มรดกผู้กล้า?!
โจวโจวตื่นเต้นเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้
ในที่สุดไฮไลท์ก็มาถึงแล้วเหรอ?
ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกอิจฉาอย่างมากเมื่อไป่อี้และอู๋ซินกลายเป็นผู้กล้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ตาม
สุดท้ายมันก็ถึงคราวของฉันแล้ว!
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและตามร็อบไปยังโถงวิญญาณผู้กล้าอย่างคาดหวัง
ครู่ต่อมา โจวโจวและร็อบก็เดินมาไกลพาสมควร พวกเขามาถึงประตูสีทองหลังจากผ่านยามจำนวนมาก
ประตูและผนังทั้งสองด้านแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ โจวโจวมองดูและตระหนักว่างานแกะสลักนั้นเป็นเรื่องราวของผู้กล้าผู้กอบกู้โลก
บนประตูมีแผ่นจารึกที่มีคำว่า ‘โถงวิญญาณผู้กล้า’
เดิมทีร็อบก็กำลังยิ้มอยู่ แต่หลังจากมาถึง สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมาทันที
“โถงวิญญาณผู้กล้านี้ได้อุทิศแด่มรดกผู้กล้าของมนุษย์บางส่วนที่ปรากฏในยุคต่างๆ ตั้งแต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราถือกำเนิดขึ้น พวกเขาล้วนมีคุณูปการสำคัญต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ และมรดกผู้กล้าที่พวกเขาทิ้งไว้คือสมบัติที่สำคัญที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรา! ดังนั้นที่นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรา เพราะฉะนั้น เมื่อท่านเข้าไปแล้ว ท่านจงใส่ใจกับคำพูดและการกระทำของท่าน อย่าทำให้วิญญาณผู้กล้าที่อยู่ข้างในขุ่นเคือง”
ร็อบเตือน
“ข้าจะระวัง แต่ว่าวิญญาณผู้กล้าคืออะไรกัน?”
โจวโจวพยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“วิญญาณผู้กล้าคือผู้กล้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรา ผู้กล้าเหล่านี้ได้แยกจิตสำนึกของเขาที่มีมรดกผู้กล้าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่และสร้างจิตสำนึกของผู้กล้าเผื่อไว้ จิตสำนึกของผู้กล้าประเภทนี้ไม่มีพลังทำลายล้างโลกแบบผู้กล้า แต่มันก็รักษามรดกผู้กล้าของพวกเขาไว้อย่างสมบูรณ์และปล่อยให้คนรุ่นหลังได้สืบทอดไป”
“นี่คือวิธีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น อย่างไรก็ตาม จิตสำนึกก็ยังคงเป็นจิตสำนึก มันไม่ได้คงอยู่ตลอดกาล โดยปกติแล้ว หลังจากผ่านไปประมาณพันปี วิญญาณของผู้กล้าก็จะค่อยๆ สลายตัวไป”
“จนถึงวันนี้ มันมีผู้กล้าเหลืออยู่ประมาณ 500 คนในโถงวิญญาณผู้กล้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา ส่วนวิญญาณผู้กล้าคนอื่นๆ ก็ได้สลายหายไปแล้ว ส่วนมรดกผู้กล้าของพวกเขาก็ถูกบันทึกไว้แค่ในหนังสือเท่านั้น”
“แต่บันทึกดังกล่าวก็แทบไม่มีความหมายเลย เพราะคนที่อ่านก็จะไม่ได้รับพลังอะไรไป มันไม่เหมือนกับคู่มือลับมรดกผู้กล้าที่เป็นไอเท็มปาฏิหาริย์ในตำนาน”
ร็อบถอนหายใจออกมา
ในหน้าของกาลเวลา แม้แต่การดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่เช่นผู้กล้าก็ยังต้องถอนตัวออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในที่สุด
ไม่ต้องพูดถึงวิญญาณผู้กล้าที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยผู้กล้า
หัวใจของโจวโจวปั่นป่วน
คู่มือลับมรดกผู้กล้างั้นเหรอ?
เขาคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี
เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมัน
ร็อบได้พาเขามาที่ประตูแล้ว
“หยุดก่อน!”
มนุษย์สูงสามเมตรที่มีนัยน์ตาสีม่วงขวางทางของพวกเขาเอาไว้
เขามองลงมาที่คนทั้งคู่
เมื่อเห็นเช่นนี้ ร็อบก็พลิกมือขวาของเขา และสัญลักษณ์สีทองก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ตรานี้ถูกสลักด้วยลวดลายของอัศวินมนุษย์ และคำว่า ‘เซียน’ ถูกสลักไว้ด้านล่าง
“คาราวะท่านผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับ ข้าได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าวิหารให้นำผู้สือทอดผู้กล้ามารับมรดกผู้กล้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรา”
ร็อบกล่าวด้วยความเคารพ
หลังจากที่เขาพูดจบ โจวโจวก็สังเกตเห็นว่าชายร่างกำยำที่ชื่อว่าผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับกำลังจ้องมาที่เขา
เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ
“น่าสนใจ ช่างเป็นผู้รับสืบทอดที่ยังอยู่ในวัยเยาว์จริงๆ เขาผ่านการทดสอบของท่านเจ้าวิหารไป่ได้ยังไงกัน?”
น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยร่องรอยของการตรวจสอบ
ในฐานะผู้พิทักษ์โถงวิญญาณผู้กล้า เขามีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญในการปกป้องมรดกผู้กล้า ดังนั้นแม้ว่าร็อบจะมีตราศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าวิหาร แต่เขาก็ต้องตรวจสอบมันก่อนที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าไป
ร็อบบอกเขาถึงตัวตนของโจวโจว
“พรสวรรค์แห่งลอร์ด… หาได้ยากจริงๆ ถ้าอย่างนั่นท่านก็คงมีชะตาต้องกันกับวิหารอัศวินของพวกเราแล้ว”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับหัวเราะ
เสียงของเขาดังก้อง
หูของโจวโจวอื้อ
“ก็จริงๆ”
เขาหัวเราะแห้งๆ
ไม่สมควรเลยสักนิดใช่ไหมที่จะบอกว่าเขาปล้นพรสวรรค์แห่งลอร์ดอันนี้มา?
“เข้าไปได้ ผู้มาใหม่ จงจำไว้ว่าให้ระวังคำพูดและการกระทำของท่านต่อหน้าวิญญาณผู้กล้า”
เขาพูดออกมาจริงจัง
“ข้าจะระวัง”
โจวโจวพยักหน้าอย่างจริงจัง
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับพยักหน้าและบอกให้อัศวินที่อยู่ข้างๆ ประตูเปิดประตูของโถงวิญญาณผู้กล้า
“ตามข้ามา”
ร็อบกล่าว
จากนั้นโจวโจวก็ตามเขาเข้าไปข้างในโถงวิญญาณผู้กล้า
ในโถงวิญญาณผู้กล้า
จิตสำนึกอันพร่ามัวของผู้กล้าเผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังลอยอยู่บนลูกบาศก์คริสตัลที่ดูเหมือนเพชร
มันมีประมาณ 300 คน ดวงตาของพวกเขาปิดอยู่ และพวกเขาก็ดูเหมือนกับกำลังหลับใหลอยู่
แม้ว่ารูปลักษณ์นี้จะดูไม่น่ากลัวเลย แต่แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของโชคชะตาแห่งผู้กล้าที่แผ่ออกมาบางๆ นั้นก็ทำให้โจวโจวต้องกลั้นหายใจ
แต่ในอึดใจต่อมา เจตจำนงอันเกรี้ยวกราดก็คำรามออกมาจากในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา
หลังจากนั้นแรงกดดันจากโชคชะตาผู้กล้าก็หายไปในทันใด
ในเวลาเดียวกัน ร็อบก็ยังพูดอย่างภาคภูมิใจตรงหน้าของเขา
“มันมีโถงวิญญาณผู้กล้าทั้งหมด 5 แห่งในเผ่าพันธุ์มนุษย์ โดยรวมแล้วมันมีมรดกผู้กล้าอยู่ทั้งสิ้น 541 อัน ซึ่งโถงอัศวินของพวกเราก็มีมรดกผู้กล้าอยู่ทั้งหมด 312 อัน ท่านคงรู้สถานะของวิหารอัศวินของพวกเราในเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วใช่ไหม?”
“ต่อไปก็ให้ท่านไปยืนอยู่ตรงหน้าของวิญญาณผู้กล้าแต่ละคนเป็นเวลาสองสามวินาที ถ้าวิญญาณผู้กล้ารู้สึกว่าท่านเข้าเงื่อนไขของมรดกผู้กล้าของตน ผู้กล้าคนนั้นก็จะลืมตา…”
เขามองไปยังวิญญาณผู้กล้าทั้งหมดในห้องโถงด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ
เพราะในเวลานี้ วิญญาณผู้กล้าทั้ง 312 ตนต่างก็ลืมตาขึ้นมาหมดแล้ว
ดวงตาของพวกเขาเปล่งแสงพร่าวราวทำให้ทั้งโถงวิญญาณผู้กล้าสว่างขึ้นมา
ร็อบมองตามสายตาของพวกเขา
ที่ๆ สายตาของวิญญาณผู้กล้าจำนวนมากจดจ้องไปนั้นก็คือเจ้าตะวันสาดแสงที่เขาเพิ่งพาเข้ามา
ร็อบอึ้ง
เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?!
เขาเองก็ถูกพามาที่นี่โดยอาจารย์ไป่เหอเพราะพรสวรรค์ของเขาก่อนที่เขาจะได้กลายเป็นผู้กล้า ในเวลานั้น เขาก็ได้รับความสนใจจากวิญญาณผู้กล้าหลายต่อหลายคน
ร็อบจำได้ดีว่าในเวลานั้นเขาถูกจ้องมองจากวิญญาณผู้กล้า 16 ตน ซึ่งก็คือวิญญาณผู้กล้า 16 ตนต่างก็รู้สึกว่าเขาสามารถสืบทอดมรดกของตนได้
ในเวลานั้นกระทั่งไป่เหอที่ไม่เคยชมใครง่ายๆ ก็ยังชมเขาว่าเขาคือเสาหลักของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอนาคต
แล้วกับสถานการณ์ของเจ้าตะวันสาดแสงในตอนนี้ล่ะ?
ทำไมวิญญาณผู้กล้าทั้ง 312 ตนในโถงวิญญาณผู้กล้าถึงคิดว่าเขาสามารถสืบทอดมรดกผู้กล้าของตนได้???
ในเวลานี้ ร็อบก็ยิ่งสงสัยขึ้นมาว่าแม้ว่าเจ้าตะวันสาดแสงจะถูกพาไปพบกับวิญญาณผู้กล้าทั้ง 512 ตน วิญญาณผู้กล้าทุกตนก็คงจะลืมตาขึ้นมองเขา
ฉากที่อยู่ต่อหน้าของเขาแสดงให้เห็นความเป็นไปได้ดังกล่าว
ร็อบอดสงสัยในชีวิตไม่ได้
งั้นเหตุผลที่ข้าได้รับเลือกจากวิญญาณผู้กล้า 16 ตนในตอนนั้นเพราะมีวิญญาณผู้กล้าเพียง 16 ตนเท่านั้นที่ให้คุณค่ากับข้า ในขณะที่เด็กคนนี้กลับถูกเลือกโดยวิญญาณผู้กล้า 312 ตนเพราะมีเพียงวิญญาณผู้กล้า 312 ตนเท่านั้นที่อยู่ตรงหน้าของเขาใช่ไหม???