขา

ส่วนที่เหลืออีก 25 ตัวนั้นเป็นทหารที่สำหรับเพราะปลูก อีกทั้งยังมีโคลเวอร์สี่แฉกและทหารพืชอีก 2 3 ตัวเหลือไว้ จำนวนเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้น

หลังจากที่การแยกตัวออกมาแล้ว จำนวนของพวกมันก็ยังมากกว่า 500 ตัวอยู่ดี อีกทั้งยังมีมอสชีวภาพรวมร่างเขากลับพวกมันอีกด้วย ทำให้ความแข็งแกร่งไม่ลดลงแม้แต่น้อย

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลิน ยู ที่นั่งอยู่บนพื้นก็เริ่มกลายพันธุ์ต้นวิลโลว์ลวงตาตรงหน้าเขา

[การกลายพันธุ์ทหารระดับ 7 จำเป็นต้องใช้พลังเวทย์ 2500 แต้ม ท่านต้องการดำเนินการต่อหรือไม่?]

"ใช่!"

[โปรดเลือกสกิลและคุณสมบัติ]

"เอาเป็นสกิลแปลงกายและค่าสถานะเอาเป็นแบบสู่ม"

หวืดด!

แสงสว่างวาบขึ้น

เถาวัลย์ที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อยๆเปลี่ยนไป กลายเป็นภูติไม้โบราณ

"กลายพันธุ์ต่อไป"

นี้คือเรื่องราวทั้งหมด

เสียงของเขาดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเหล่า ทหารพืชตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

บางครั้งกลายเป็นต้นไม้สูงใหญ๋ บางครั้งกลายเป็นเถาวัลย์ที่ดุร้าย

จนกระทั่งเขากลายพันธุ์ได้มอสชีวภาพสำเร็จ เขาถึงจะกลายพันธุ์ต้นวิลโลว์ตัวต่อไป

.....

[ขอแสดงความยินดีด้วย สกิล "แปลงกาย" ได้กลายพันธุ์เป็นสกิล "บิดเบือน"]

ในที่สุด เมื่อ หลิน ยู สร้างมอสชีวภาพตัวที่ 50 ขึ้นมา จู่ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น

เขาหยุดการเคลื่อนไหวทันทีเปิดดูของข้อมูลของทหารพืชที่อยู่ตรงหน้าเพื่อตรวจสอบ

[บิดเบือน : สามารถคักลอกค่าสถานะของกองกำลังหรือมอนสเตอร์ตัวใดก็ได้แต่ระดับต้องไม่เกินตัวมันเอง เมื่อถูกโจมตีโดยเป้าหมายที่คักลอก ความเสียหายทั้งหมดจะถูกสะท้อนกลับไป]

นี้มัน!!

มีความสามารถสะท้อนกลับด้วยงั้นเหรอ?

นี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว บางครั้งเขาอาจใช้มันในการโต้กลับราชันคนอื่นๆ

หลิน ยู ปล่อยสกิลนี้ไปก่อนเลือกที่จะกลายพันธุ์ต่อไปจนกระทั่งมันกลายเป็นมอสชีวภาพ

มอสชีวภาพทั้ง 130 ตัวนี้ เขาใช้เวลากลายพันธุ์ถึงครึ่งวันก็เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด

จากนั้น ภายใต้คำสั่งของ หลิน ยู พวกมันทั้งหมดก็หลอมรวมเข้ากับทหารพืชตัวอื่นๆ ทำให้ค่าสถานะของทหารพืชเหล่านั้นพุ่งทะยานสูงเกือบจะถึงระดับ 8 ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าพวกมันแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดด

ด้วยสิ่งนี้ ทำให้รับประกันได้ความทหารพืชเหล่านี้จะรอดชีวิตไปได้ในที่สุด

เมื่อมองไปที่พลังเวทย์ของเขานั้น มันเหลือเพียงแค่สามล้านกว่าเท่านั้น

"ฉันกลายเป็นขอทานผู้น่าสงสารอีกแล้วว..."

หลิน ยู ยิ้มอย่างขมขื่น

เขาคิดว่าพลังเวทย์ 50 ล้านแต้มนั้นเยอะมากแล้ว แต่เขาก็กลับใช้มันจนแทบจะหมด

แต่ตัวเขารู้สึกมีความสุขมาก

ด้วยพลังเวทย์ที่มากมายขนาดนี้ หากเขาอาศัยเพียงการล่ามอนสเตอร์ภายในอาณาจักร ไม่รู้ว่าเขาต้องล่าพวกมันไปอีกกี่ชาติกว่าจะสร้างกองทัพมอสชีวภาพนี้ได้

สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่การสูญเสียที่สูญเปล่าแม้แต่น้อย

เขานำคริสตัลพลังเวทย์จำนวน 2 ล้านใส่ไว้ในคลังเมืองหวงซาเพื่อเป็นกองทุน ส่วนที่เหลืออีก 1 ล้านเก็บไว้เพื่อนเป็นค่าเข้าอาณาจักรลับ

"เอาละ ได้เวลาไปดูที่ภายในภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์แล้ว"

หลิน ยู ลึกขึ้นอย่างช้าๆ

อย่างไรก็ตาม เขานั้นไม่ได้ไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับทันที แต่รีบไปยังเผ่าคนแคระเพื่อมอบวัตถุดิบระดับ 10 ที่เขาเพิ่งได้รับมาให้กับ มากอร์น และขอให้เขาช่วยสร้างอุปกรณ์

"มันต้องใช้เวลาอีกซักพัก กว่าจะสร้างมันขึ้นมาได้อีกชิ้น"

มากอร์นพูดขณะรับวัตถุดิบมา

"รอก่อนงั้นเหรอ? ทำไมกัน"

หลิน ยู มึนงง

มากอร์นกรอกตาใส่เขาทันที "เจ้าคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยงั้นเหรอที่จะสร้างอุปกรณ์ระดับ 10 ขึ้นมา"

"การสร้างอุปกรณ์ระดับ 10 มันต้องพลังจำนวนมหาศาล มันไม่เลวเลยหากสร้างมันได้ภายใน 1 เดือน แต่นี้เป็นเพราะข้าได้รับพรจากค้อนเทพสงคราม หากเจ้าเปลี่ยนเป็นช่างตีเหล็กคนอื่นจากเผ่ามนุษย์ พวกเจ้าอาจไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ในอีก 2 เดือนด้วยซ้ำ!"

"ใช่พลังเยอะขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ"

หลิน ยู ตกตะลึงนี้เป้นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้เรื่องนี้

แต่ในวินาทีที่คิดว่าเป็นแบบนั้น

หากสร้างอุปกรณ์ระดับ 10 โดยไม่ตั้งใจ มันอาจจะไม่ใช่อุปกรณ์ระดับ 10

เมื่อคิดแบบนั้น เขาก็พูดว่า "อืม ฉันก็ไม่ได้รีบร้อนอยู่แล้ว ฉันจะเอาวัตถุดิบไว้ให้นายที่นี้ นายจะได้ช่วยสร้างให้ฉันได้เมื่อมีเวลา บอกฉันมาได้เลยว่านายต้องการอะไร"

"เจ้าแน่ใจนะ?" มากอร์นเลิกขมวดคิ้ว ประกายในดวงตาของเขาสว่างขึ้น "ถ้าอย่างนั้น ข้าอยากได้เหล้าโซจูที่อยู่ในเมืองของเจ้า ที่ตัวมีไฟลุกขึ้นมาข้าว่ามันต้องไม่เลวแน่นอน"

"ฮ่าๆ มันก็แค่โซจู เดี๋ยวจะให้คนเอามาให้นายทีหลัง"

หลิน ยู อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นราชันเผ่าคนแคระ หากคนอื่นได้ยินว่าเขาสนใจเหล่าโซจูนี้มันคงได้กลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน

ใช่แล้ว

เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับ

หลังจากที่ได้อยู่กับมากอร์นมานาน เขาก็เริ่มคุ้นเคยกับนิสัยของคนแคระผู้นี้ ทำให้เขาขี้เกียจเกินกว่าจะพูดต่อไป

เพราะเขาต้องพึ่งพาคนแคระเหล่านี้เพื่อหาเงิน

"ถึงอย่างไรก็เถอะ อุปกรณ์ระดับ 10 ยังไม่สามารถสร้างได้ แต่ข้ามีสมาชิกในเผ่าที่สามารถช่วยสร้างอุปกรณ์ที่ต่ำกว่าระดับ 10 ได้ เจ้าสามารถหาวัตถุดิบระดับ 8 และระดับ 9 มาให้พวกเขาช่วยสร้างได้"

มากอร์นพูดเสริม

"ถ้างั้นเดี๋ยววันนี้ฉันจะออกไปล่ามอนสเตอร์ก่อน ไว้ฉันจะกลับมาหานายอีกครั้ง"

"ได้"

"งั้นฉันไปก่อนนะ"

หลังจากนั้น หลิน ยู ออกจากเผ่าคนแคระกลับไปยังดินแดน

เพื่อเตรียมตัวที่เดินตรงเข้าไปยังประตูมิติแห่งอาณาจักรลับ

แสงสว่างวาบขึ้นเขามาปรากฏตัวบนลานเทเลพอร์ตแห่งอาณาจักรลับอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน

ในตอนนี้ หมู่เกาะลอยฟ้าได้กลับคือสภาพเดิมและกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

แม้แต่ประตู มิติขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงเกาะกลางก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ปิดผนึกรอยแยกที่นำไปสู่ภูมิภาคหลักของเหล่ามอนสเตอร์

รอบๆ ประตูมิติ มีราชันและผู้ฝึกตนจำนวนมากเดินเข้าออกตลอดเวลา

หลิน ยู ได้มายังเกาะกลาง

เขาเรียก หลิง ซี ออกมาอยู่ข้างๆ เดินเข้าไปในประตูมิติพร้อมกับราชันเหล่านั้น

"ข้าได้ยินมาว่ามีราชันโลกหยวนซา และ ราชันจากโลกจิตวิญญาณแท้จริงดักรออยู่ที่หน้ารอยแยก พวกเราต้องระวังตัวให้มากในอนาคต"

"จริงๆ แล้วในครั้งนี้พวกเราตั้งใจที่เข้ามาล่าบอสมอนสเตอร์เป็นหลัก จะดีที่สุดหากไม่ไปเจอกับพวกมันเข้า"

"หึ ถึงเจอข้าก็ไม่กลัวหรอก"

"แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน"

เสียงของราชันหลายคนดังขึ้นที่ข้างหูของ หลิน ยู

เขาแอบฟังอย่างเงียบๆ ประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน

แน่นอนว่าเรื่องที่คนเหล่านั้นพูดก็อาจเป็นไปได้ ที่จะพบกับผู้คนจากโลกอื่นที่ภูมิภาคหลักของเหล่ามอนสเตอร์

เนื่องจากโลกของพวกเขาก็เชื่อมต่อกับภูมิภาคหลักผ่านประตูมิติเหมือนกัน จึงมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะพบกับศัตรูของทวีปดึกดำบรรพ์อย่างโลกหยวนซา กับโลกจิตวิญญาณแท้จริง

อันตรายที่รออยู่ด้านในนั้นสูงกว่าอาณาจักรลับหลายเท่า

แต่มันไม่มีทางเลือก หากเขาต้องการรวบรวมพลังต้นกำเนิดให้ครบ เขาต้องออกล่าบอสมอนสเตอร์ภายในภูมิภาคหลัก

ไม่อย่างนั้นหากต้องให้เขาสังหารบอสมอนสเตอร์ทีละตัวภายในอาณาจักรลับไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกว่าจะเลื่อนระดับ

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลิน ยู เดินตามราชันเหล่านั้นผ่านประตูมิติที่อยู่ด้านหน้าของรอยแยกขนาดใหญ่ที่อยู่บนเกาะกลาง

ทันใดนั้น

ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกราวกับว่าไม่มีน้ำหนักเหมือนกับกับร่างกายของเขาล่องลอยอยู่ในอวกาศ

เขาไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าไร

เมื่อ หลิน ยู กลับมาหยุดนิ่งอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ภายในม่านแสงครึ่งวงกลมที่ทำจากพลังเวทย์

เขาจะเห็นว่าภายในม่านแสงนั้น ต้นไม้โบราณขนาดใหญ่นั้นมันสูงขึ้นไปจะทะลุเมฆ ตัวมันเชื่อมต่อระหว่างพื้นดินกับยอดของม่านแสง

กิ่งก้านและใบไม้ที่เขียวขจีของมันแผ่กว้างออกไปปกคลุมเต็มท้องฟ้า ใหญ่กว่าต้นไม้โลกของเขาไม่รู้กี่ร้อยเท่า

ใต้ต้นไม้มีรากเก่าแก่เลื้อยแทรกไปในพื้นดิน

ราชันและผู้ฝึกตนที่เดินไปมาต่างพูดคุยกัน มันดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก

บนลานโล่งที่ไกลออกไป มีกองกำลังหลายกลุ่มมารวมตัวกัน เสียงตะโกนดังขึ้นตลอดเวลา ดูพวกเขาว่าพวกเขาต้องการรับเพื่อนรวมกลุ่ม

ที่ข้างใต้ต้นไม้โบราณนั้น ดูเหมือนจะเป็นฐานขนาดใหญ่

เมื่อมองออกไปด้านนอกม่านแสง

สิ่งที่เห็นคือท้องฟ้าที่โกลาหลวุ่นวาย

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏขึ้นพร้อมกับเปล่งแสงสีแดงออกมา

ในบางครั้ง มอนสเตอร์ขนาดใหญ่สองสามตัวก็บินผ่านบนท้องฟ้าจากระยะไกลราวกับพวกมันหาที่นี้ไม่พบ

หลิน ยู ที่ตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ค่อยๆเดินไปยังใต้ต้นไม้โบราณ

ในบางครั้ง เขาก็สามารถมองเห็นร่างที่โชกไปด้วยเลือดเดินผ่านม่านแสงเข้ามาจากด้านนอก

ในตอนนั้นเอง กลุ่มผู้ฝึกตนจากอาณาจักรลับก็เดินเข้ามา

โดยมีชายชราเป็นผู้นำอธิบายด้วยเสียงอันดังกับเหล่าสาวกที่อยู่ด้านหลังของเขา

"เจ้าต้องจำเอาไว้ภายในภูมิภาคหลัก เหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ที่นี้ต่างมีขนาดใหญ่กว่าที่ทวีปดึกดำบรรพ์ของเราอยู่นับไม่ถ้วน ยิ่งเข้าไปลึกมาเท่าไร ความแข็งของมอนสเตอร์เหล่านั้นก็ยิ่งมากขึ้น ดังนั้นอย่างเข้าไปลึกจนเกินไป ฝึกฝนอยู่แต่เพียงขอบนอกเท่านั้น พวกเจ้าเข้าใจไหม?"

"เข้าใจขอรับ!!"

เหล่าสาวกตอบรับอย่างเสียงแข็งขัน พวกเขาเป็นนิกายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของแผ่นดินใหญ่

แม้แต่เหล่าสาวกที่อ่อนแอที่สุดยังมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 7

บางคนเป็นถึงระดับ 8 ดังนั้นทำจึงทำให้ หลิน ยู อดที่จะเหลือบไปมองไม่ได้

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินสาวกคนหนึ่งถาม "ผู้อาวุโส ข้าได้ยินผู้คนพูดกันว่าภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์แห่งนี้เป็นสถานที่ๆปิศาจได้ตกลงมา เป็นเรื่องจริงหรือไม่"

ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นออกไป ดวงตาของเหล่าสาวกก็เปล่งประกายออกมา พวกเขาทั้งหมดต่างอยากรู้อยากเห็น

แม้แต่หลิน ยู ที่แอบฟังอยู่อีกด้านก็ไม่มีข้อยกเว้น

ผู้อาวุโสท่านนั้นกระแอม ออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดว่า "มันเป็นข่าวลือ ที่ยังยืนยันไม่ได้ เพราะเหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ใจกลางของภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์นั้นทรงพลังเกินไป แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปยังส่วนนั้นได้ ดังนั้นนี้จึงเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น"

"แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้อย่างงั้นเหรอ"

ทุกคนรวมทั้งหลิน ยู ต่างตกตะลึงหัวใจของพวกเขาจะหวาดกลัว

แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้คิดอะไร เสียงของผู้อาวุโสก็ดังขึ้นอีกครั้ง "ใช่แล้ว ว่ากันว่าที่ส่วนลึกนั้น มีปิศาจที่ทรงพลังอย่างยิ่งอยู่ 72 ตัวคอยคุ้มกันที่นั้นอยู่ พวกมันเป็นปิศาจที่มีความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งระดับของพวกมันสูงมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งแข็งแกร่ง"

"มีบางคนบอกว่าพวกมันนั้นเป็นสาวกของ เทพปิศาจ พวกมันปรากฏตัวขึ้นเพื่อปกป้องสถานที่ๆเทพปิศาจดับสูญลง ตราบใดที่มีใครเข้าใกล้จุดศูนย์กลาง พวกมันก็จะเข้ามาโจมตีอย่างบ้าคลั่ง"

เสียงของผู้อาวุโสดังก้องอยู่ในหูของเหล่าสาวก

หลิน ยู รับฟังโดยที่ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว

มันทำให้เขาตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

เขาไม่คิดว่าที่ส่วนลึกของภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์ จะมีปิศาจที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่ก็ได้แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคหลักนี้น่ากลัวขนาดไหน

ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีข่าวลือนี้ออกมา

ราชันกลายพันธุ์ตอนที่ 248