บทที่ 74 ข้าฝันว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับท่าน
เหมิงหยูคร่ำครวญและเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่สาวของเธอออกมา
ขณะที่เฉินฟานฟัง เขาก็กำหมัดโดยไม่รู้ตัว และความโกรธก็พุ่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แน่นอนว่าความชั่วร้ายเป็นธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถคาดเดาได้
คนธรรมดาในวันโลกาวินาศยังฆ่ากันเองเพื่อความอยู่รอด แต่ถ้าบอกว่าผู้อเวคไม่ใช่คนธรรมดา แน่นอนว่าสถานการณ์ของผู้อเวคก็ดีกว่าคนธรรมดาอย่างมาก แต่พวกเขาก็ยากจะรอดพันจากเงื้อมมือของผู้มีอำนาจและแข็งแกร่งกว่าเช่นกัน ทุกสถานะมีปัญหาที่แตกต่างกัน
ผู้คนเหล่านี้เป็นมิตรมากเมื่อพวกเขาได้รับรู้เกี่ยวกับความสามารถของพี่สาวของเหมิงหยูเป็นครั้งแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากที่พวกเขาได้ลิ้มรสความหวานของการทำนายอนาคต พวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมความต้องการของตัวเองได้
ในหมู่พวกเขาเป็นผู้อเวคหลายคนที่ไม่สามารถทนกับกลิ่นหอมหวลของอนาคต พวกเขาบังคับให้เธออยู่แต่ภายในบ้านและใช้งานเธอให้ทำนายอนาคตเพื่อความปลอดภัยในแต่ละวัน
หลังจากนั้นการปฏิบัติต่อเธอยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาแค่ต้องการความปลอดภัยของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าเธอจะเป็นอย่างไร!
อย่างไรก็ตาม เขาก็มีความสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน
นั่นคือคนกลุ่มนั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเหมิงหยูมีความสามารถเช่นเดียวกับพี่สาวของเธอหรือป่าว แต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เหมิงหยูออกมาเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้วสำหรับเหมิงซิว น้องสาวของเธอคือจุดอ่อนของเธอ หากวันหนึ่งเธอไม่ให้ร่วมมือ คนเหล่านั้นก็สามารถใช้เหมิงหยูขุ่บังคับเธอได้
และอันที่จริงนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำมาตลอด
“ท่านคงสงสัยว่าข้าวหนีออกมาได้ยังไงใช่ไหม?”
ขณะนั้นเหมิงหยูก็ถามขึ้น
"อืม"
เฉินฟานลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้อเวค แต่พลังที่เจ้าปลุกขึ้นไม่มีสามารถใช้ในการต่อสู้ได้ และความแข็งแกร่งทางกายของเจ้ายังห่างไกลจากคนเหล่านั้น พวกเขาจะส่งคนมาเฝ้าดูเจ้าและเจ้าก็ไม่น่าจะมีโอกาสที่จะหลบหนี”
“ข้าไม่ได้หนี แต่พวกเขาปล่อยข้ามา”
เหมิงหยูก้มหัวแล้วพูดว่า "ครั้งนั้นพวกเขาต้องการไปยังดินแดนของสัตว์อสูรระดับสูงและขโมยผลไม้ชนิดหนึ่ง เพราะหลังจากกินผลไม้ประเภทนี้แล้ว พวกเขาจะสามารถพัฒนาพลังจิตได้อย่างมาก"
“สัตว์อสูรระดับสูง?”
เฉินฟานหายใจไม่ออก
หากเป็นสัตว์อสูรระดับสูง มัตก็เทียบเท่ากับยานเกราะเบาที่แข็งแกร่งอย่างมาก ดังนั้นสัตว์อสูรระดับสูงก็เกือบจะเท่ากับรถถังหนักในแง่ของการป้องกัน!
ไม่ต้องพูดถึงปืนไรเฟิลซุ่มยิง แม้แต่ปืนครกบางรุ่น เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับสูงเช่นนี้ ก็ยังยากที่จะสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับพวกมันได้
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือความเร็วของพวกมันเร็วมาก โดยทั่วไปจะเร็วถึง 200 เมตรต่อวินาที อาจกล่าวได้ว่าสัตว์อสูรระดับสูงทุกตัวมีความสามารถในการทำลายเมืองขนาดเล็กได้เลยทีเดียว
“และเธอรู้ดีว่าเรื่องนี้อันตรายเกินไปที่จะพาข้าไปด้วย ดังนั้นเธอจึงต้องการให้ปล่อยข้าไปแลกกับการทำนายไปตลอดทาง และคราวนี้ทัศนคติของพี่สาวของข้ามั่นคงมาก เธอจะไม่ออกเดินทางไปด้วยเว้นแต่พวกเขาจะยอมปล่อยข้าไป ไม่เช่นนั้นพี่สาวของข้าจะยอมตาย แทนที่จะไปทำนายให้กับพวกเขา”
"พวกเขาเห็นด้วยงั้นหรือ?"
เฉินฟานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกเขาเห็นด้วย ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ขั้นตอนชัดเจนแต่พอทราบข่าวข้าก็เสียใจอย่างมากที่จะต้องแยกจากพี่สาว ข้าร้องไห้ไม่ยอมออกไป พี่สาวก็มาอ้อนวอนข้าให้ข้าออกไปจากเมืองอันซาน ข้ายังจำได้คำเหล่านั้นที่เธอพูดได้”
เหมิงหยูหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
“เธอบอกว่าข้าจะต้องออกไป เธอจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก เธอต้องการใช้ความสามารถในการคาดการณ์ของเธอต่อไปเพื่อตรวจสอบว่าผู้คนของเมืองอันชานกำลังแอบสืบสวนและคิดไม่ดีกับข้าอยู่หรือไม่
แต่เธอมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่สองสามปีเท่านั้น เธอบอกว่าหลังจากนี้ทุกสิ่งในอนาคตก็สามารถพึ่งพาได้ด้วยตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้เธอยังเตือนข้าด้วยว่าอย่าพูดถึงความสามารถของข้าให้คนอื่นฟัง ไม่เช่นนั้นข้าจะลงเอยเหมือนเธอ"
เฉินฟานเข้าใจแล้ว
ใช่แล้ว เมื่อเผชิญกับเธอที่สามารถทำนายอนาคตได้ การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดก็จะไม่มีทางหนีรอดจากสัมผัสของเธอได้
เหล่าผู้อเวคในเมืองอันซานก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช้ความพยายามอย่างสูญเปล่า เพราะท้ายที่สุดแล้วสำหรับพวกเขาเหมิงหยูก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม พี่สาวของเธอพูดถูกว่าทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
เนื่องจากเหมิงซิวมีความสามารถในการทำนายอนาคต เหมิงหยูน้องสาวฝาแฝดของเธอก็น่าจะมีเหมือนกัน
ตามอุปนิสัยของคนเหล่านั้น พวกเขาจะต้องค้นหาที่อยู่ของเหมิงหยูอย่างแน่นอนหลังจากที่เหมิงซิวได้ตายไปแล้ว เพราะยังไงซ่ะหากพวกเขาพบเธอก็ดีไป และหากหาไม่พบก็ไม่สูญเสียอะไร
“พี่สาวของเจ้าขอให้เจ้าเก็บเป็นความลับ แต่เจ้ายังเลือกที่จะบอกข้างั้นหรือเจ้าไม่กังวลว่าข้าจะเหมือนกับคนเหล่านั้นหรือ?”
เฉินฟานถามอย่างจริงจัง
เหมิงหยูส่ายหัว "ข้าเชื่อว่าท่านแตกต่างจากพวกเขา ท่านเป็นคนดีและตอนนี้ข้าก็ได้พูดไปแล้ว ถ้าท่านเป็นเหมือนพวกเขา มันจะสายเกินไปที่ข้าจะทำอะไรได้แล้ว"
หลังจากพูดแล้วร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหัวใจของเธอไม่สงบเท่าที่ปรากฏบนพื้นผิว
"..."
เฉินฟานพูดไม่ออกเล็กน้อย
เขาเป็นคนดีงั้นหรือ คำพูดแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของเจ้า และข้าจะไม่เปิดเผยตัวตนของเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำรับรองของเฉินฟาน เหมิงหยูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วกล่าวเสริมด้วยเสียงต่ำ "แม้ว่าข้าจะสามารถทำนายอนาคตได้ แต่ก็สามารถทำได้ผ่านความฝันเท่านั้น แถมเนื้อหาของความฝันยังคงเป็นแบบสุ่มอีกด้วย ดังนั้นตามความหมายนี้บางทีความฝันของข้าก็ไร้ประโยชน์"
"โอเค ข้าเข้าใจแล้ว"
เฉินฟานไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้
การทำนายอนาคตเป็นเรื่องดี แต่ในส่วนของพี่สาวของเธอถ้าใช้มากเกินไปก็ไม่ได้ ในส่วนของเธอการพึ่งพาอาศัยมันก็ไม่ดี
หากเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าผู้อเวคเช่นเธอมีความสามารถที่สูญเปล่างั้นหรือ ที่ไม่รู้จะฝันเรื่องอะไรและไม่สามารเจาะจงอะไรได้
ดังนั้นแนวคิดเกี่ยวกับความสามารถที่เธอปลุกขึ้นมาได้คือการทำนายที่แล้วชะตากรรม
แต่สำหรับเขามันก็ไม่สำคัญ เพราะตราบใดที่ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะเผชิญกับความยากลำบาก เขาก็เอาชนะมันได้เสมอ หากเขาทำไม่ได้ เขาก็แค่ต้องปรับปรุงความแข็งแกร่งต่อไปจนกว่าจะเอาชนะมันได้
เมื่อเห็นว่าเฉินฟานไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับความสามารถที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ของเธอจริงๆ ในที่สุดเหมิงหยูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่คนตรงหน้าเธอควรจะเชื่อถือได้ในตอนนี้
“คราวนี้ข้าเรียกท่านมาคุยเพราะเมื่อคืนข้าฝันว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับท่าน”
ดวงตาของเฉินฟานเบิกกว้างและเขาไม่ได้ขัดจังหวะเธอ
เหมิงหยูกล่าวต่อ "ข้าฝันว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอยู่นอกประตูเมืองอันซานประมาณสองกิโลเมตร ผู้นำกำลังถือกล้องส่องทางไกลคู่หนึ่ง หลังจากที่ท่านออกมา พวกเขาก็ขี่วัวป่าตามมาทันที และหลังจากที่ท่านเดินทางมาได้ไกลสักระยะหนึ่ง พวกเขาก็พุ่งเข้ามาหา..”
“ขี่วัวป่างั้นเหรอ?”
เฉินฟานตกตะลึง “มีทั้งหมดกี่คน?”
“ประมาณ 30 คน”
เหมิงหยูเล่าว่า "มีประมาณ 30 คนถือธนูและลูกธนูทั้งหมด ผู้นำเป็นชายหัวโล้นที่มีร่างกายกำยำมาก เมื่อพวกเขาเข้ามาหาท่านประมาณเจ็ดหรือแปดร้อยเมตร ข้าคิดว่าท่านควรจะจากไปหลังจากพวกเขา แต่ท่านกลับบอกให้คนอื่นๆ รีบไปก่อน จากนั้นท่านก็ปักหอกในมือลงบนพื้นแล้วหยิบธนูและลูกธนูออกมาด้านหลัง”
เฉินฟานอดไม่ได้ที่จะกังวล
วัวป่าวิ่งมาด้วยความเร็วเต็มพิกัดสามารถวิ่งได้สูงถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง กล่าวคือเกือบ 30 เมตรต่อวินาที
หกถึงเจ็ดร้อยเมตรนั่นคือยี่สิบวินาที เขาแน่ใจจริงๆหรือว่าเขาสามารถยิงและฆ่าคนได้สามสิบคนภายในยี่สิบวินาทีนั้น? เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น
อีกประเด็นหนึ่งคือคู่ต่อสู้ถือธนูและลูกธนูอยู่ในมือ กล่าวคือคู่ต่อสู้สามารถโจมตีเขาได้เมื่ออยู่ในระยะประมาณ 200 เมตร ถึงตอนนั้นเขาจะยังปลอดภัยงั้นหรือ?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved