"อึก"
เหล่าราชันอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย และหยุดการต่อสู้ลง
ชื่อเสียงด้านความแข็งแกร่งของ หวู่ หยง โด่งดังอย่างในโลกภายนอก มีหลายคนที่เคยได้ยินชื่อเสียงนี้
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนั้นแต่ก็ไม่สามารถมุ่งหน้าไปยังแท่นดาบสูงสุดได้ ดังนั้นไม่ว่าใครๆก็คงจินตนาการได้ว่าซากปรักหักพังนี้ยากแค่ไหน
มีหลายคนเริ่มสังเกตเห็น
หวู่ หยงไม่ได้พ่ายแพ้เพราะเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะจิตวิญญาณนักรบที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ยิ่งระดับของจิตวิญญาณนักรบสูงเท่าไร จิตวิญญาณนักรบก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เทียบได้ขุนศึกที่ผ่านการต่อสู้ในสนามรบมาอย่างโชกโชนหลายทศวรรษ
ราชันเหล่านี้ซึ่งล้วนต่อสู้โดยใช้แต่ทหารทั้งสิ้นพวกเขาแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย แล้วพวกเขาจะชนะการต่อสู้นี้ได้อย่างไร?
ใช่แล้ว
มันยังได้มีราชันบางคนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง พวกเขาใช้โอกาศนี้มุ่งหน้าไปยังแท่นดาบที่ไม่มีใครอยู่ และเริ่มการทดสอบ
แต่น่าแปลก
ทิศทางแท่นดาบที่ หวู่ หยง ท้าทายในตอนนั้น ไม่มีกล้าที่จะขึ้นมันว่างลงในทันที
หลิน ยู ซึ่งอยุ๋ด้านล่างเฝ้ามองยังระมัดระวังพบว่าแม้ว่าซากปรักหักพังแห่งนี้จะถูกเรียกว่าสุสานดาบ แต่อาวุธด้านบนนั้นมีมากมายนัก
มันมีทั้ง มีด ดาบ หอก ง้าว ค้อน ธนู และแส้
หวู่ หยง ที่เข้าท้าทายชั้นรองสุดท้ายของทิศทางนั้นมันเป็นดาบ
จริงๆแล้ว
เหตุผลที่พวกเขาไม่กล้าก้าวขึ้นมาเป้นเพราะอาวุธที่อยู่ชั้นสุดท้ายคือดาบเล่มใหญ่ที่เปล่งลำแสงสีโลหิตออกมาอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าอาวุธนี้ได้ดื่มเลือดมานับไม่ถ้วน
เขาสามารถรับรู้ได้เลยว่าจิตวิญญาณนักรบผู้เป็นนายของมันจะทรงพลังมากเพียงใด อย่างน้อยตัวมันก็ดูน่าหวาดกลัวกว่าอาวุธที่อยู่ในทิศทางอื่นๆ ไม่มีกล้าที่จะไปท้าทายมัน
สิ่งนี้ทำให้ หลิน ยู ถูกใจ
เมื่อเห็นว่าเหล่าราชันส่วนมากไปยังทิศทางอื่น เขาก็ไม่คิดมากนัก มุ่งหน้าไปยังแท่นดาบที่ว่างเปล่า
การเคลื่อนไหวนี้ได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าราชันจำนวนมากทันที ด้วยความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา
"มีคนกล้าขึ้นไปท้าทายจริงๆ เหรอ?"
"เมื่อกี้เขาไม่เห็นเหรอ แม้แต่ หวู่ หยง ก็ยังล้มเหลวในการท้าทายแท่นดาบทิศทางนั้น"
"ข้าเดามันเจ้านั้นมันก็แค่คนที่หยิ่งยโสคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง"
"ข้าได้พนันเลยว่าเขาจะไปพ่ายแพ้ที่ชั้น 9"
"ชั้น 9? เจ้านั้นน่ะนะ ถ้าเจ้านั้นขึ้นไปถึงชั้น 8 ก็บุญโขแล้ว"
"เลิกพูดถึงเจ้านั้นกันเถอะ ดูตรงนั้น! เขาคือ ชิงเฟิง จากโลกเทพอสูรใช่ไหม?"
