ตอนที่ 176

บทที่ 176 : อสูรไร้เทียมทาน อัสนีสวรรค์พิโรธ

ณ แกนโลกใต้พื้นดินไปหลายพันลี้

เพลิงปฐพีที่แผดเผาและลุกโชนกำลังพวยพุ่งสูงขึ้น แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถกลบลูกบอลสีม่วงดำที่แกนกลางได้เลย

แสงประหลาดที่เต็มไปด้วยออร่าความมืดและความบิดเบี้ยวนี้กัดกร่อนเพลิงปฐพีอย่างไม่จบไม่สิ้น

มันพยายามจะเล็ดรอดออกมา

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่สิ่งนี้เกิดขึ้น เพลิงปฐพีก็จะลุกโชนด้วยแสงสีทอง

พวกมันพันกันเพื่อสร้างตราประทับคล้ายกับโซ่ ยับยั้งมวลสีม่วงดำไว้อย่างแน่นหนา

ในปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่แสงสีม่วงดำโจมตีผนึก มันก็จะถูกระงับอย่างรวดเร็ว

จากนั้นความสงบสุขก็จะดำเนินต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ลูกบอลสีม่วงดำก็ได้กระทบกับผนึกอย่างรุนแรงมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา

ในขณะนี้ แกนกลางของโลกก็ดูเหมือนจะกำลังเดือด เพลิงปฐพีพุ่งสูงขึ้นและสูงขึ้น โซ่สีทองและตราประทับส่องแสงเจิดจ้าราวกับว่าพวกมันกำลังจะควบแน่นเป็นสสารและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะยับยั้งมวลสีม่วงดำ

บู้มมมม!

บู้มม! บู้มม!

แสงสีม่วงดำในเพลิงปฐพียังคงชนเข้ากับโซ่สีทองและทำให้เกิดเสียงดัง มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

ในเวลาเดียวกัน เสียงที่บ้าคลั่งและรุนแรงก็ดังมาจากข้างใน

“ นักบุญศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์...”

เสียงนี้เหมือนกับกำลังเรียกร้องหาอะไรบางอย่าง มันดังมาจากเพลิงปฐพีจริงๆ

บางทีอาจเป็นเพราะเวลาที่ผ่านไปนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะมันถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยมวลแสงสีม่วงดำนั้นเป็นเวลาหลายปี

พลังของผนึกจึงได้อ่อนตัวลงแล้ว!

หลังจากเสียงเล็ดรอดผ่านผนึกโซ่สีทองออกมาได้ ร่องรอยของพลังก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากภายใน มันทำให้เกิดช่องโหว่ในผนึกอย่างรวดเร็ว

ทันทีหลังจากนั้น แสงสีม่วงดำก็โผล่ออกมาจากผนึกมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงเรียกนั้นบ้าคลั่งและรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน

“ นักบุญศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์…”

….

บนท้องฟ้าเหนือมณฑลหลางหยา การต่อสู้ระหว่างมังกรเพลิงและสิบร่างอวตารยังคงดำเนินต่อไป

หลังจากย้อมเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำแล้ว พลังของร่างอวตารเหล่านี้ก็แข็งแกร่งขึ้นมาก พวกมันแทบจะบ้าไปแล้ว เมื่อพวกมันโจมตี พวกมันก็ไม่ได้สนใจที่จะป้องกันตัวเองเลย พวกมันเป็นเหมือนกับคนบ้า

สิ่งนี้ทำให้มันยากสำหรับมังกรเพลิงที่จะต่อสู้กับพวกมัน

ยิ่งไปกว่านั้น มันก็กำลังเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด

ในระหว่างการต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายก็ได้ออกจากมณฑลหลางหยาและมาถึงท้องฟ้านอกเมืองแล้ว

ในขณะนี้ มังกรเพลิงตัวน้อยก็เพิ่งหลบการโจมตีจากร่างอวตารตนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะหลบได้พ้น เท้าของร่างอวตารอีกตนหนึ่งก็กระทืบลงมาจากด้านบนแล้ว

บู้มมมม!

ฝ่าเท้าของร่างอวตารทะลุชั้นของเปลวเพลิงบนเกล็ดมังกรเพลิงตัวน้อย มันกระแทกตกลงมาจากความสูง 10,000 ฟุตและตกลงสู่ยอดเขาเบื้องล่าง

บู้มมมม!

ผลกระทบอันน่าสะพรึงกลัวและทรงพลังอย่างยิ่งได้ทุบลงอย่างรุนแรงพร้อมกับมังกรเพลิงตัวน้อย ยอดเขาสูง 1,000 ฟุตนี้ระเบิดในทันที

ทันทีหลังจากนั้น คลื่นเสียงดังก็ระเบิดออกมาจากยอดเขาราวกับสายฟ้าฟาดนับพันล้านครั้ง

บึ้มมมมม!

ท่ามกลางเสียงสั่นสะเทือนสะท้านโลก ยอดเขาทั้งลูกก็ได้แยกออก ช่องว่างขนาดใหญ่เปิดออกในทันทีจากยอดเขาถึงตีนเขา!

ราวกับว่าเทพโบราณบนสวรรค์ได้ผ่าภูเขาสูงพันฟุตนี้ออกเป็นสองซีกด้วยขวานขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด

หลังจากที่ภูเขาแยกออกจากกัน มันก็พังทลายลงโดยสมบูรณ์ รอยแตกนับสิบปรากฏขึ้นจากจุดเดิมและยังคงแตกร้าวต่อไป

ในพริบตา ยอดเขาทั้งหมดก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

หวือ! หวือ! หวือ!

ในเวลาเดียวกัน คลื่นความร้อนก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เปลวเพลิงบนร่างของมังกรเพลิงตัวน้อยแผ่กระจายไปทุกทิศทุกทาง มันเผาไหม้ทุกอย่างบนภูเขาที่พังทลาย ภูเขาที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่

ฉากที่สั่นสะเทือนจิตใจนี้ทำให้ผู้คนในมณฑลหลางหยาตระหนักได้ถึงการต่อสู้ พวกเขาทั้งหมดต่างหวาดกลัว

ในขณะนี้ หวังตงหยาง, พยัคฆ์ขาว, เว่ยอี้และคนอื่นๆ รวมถึงผู้คนจากนักสำนักเซียนทั้งสี่ก็ได้ขึ้นไปบนที่สูงแล้ว พวกเขามองไปที่การต่อสู้จากระยะไกลและได้เห็นการพังทลายของภูเขาทั้งลูกกับตา

ทุกคนตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ดูการต่อสู้ระหว่างเซียนสวรรค์ และมันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มันเกือบจะทำให้พวกเขาหัวใจวายตาย

พลังแห่งสวรรค์และปฐพีคืออะไร?

นี่แหละคือพลังแห่งสวรรค์และปฐพี!

ภูเขาสูงพันฟุตมีขนาดใหญ่มากจนแม้แต่พระโพธิสัตว์และเซียนปฐพีก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการขุดผ่านมันเข้าไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับร่างที่ทรงพลังระดับเซียนสวรรค์ เพียงแค่พลังของการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายมัน!

“ โฮกกกก!”

ในขณะนี้ เสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้นจากภูเขาที่พังทลาย

ทันใดนั้น มังกรเพลิงยาว 1,200 ฟุตก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เปลวเพลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้เปลี่ยนท้องฟ้าภายในรัศมีหลายลี้ให้กลายเป็นทะเลเพลิงในทันที มันห่อหุ้มร่างอวตารทั้งสิบตนเอาไว้

มังกรเพลิงโกรธจัด มันเปิดใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่ออกมาอย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้ทำให้เปลวเพลิงบนร่างของมันแผ่ออร่าแก่นแท้ทองคำออกมา

มันถูกขัดเกลาโดยซุยเฮ็ง ดังนั้นแก่นแท้ของมันจึงเป็นพลังของแก่นแท้ทองคำของเขา ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมันใช้พละกำลังทั้งหมด มันจึงเป็นเรื่องปกติที่มันจะปล่อยพลังที่มีออร่าของแก่นแท้ทองคำออกมา

สิ่งนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันนับครั้งไม่ถ้วน

เดิมที เปลวเพลิงของมังกรเพลิงก็สามารถเผาผลาญร่างสีทองของร่างอวตารทั้งสิบได้เท่านั้น มันไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ต่อแสงสีม่วงดำได้ และทุกครั้งที่ไฟพัดโหมกระหน่ำ มันก็ได้แต่มองดูอีกฝ่ายอย่างหมดหนทาง

อย่างไรก็ตาม ทะเลเพลิงในครั้งนี้ก็แตกต่างออกไป เปลวเพลิงสีแดงฉานถูกอาบไปด้วยประกายทองคำ!

หลังจากที่ร่างอวตารทั้งสิบตนถูกห่อหุ้มเอาไว้ พวกมันก็วางแผนที่จะใช้กลอุบายเดิมอีกครั้งและพยายามดับไฟด้วยแสงสีม่วงดำ แต่กระนั้นพวกมันก็ตระหนักได้ว่าคราวนี้มันไร้ประโยชน์

เปลวเพลิงยังคงแผดเผาและลุกโชน!

“ อ๊ะ! นี่มันเปลวเพลิงอะไรกันเนี่ย!”

“ ทำไมถึงทำลายไม่ได้? มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้ยังไง!?”

เสียงของพระโพธิสัตว์เหล่านี้ดังมาจากในร่างอวตาร มันเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว

เห็นได้ชัดว่าเปลวเพลิงได้เผาไหม้พระพุทธเจ้าแล้ว และมันก็เริ่มย่างพระโพธิสัตว์ทั้งสิบองค์ข้างใน

เสียงโห่ร้องของพระโพธิสัตว์เหล่านี้ค่อยๆ ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า แม้แต่ผู้คนในมณฑลหลางหยาเองก็ยังสามารถได้ยินพวกเขาได้อย่างชัดเจน

ใบหน้าของสำนักเซียนทั้งสี่กลายเป็นสีซีดเผือก และการแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

พระโพธิสัตว์แห่งโถงพุทธมามกะเป็นความหวังเดียวของพวกเขา แต่ตอนนี้ แม้แต่ความหวังดังกล่าวก็ยังกำลังจะถูกทำลาย นี่หมายความว่ามันมีความเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะถูกกำจัดเป็นรายต่อไป

พวกเขาควรทำอย่างไรดี?!

ปัง! ปัง! ปัง!

ในขณะนี้ คนเหล่านี้ก็กำลังรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขากำลังเต้นแรง

ในเวลาเดียวกัน ความกลัวและความตื่นตระหนกก็เพิ่มขึ้นในใจของพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

อารมณ์นี้ยิ่งกระตุ้นความสิ้นหวังเพราะพระพุทธเจ้าทั้งสิบกำลังจะพ่ายแพ้

ดูเหมือนว่ามันจะมาจากสัญชาตญาณของพวกเขา

ผู้คนจากสำนักเซียนรู้สึกงงงวยอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างกะทันหันนี้ พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าหวังตงหยางและคนอื่นๆ จากตระกูลขุนนางเองก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหัวใจเต้นแรงเช่นกัน พวกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติได้ในที่สุด

ความตื่นตระหนกที่อธิบายไม่ได้นี้แพร่กระจายไปตามอำเภอใจ!

เกิดอะไรขึ้น?!

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังรู้สึกงงงวยกันอย่างมาก ทันใดนั้นก็มีรอยแตกขนาดใหญ่ที่ไร้ก้นบึ้งปรากฏขึ้นบนพื้นใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา

เมืองหลางหยาทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนในทันที

ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมือง, บ้านและศาลาธรรมดาๆ ตราบใดที่พวกมันตั้งอยู่บนหรือใกล้กับรอยแตกขนาดใหญ่นี้ พวกมันทั้งหมดก็จะพังทลายและตกลงไปในรอยแตก

ยิ่งไปกว่านั้น รอยแยกก็ยังคงแพร่กระจายต่อไปหลังจากแยกเมืองหลางหยาทั้งหมดออกจากกัน มันหยุดลงหลังจากยืดออกไปได้มากกว่าร้อยลี้แล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ดี นี่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!

ทันทีที่รอยแตกหยุดกระจายตัว แสงสีม่วงดำที่หนาแน่นมากก็ได้พ่นออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่า มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับน้ำตก

ในเวลาเดียวกัน ใครก็ตามที่เห็นแสงสีม่วงดำนี้ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือเซียนมนุษย์และเซียนปฐพี พวกเขาต่างก็รู้สึกชาในหัวของพวกเขา มันเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้และแทบจะระเบิดออกมา

มังกรเพลิงเองก็ถูกดึงดูดโดยการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน มันหันกลับมาและแสงสีแดงในดวงตาของมันก็ทวีความรุนแรงขึ้นในทันที มันสัมผัสได้ถึงออร่าด้านลบที่หนาแน่นกว่าเงาของพระพุทธเจ้าหลายพันเท่า

ในขณะนี้ ทันใดนั้น รอยแตกทั้งสิบก็ได้ปรากฏขึ้นในเปลวเพลิงที่ปกคลุมท้องฟ้า

ร่างอวตารสิบตนที่กำลังจะถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านบินออกมาและกลายเป็นแสงสีม่วงดำสิบดวง พวกมันพุ่งเข้าหาม่านแสงเหมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ จากนั้นมันก็หลอมรวมเข้ากับมันและหายไป

“ นักบุญศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์…”

เสียงที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งดังมาจากม่านแสงสีม่วงดำ

เสียงดังกล่าวได้ยัดเยียดข้อมูลที่ยุ่งเหยิงจำนวนนับไม่ถ้วนให้พรั่งพรูเข้ามาในหู ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังได้เปิดกะโหลกโดยตรงและยัดข้อมูลเข้าไป

“ โฮกกกก!”

มังกรเพลิงปล่อยเสียงคำราม มันแผดเผาอีกฝ่ายด้วยเปลวเพลิงที่พัดโหมกระหน่ำ เปลวเพลิงที่ลุกลามเป็นระยะทางหลายร้อยลี้และสูงหลายพันฟุตพุ่งเข้ามาและพยายามจะเผาไหม้มัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะทันได้เข้าใกล้ ฝ่ามือสีม่วงดำที่สามารถครอบคลุมรัศมีหลายร้อยฟุตก็ได้ยื่นออกมาจากม่านแสงและคว้าร่างของมันเอาไว้แล้ว

ไม่ว่าเปลวเพลิงจะลุกโชนอย่างไร มันก็ไม่สามารถทำให้ฝ่ามือนั้นเสียหายได้

“ แมลง! แมลง! แมลง! ตาย ตาย ตาย!!” เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งจากในม่านแสง มันยังคงเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และก็ยังมีเจตนาฆ่าที่รุนแรงมาก

และก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ ร่างยักษ์สูง 165 เมตรก็เดินออกมา

นี่คือปีศาจร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้สวมชุดเกราะที่แตกหักและปล่อยควันสีม่วงดำออกมาจากทั่วร่างกายราวกับว่าเขาได้เดินออกมาจากส่วนลึกของนรกขุมที่เก้า!

“ อ๊ากกกก!!” ยักษ์กำมังกรเพลิงเอาไว้ในมือและคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความบ้าคลั่งสุดขีด “ นักบุญศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์! ศักดิ์สิทธิ์! ฆ่าล้างโลกนี้ ฆ่าล้างให้หมด!”

มังกรเพลิงพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองนั้นก็มีมากเกินไป มันไม่สามารถหลุดพ้นได้เลย

บู้มมมมม!

ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังมาจากบนท้องฟ้า!

ราวกับว่ามันได้ปลุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดให้ตื่นขึ้น

มันปลุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ตกอยู่กับความบ้าคลั่งขึ้นมาในทันที

จากนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เหนือสวรรค์ทั้งเก้า เมฆฝนฟ้าคะนองที่ปกคลุมรัศมีหลายสิบกิโลเมตรได้ควบแน่นขึ้นมาเหนือหัวพวกเขา

อสรพิษสีทองกำลังเลื้อยขดไปมา และสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลังก่อตัวขึ้น

ราวกับว่าสวรรค์กำลังพิโรธ

ภัยพิบัติสายฟ้ากำลังจะลงมา!