"ให้ตายซิ! เป็นเขาจริงๆงั้นเหรอ ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี้กัน"
ทันใดนั้น
ก็ได้เสียงร้องออกมาฝูงชน
หลิน ยู ที่เพิ่งขึ้นไปบนแท่นดาบ ถูกดึงดูดโดยสายตาของเหล่าราชันทันที มองไปยังแท่นดาบที่ถูกท้าทายอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมีชายผมแดงที่ยืนอยู๋ท่ามกลางเปลวเพลิง
เมื่อมองดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเขาเป็นราชันจากเผ่านกอมตะ ซึ่งถือกำเนิดมาพร้อมกับความสามารถในการควบคุมเปลวเพลิง
หลิน ยู เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องสายเลือดมาก่อนหน้านี้
มันค่อนข้างคล้ายกับมนุษย์ครึ่งมังกรที่มีสายเลือดมังกร จัดอยู่ประเภทกับครึ่งมนุษย์และออร์ค
ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่เผ่าพันธุ์ที่มีความได้เปรียบในตอนแรกเริ่ม
แต่ข้อเสียคือจำนวนจากราชันจากเผ่าพันธุ์นี้น้อยอย่างมาก ความสามารถในการสืบพันธุ์ของพวกเขาอยู่ในระดับ ปานกลาง
ในประเด็นนี้
เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังห่างไกลนัก
หลิน ยู ไม่คิดว่าจะพบกับเผ่าพันธุ์ที่หายากเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไป 2 3 ครั้ง
ความแข็งแกร่งของ ชิงเฟิง ไม่ได้อ่อนแอเลย
เขาอยู่ในอันดับสามของรายการจัดอันดับพลังเวทย์ ซึ่งสูงกว่าเขาไปเพียงไม่กี่อันดับ
ในช่วงเวลาที่มองไปนั้นเขาก็ได้สังหารจิตวิญญาณนักรบที่อยู่บนชั้นแรกในชั่วพริบตาและก้าวขึ้นสู่ชั้นสอง
แม้แต่จิตวิญญาณที่อยู่บนชั้นสองก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เขาใช้เปลวเพลิงในการโจมตีสังหารจิตวิญญาณนักรบไปเพียงไม่กี่วินาที และก้าวขึ้นไปบนชั้นสาม
ความเร็วของมันนั้นรวดเร็วอย่างมาก
สร้างความตื่นเต้นให้กับ หลิน ยู อย่างมาก เขาไม่ได้เฝ้ามองคนอื่นอีกต่อไป
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของการต่อสู้ดังเข้ามาหูของเขา เขาก็หายใจเข้าลึกๆ ทันที เดินช้าๆ ไปยังดาบสองมือและดึงมันออกมา
หวืดด
เกิดเป็นแสงสว่างวาบ
เช่นเดียวกับที่ต่อสู้กับ หวู่ หยง ก่อนหน้านี้ สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาคือจิตวิญญาณนักรบผู้มาพร้อมกับดาบสองมือ
หลิน ยู ได้จำวิธีการต่อสู้ของจิตวิญญาณนักรบตนนี้มาแล้วก่อนหน้านี้
โดยไม่เสียเวลา เขาชัก ดาบทมิฬจิตวิญญาณเหมันต์ ออกมาทันทีและพุ่งเข้าใส่
ในเวลานั้น ด้วยบัพจากดินแดนทำให้ค่าสถานะทั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้นถึง 60%
เมื่อรวมกับพรสวรรค์แห่งเผ่าพันธุ์ที่เพิ่มขึ้น การจัดการกับมอนสเตอร์บอสระดับ F ไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อย
ทันทีที่เขาก้าวไปข้างหน้า ดาบทมิฬในมือเขาก็แทงไปยังหน้าอกของจิตวิญญาณนักรบ ทำให้เกิดความเย็นในอากาศ
"แก๊ก!"
ดาบของวิญญาณนักรบฟาดผ่านหน้าอกของเขาไป ปัดการโจมตีของเขา
แรงกระแทกอันมหาศาลทำให้เขากระเด็นออกไป
สกิลน้ำแข็งลดความเร็วของจี้งาช้างเยือกแข็งและดาบทมิฬถูกกระตุ้นในเวลาเดียวกัน กระจายไปยังแขนของจิตวิญญาณนักรบอย่างรวดเร็วไปยังทุกส่วนของร่างกาย ทำให้ความเร็วของมันลดลงอย่างกระทันหัน
เมื่อมันเตรียมตัวยกดาบสองมือขึ้นเตรียมที่จะโต้กลับ หลิน ยู
ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า เขาฟันไปอย่างรุนแรงผ่าครึ่งจิตวิญญาณนักรบทันที
"ฟู่"
จิตวิญญาณนักรบถูกสับออกเป็นสองส่วนด้วยดาบทมิฬสลายไปในอากาศ
[ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านผ่านการทดสอบชั้นที่ 1 สำเร็จ]
[ตอนนี้ท่านมีเวลาเตรียมตัว 10 นาที ท่านสามารถเลือกที่จะท้าทายต่อไปหรือเลือกที่จะยอมแพ้ได้]
"ต้องไปต่ออยู่แล้ว"
หลิน ยู ตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ในชั้นแรงเขาใช้เวลาไปเพียง 5 วินาทีเท่านั้น ไม่ได้ใช้พลังงานมากมายนัก เขาจึงไม่ต้องการเสียเวลากับมัน
"ดูนั้น! ชิงเฟิงขึ้นไปถึงชั้น 5 แล้ว"
ในตอนนั้น ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากเหล่าราชันที่เฝ้ามองอยู่ด้านนอก
หลิน ยู มองจากระยะไกล ชิงเฟิงจากเผ่านกอมตะ ได้ตัดหัวของจิตวิญญาณนักรบที่อยู่บนชั้น 4 และขึ้นไปยังชั้น 5 ได้สำเร็จ
นั้นหมายความว่าจิตวิญญาณนักรบตนนั้นเป้นถึงระดับ C
"ทำไมเร็วนัก?"
หลิน ยู หนี่ตาลงเล็กน้อย ไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขามุ่งหน้าไปยังแท่นที่สองอย่างรวดเร็ว และท้าทายจิตวิญญาณนักรบตนต่อไป
ในเวลานี้
แท่นดาบทุกทิศทางเต็มไปด้วยเสียงการต่อสู้ที่ดุเดือด
เหล่าราชันที่ขึ้นไปบนแท่นได้เข้าปะทะกับจิตวิญญาณนักรบในแต่ละระดับอย่างดุเดือด
เกือบทั้งหมดอยู่เหนือชั้น 5
แน่นอนว่าพวกเขาคู่ควรแล้วกับการเป็นราชันที่สามารถเข้าสู่สนามรบอันดับ 1 ได้ แต่ละคนแข็งแกร่งอย่างมาก
ตรงกันข้าม
ความก้าวหน้าของ หลิน ยู นั้นเชื่องช้าเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดเสียงโห่จากเหล่าราชันที่เฝ้ามอง
"ไอ้หนู เจ้าไหวไหม"
"ถ้าไม่ไหว ก็ลงมาซะ เจ้าอย่าได้เสียเวลากับมันเลย"
"ใช่แล้ว อย่ามั่วแต่ครองแท่น ลงมาได้แล้วว"
"ยังมีคนรออยู่ด้านล่างอีกมากนัก"
"ลงมาเร็วเข้า เจ้าไก่อ่อน ถึงจะขึ้นไปชั้นบนเจ้าก็สู้ไม่ได้หรอก!"
เดิมทีมีคนไม่มากนักที่มายังแท่นดาบทิศของ หลิน ยู
แต่เมื่อเห้นมีเหล่าราชันมากมายนักรออยู่บนเส้นทางอื่น ในที่สุด พวกเขาก็ตัดสินใจมายังแท่นดาบของ หลิน ยู
บางคนที่กับตะโกนเพื่อกดดันเขา
หลิน ยู เหลือบไปมองและไม่ได้สนใจพวกเขาอีกต่อไป สังหารจิตวิญญาณนักรบที่ใช้ดาบลับตรงหน้าเขา และมุ่งหน้าไปยังชั้นสาม
เหมือนกับก่อนหน้านี้
จิตวิญญาณนักรบที่อยู่บนชั้นสามไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก
เขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังแห่งกฏด้วยซ้ำ มันถูกเขาสังหารอย่างง่ายดายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที
จากนั้นก็มาถึงชั้นสี่ วิญญาณนักรบระดับ D ที่มาพร้อมกับหอก
ตัวเขาเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับอาวุธหอกมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เขาผ่านการต่อสู้ได้อย่างง่ายดายและมาถึงชั้นห้าในที่สุด
ในเวลานี้ ชิง เฟิง และราชันจากทิศทางอื่นๆก็เข้าสู่ชั้นที่ 7 ทีละคน
ยกเว้น ชิง ฟิง ราชันที่เหลืออีก 3 เส้นทางได้ต่อสู้กับจิตวิญญาณนักรบอย่างดุเดือดและได้รับบาดเจ็บหนัก
ในท้ายที่สุด พวกเขาสองคนก็ได้พ่ายแพ้ไป พวกเขาถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป พวกเขาเสียใจกับการเลือกของพวกเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่าราชันที่อยู่ด้านล่างก็ต่างรุมเข้าไปทันที คว้าโอกาศในการท้าทาย และเริ่มการท้าทายครั้งใหม่ขึ้น
สรุปก็คือ
5 ชั้นแรกโดยปกติแล้วจะใช้เวลาไม่นานนัก
แต่จากชั้นที่ 6 ขึ้นจะเป็นการต่อสู้ของจริง
หลิน ยู ไม่กล้าที่จะประมาท เขามายังใจกลางของแท่นและหยิบขวานหนักขึ้นมา เรียกจิตวิญญาณนักรบออกมา
หลังจากใช้เวลามากกว่า 1 นาที ต่อสู้บนแท่นดาบอย่างดุเดือด ในที่สุดเขาก็ผ่านได้สำเร็จและมุ่งหน้าไปยังชั้น 6
"บัดซบเอ้ย! ทำไมเจ้านั้นถึงแข็งแกร่งนัก ยังไม่แพ้อีกงั้นเหรอ?"
เหล่าราชันคน อื่นๆ ที่รออยู่ด้านล่าง ต่างพูดด้วยความไม่พอใจ
"ไม่ต้องกังวลไป ข้าเห็นเจ้าเด็กนั้นต่อสู้อย่างยากลำบากที่บนชั้น 5 เขาไม่น่าจะผ่านชั้น 7 ไปได้"
"เจ้าคิดว่าเขาจะไปชั้น 7 ได้งั้นเหรอ?"
"ข้าว่าจะเด็กนั้นทำไม่ได้ ถ้าเขาผ่านไปได้ ข้าจะผีเสื้อยัดใส่รูก้นให้ดู"
"พวกเจ้ายังกระจอกนัก ข้าจะกินฉี่ขอสไลม์โชว์เลย"
"ว้าว พี่ชายท่านสุดยอดไปเลย นั้นคืองานอดิเรกของท่านอย่างนั้นหรือ?"
ราชันที่อยู่ด้านล่างกำลังโต้เถียงกันอย่างเมามันส์
หลิน ยู ที่อยู่บนแท่นดาบผ่านไปได้ครึ่งทางแล้ว เขาได้มาถึงชั้น 6
จิตวิญญาณนักรบที่อยู่บนชั้น 6 นั้นมีระดับ B
ค่าสถานะของมันเพิ่มขึ้นถึง 60% ซึ่งเทียบได้กับบัพจากดินแดนในปัจจุบันของเขา
ส่วนค่าสถานะพื้นฐานของมอนสเตอร์บอสนั้นใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของมอนสเตอร์ระดับ 8 ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวเขาที่เพิ่งอัพเกรดอย่างแน่นอน
"ดูเหมือนว่าจะออมแรงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"
หลิน ยู พึมพำกับตัวเอง
เมื่อเทียบกับราชันหน้าเก่า ภูมิหลังของเขานั้นแย่อย่างมาก
ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ก็คือค่าสถานะพื้นฐานของเขานั้นแย่อย่างมาก แต่ช่องว่างนั้นแคบลงด้วยบัพค่าสถานะจากชิ้นส่วนเทวะ
ถ้าเขาไม่ใช่พลังแห่งกฏ เขาอาจจะหยุดอยุ่ที่ชั้น 8 เหมือนกับราชันคนอื่นๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พอใจมากแล้ว
อย่างน้อยตอนนี้ความแข็งแกร่งพื้นฐานของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าราชันหน้าเก่ามากนัก
ถึงเวลาต้องใช้มันออกมาทั้งหมดแล้ว
เมื่อครุ่นคิดเสร็จแล้ว
เขาจึงเดินไปกลางแท่นอย่างช้า และหยิบคันธนูและลูกธนูขึ้นมา
ในช่วงเวลาที่คันธนูสัมผัสกับฝ่ามือของเขา มันก็ได้บินไปยังอีกด้าน และค่อยๆรวบตัวกลายเป็นร่างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า 5 ชั้นแรก ถือคันธนูยาวไว้ในมือด้วยแรงกดดันที่รุนแรง
[ชื่อ: จิตวิญญาณนักรบ (บอส)]
[เผ่าพันธุ์: อันเดด]
[ระดับ: ระดับ 8 (ระดับ B)]
[ความแข็งแกร่ง: 2280 (+1368)]
[ร่างกาย: 2200 (+1320)]
[ความว่องไว: 2400 (+1440)]
[วิญญาณ: 2500 (+1500)]
[ทักษะ: ศรดาวตก , ลูกศรติดตาม , ศรสังหาร ]
[พลังความโกลาหล : ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 60%]
[หมายเหตุ : จิตวิญญาณของวีรบุรุษเปลี่ยนไปโดยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ได้รับผลกระทบจากจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในตอนที่ยังชีวิตอยู่ เขาได้หลับใหลอยู่ภายในหลุมฝังศพของสุสานดาบแห่งความตาย มีความกระหายใจการต่อสู้ ]
มันเป็นมอนสเตอร์ระยะไกลเพียงตัวเดียวจากทั้ง 6 ระดับที่ถูกท้าทายโดยหลิน ยู
ด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับนกอินทรี เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าคนๆนี้คือปรมาจารย์ธนู
ดวงตาของ หลิน ยู กลายเป็นจริงจัง เสียงแจ้งเตือนของการท้าทายดังขึ้นในหูของเขา ทันใดนั้นฝ่าเท้าของเขาก็ระเบิดออก พุ่งเข้าไปในวิญญาณนักรบ
ในเวลาเดียว ก็เปิดใช้งานพลังแห่งกฏ สกิลของโคลเวอร์ 4 แฉกเปิดการใช้งาน ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 30%
ด้วยบัพจากชิ้นส่วนเทวะ ทำให้สกิลพัฒนาไปถึงระดับที่น่าหวาดกลัวทันที มันเพิ่มขึ้นกลายเป็น 36%!
"อะไรกัน ทำไมจู่ๆ ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้น?"
ผู้คนด้านล่างสังเกตเห็นการเปลี่ยนในความแข็งแกร่งของ หลิน ยู ตามร้องออกมา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved