ตอนที่ 122 : ใช้สายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหล! เสริมประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำ!

“สมรภูมิแห่งสรรพเผ่าพันธุ์งั้นเหรอ?”

เมื่อโจวโจวเห็นการแจ้งเตือนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัวเท่านั้น แต่เขาตื่นเต้นขึ้นมาอีกด้วย

ในที่สุดเขาก็จะได้เผชิญหน้ากับศึกที่แท้จริงของศึกชิงเจ้าแห่งลอร์ดซะที!

เขาเปิดกระดานสนทนาขึ้นมา

ลอร์ดคนอื่นจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินก็กำลังพูดคุยกันถึงกิจกรรมล่าสุดเหมือนกัน

“กิจกรรมลอร์ดอย่างเป็นทางการงั้นเหรอ! บ้าเอ้ย มันจะมีเผ่าพันธุ์อื่นๆ เยอะขนาดไหนกัน?!”

“ไม่มีทาง พวกมันให้ฉันพักแค่ 2 วันเนี่ยนะ? อย่างน้อยก็ขออีกสัก 7 วันได้ไหม”

“พวกเราจะได้ต่อสู้กับลอร์ดจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในอนาคตไหม?”

“ฉันจะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นมาในกิจกรรมนี้แน่ๆ!”

“ฉันแนะนำให้ทุกคนอย่าสับสนกับคำว่า ‘กิจกรรม’ นะ สมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์น่าจะต้องอันตรายมากกว่าการทดสอบลอร์ดมือใหม่แน่ๆ!”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ทุกคนควรพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เต็มที่ในสองวันนี้ ฉันไม่อยากจะรอดมาจากการทดสอบลอร์ดมือใหม่เพื่อมาตายในสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์หรอกนะ”

“พันธมิตรโลหิตมังกรกำลังรับสมัครอยู่! เข้าร่วมกับพวกเราและสนับสนุนกัน มาเอาชีวิตรอดไปจากกิจกรรมนี้ด้วยกันเถอะ!”

“พันธมิตรโลหิตมังกรงั้นเหรอ? ผู้นำของนายยังได้อันดับต่ำกว่าลอร์ดเทพมังกรซะอีก”

“พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ทำไมลอร์ดเทพมังกรกับเจ้าแห่งแมลงถึงไม่ปรากฏตัวบนกระดานสนทนาบ้างเลย?”

“จะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ? ซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเอง รอเวลา และพัฒนาอย่างเงียบๆ พี่เทพหลายคนก็เป็นแบบนั้นกันทั้งนั้น”

“มันอยู่ในอันดับลอร์ดมือใหม่แล้ว เราจะพัฒนาอะไรได้อีก? นอกจากนี้พวกเราก็กำลังพูดถึงในกระดานสนทนาเท่านั้น พวกเราไม่เห็นพวกเขาในกระดานสนทนาเลยนะ”

“นายได้เพิ่มพวกเขาเป็นเพื่อนรึยัง? ฉันลองดูแล้ว แต่เพราะอะไรไม่รู้ ฉันเลยเพิ่มพวกเขาเป็นเพื่อนไม่ได้เลย”

“ทำไมนายต้องสนใจพวกเขามากขนาดนั้นด้วย? ถ้านายไม่อยากตายก็รีบเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์ได้แล้ว”

โจวโจวถอนสายตากลับมา และครุ่นคิด

กิจกรรมสำหรับลอร์ดอย่างเป็นทางการกิจกรรมแรกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ลอร์ดต้องการเติมเต็มและเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาให้มากที่สุด

บางทีเขาอาจจะใช้เวลาสองวันนี้เพื่อขายของบางอย่างในราคาสูงและทำเงินได้ก้อนโต

เขามีความคิดคร่าวๆ แล้วหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง

มันหมดยุคของการขายเนื้อมอนสเตอร์แล้ว

สำหรับลอร์ดที่ต้องการเข้าร่วมในสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์นั้น ใบเปลี่ยนอาชีพที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของกองทัพพวกเขาได้โดยตรงนั้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุด

แน่นอนว่าเขาก็คงจะไม่ลืมพัฒนาตัวเองเหมือนกัน!

กิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์เป็นทั้งกิจกรรมและการท้าทาย!

ลอร์ดพวกนี้พูดถูก มันมีโอกาสสูงที่จะมีลอร์ดตายในกิจกรรมนี้ นอกจากนี้มันยังมีโอกาสสูงที่จะมีลอร์ดตายมากกว่าในการทดสอบลอร์ดมือใหม่ เพื่อที่จะป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นหนึ่งในคนที่ตาย เขาจะใช้ทัศนคติแบบเดียวกันกับที่เขามีต่อการทดสอบลอร์ดมือใหม่เพื่อเผชิญหน้ากับกิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์นี้

จากนั้นเขาก็หยุดคิดและหยิบเอาขวดที่บรรจุสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลออกมา

เขามองไปยังหยดเลือดที่อยู่ภายใน และก็มีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้น

[ท่านต้องการดูดซับมันหรือไม่?]

“ต้องการ!” โจวโจวกล่าว

ในทันทีที่เขาพูดจบ หยดเลือดในขวดก็ลอยออกมาโดยอัตโนมัติและผสานเข้ากับกลางกระหม่อมของเขาอย่างช้าๆ

เลือดหยดนี้ไม่ได้ผสานเข้ากับร่างกายของเขาโดยตรง กลับกัน มันได้ลอยตรงเข้าไปที่วิญญาณของเขาในทะเลจิตสำนึกและหลอมรวมกับวิญญาณของเขา

โจวโจวเคยเห็นวิญญาณของเขามาก่อนเมื่อเขาใช้ทักษะร่างค้างคาวโลหิต มันเป็นดวงวิญญาณที่เปล่งแสงสีขาวขุ่นออกมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากหยดเลือดแห่งความโกลาหลผสานเข้ากับดวงวิญญาณของเขาแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าสีของดวงวิญญาณได้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

นอกเหนือจากนั้นเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่วิญญาณของเขาเปลี่ยนไปเป็นวิญญาณของมนุษย์แห่งความโกลาหล

หลังจากนั้นไม่นาน โจวโจวก็ลืมตาขึ้นมา

ในตอนแรกสีของม่านตาของเขายังคงสับสนอยู่ แต่พวกมันก็กลับมาเป็นสีดำปกติอย่างรวดเร็ว

ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมา

[สายเลือดมนุษย์แห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงินของท่านได้ถูกอัพเกรดเป็นสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหล!]

[สายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลในตอนนี้คือระดับเหล็กดำขั้นต้น!]

[ตอนนี้ท่านสามารถผสานเข้ากับสายเลือดของเผ่าพันธุ์อื่นได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรับและเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถทางสายเลือดจากเผ่าพันธุ์อื่น นอกจากนี้ ท่านยังสามารถเพิ่มระดับสายเลือดของสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลได้จนกว่าท่านจะพัฒนาระดับสายเลือดขึ้นเป็นระดับเทวะขั้นสูง]

[ประสาทสัมผัสทั้งหกของท่านได้รับการพัฒนาอย่างมาก!]

“นี่คือสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลงั้นเหรอ?”

โจวโจวมองไปที่ร่างกายของเขาด้วยความเหลือเชื่อ

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกเป็นอิสระตั้งแต่หัวจรดเท้า

มันราวกับว่าร่างกายของเขามีศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดที่สามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ

สำหรับกุญแจในการพัฒนานั้น มันก็คือสายเลือดของเผ่าพันธุ์อื่น!

“เหลือเชื่อ”

โจวโจวอึ้ง

“หืม ใครกัน?!”

โจวโจวมองไปในระยะไกล

ตู้ม!

หน้าต่างถูกผลักให้เปิดออกโดยพลังงานในร่างกายของโจวโจว ทำให้สายตาของเขามองลอดผ่านออกไปและมองไปที่เนินทรายที่อยู่ห่างออกไปกว่า 3,000 เมตรได้

ตรงนั้น โจวโจวมองเห็นร่างอันงดงามสองร่างที่กำลังมองมาที่เขา

หนึ่งในนั้นถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

เธอมีใบหน้าอันงดงามและสูงส่งมาก

เมื่อโจวโจวมองไปที่เธอ มันก็ราวกับว่าเขากำลังมองไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวหรือกำลังเป็นสักขีพยานในชะตากรรมที่คาดเดาไม่ได้

ส่วนอีกคนกระทั่งงดงามยิ่งกว่า

แต่ดูเหมือนเธอถูกพันธนาการด้วยเลือดและเปลวเพลิง

มันมีสงครามและความโชคร้ายอยู่รอบตัวของเธอ

เขารู้สึกราวกับร่างทั้งร่างของเขากำลังลุกเป็นไฟเพียงแค่ได้มองไปที่เธอ

ความรู้สึกนี้…

โจวโจวเคยรู้สึกถึงมันจากไป่อี้เมื่อเธอเพิ่งกลายเป็นผู้กล้า

และในตอนนี้ คนผู้นี้…

เขาดูเหมือนจะรู้จักเธอด้วย

“นาเดีย?” โจวโจวมองไปที่เธออย่างว่างเปล่า

นาเดียก็กำลังมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มด้วย

เธอกล่าวว่า “ขอบคุณนะ” และโบกมือลา

โจวโจวไม่ลังเลเลยเมื่อเขาเห็นเช่นนี้ เขาพุ่งออกไปจากลานของลอร์ดและพุ่งไปหาพวกเธอทั้งสองคน

ในไม่ช้าเขาก็มาถึงตำแหน่งที่สองคนนี้อยู่

แต่พวกเธอทั้งสองคนก็ได้หายตัวไปแล้ว

โจวโจวมองไปรอบๆ

ตอนนี้สายตาของเขาดีมาก เขาสามารถมองเห็นลวดลายบนปีกของยุงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตรได้เลย

อย่างไรก็ตาม เขาก็หาพวกเธอทั้งคู่ไม่พบ

ในเวลานั้นเอง เสียงที่ไม่มีตัวตนและเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในใจของโจวโจว

“สวัสดีเจ้าตะวันสาดแสง ข้ามาที่นี่ในเวลานี้ก็เพื่อสนองความต้องการของสหาย ข้าไม่ได้มีความตั้งใจจะมารบกวนท่าน โปรดอย่าตำหนิที่พวกเราบุ่มบ่ามมาที่นี่เลย นอกจากนี้ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยที่ได้กลายเป็นลอร์ดมือใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงินของท่าน ถ้ามีโอกาสในภายภาคหน้า จักรวรรดิเอลฟ์ก็ยินดีต้อนรับ พวกเรามีเรื่องต้องไปทำต่อ ดังนั้นพวกเราขอตัวก่อน”

หลังจากนั้น เสียงนั้นก็หายไป

โจวโจวตะโกนเรียกอยู่สองครั้ง แต่ในท้ายที่สุด เสียงนั้นก็ไม่ตอบสนองเขา

โจวโจวขมวดคิ้ว

อีกฝ่ายน่าจะไม่เห็นสิ่งที่เขาทำในห้อง เพราะลานของลอร์ดเป็นสิ่งปลูกสร้างจากเจตจำนงสูงสุด แม้แต่มังกรตัวเต็มวัยยังไม่สามารถทำลายมันได้เลย นับประสาอะไรกับการสอดแนม

“แค่มาเจอฉันงั้นเหรอ?” เขาคิดถึงนาเดีย

“งั้นเธอก็ฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงหายไปจากโบราณสถานกาลเวลาสินะ เป็นไปได้ไหมว่าเธอยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นในซากปรักหักพังกาลเวลาได้ ดังนั้นเธอจึงมาหาฉัน?”

โจวโจวคิดถึงความเป็นไปได้นี้อย่างรวดเร็ว

รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา

“ไม่เป็นไร ด้วยความยินดี ในอนาคตก็เลี้ยงข้าวข้าสักมื้อละกัน”

หลังจากมองไปรอบๆ เขาก็โบกมือลาและจากไป

ครู่ต่อมา ในทะเลทรายอันแสนไกล โหรเมโอลต์และนาเดียก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

“ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะมาได้ไกลขนาดนี้ บางทีพวกเราคงจะได้เจอกันอีก” นาเดียยิ้ม

เจ้าตะวันสาดแสงในความทรงจำของเธอได้ประสบความสำเร็จเช่นนี้แล้ว เธอย่อมมีความสุขอย่างแท้จริง

จากนั้นนาเดียก็มองไปยังเมโอลต์

“ท่านโหรเมโอลต์ มารยาทของท่านเมื่อครู่ดีมากจริงๆ ขอบคุณที่ให้ความเคารพกับเขามากขนาดนั้น”

นาเดียขอบคุณเธอ

เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมา แต่เธอก็รู้เกี่ยวกับอารมณ์และลักษณะของคนตรงหน้าเธอเป็นอย่างดี

ในพระราชวังหลวง โหรระดับตำนานขั้นสูงคนนี้จะแสดงความเคารพเป็นอย่างสูงต่อจักรพรรดินีเท่านั้น

สำหรับขุนนางเอลฟ์คนอื่นๆ… เธอมักจะหยิ่งผยองและดูถูกพวกเขามาโดยตลอด

นาเดียคิดหาวิธีทำให้การพบกันครั้งนี้เป็นมิตรมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอมา เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้นกับโจวโจวออกไปจริงๆ

หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะเจ้าตะวันสาดแสงได้กลายเป็นลอร์ดมือใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว? เธอคาดเดา

จากนั้นนาเดียก็ตระหนักได้ว่าท่านโหรเมโอลต์ผู้หยิ่งผยองและสูงส่งยังไม่ได้พูดอะไรกลับมา

“ท่านโหร ท่านฟังข้าอยู่รึเปล่า?”

นาเดียถามด้วยความสงสัย

จากนั้นเธอก็เห็นใบหน้าของเมโอลต์ใต้ผ้าคลุม

ใบหน้าของเธอซีด และหน้าผากของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น เธอดูราวกับว่ากำลังตกใจอยู่

“ท่านโหร เกิดอะไรขึ้น”

นาเดียถามด้วยความประหลาดใจ

เมโอลต์ไม่ได้ตอบกลับในทันที

เธอต้องใช้เวลาฟื้นตัวอยู่นาน

“ข้าเห็นใบหน้าของเจ้าตะวันสาดแสง และเมื่อครู่เมื่อข้าต้องการเห็นให้มากขึ้น ข้าก็เห็นการดำรงอยู่ของเจตจำนงสูงสุด!”

โหรเมโอลต์ใจเย็นลงมาแล้ว

“ดูเหมือนว่าเจ้าตะวันสาดแสงผู้นี้จะทำผลงานได้ดีมากในการทดสอบนี้ เขาจึงดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสูงสุดได้ พวกเราจะกลับไปรายงานให้ท่านจักรพรรดินีฟังทันที พวกเราต้องเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อลอร์ดผู้นี้ในอนาคต” เธอกล่าว

นาเดียอึ้ง

เจตจำนงสูงสุดเองก็ให้ความสนใจกับเจ้าตะวันสาดแสงด้วยงั้นเหรอ?

เมโอลต์ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เธอได้ใช้คัมภีร์สีทองในทันที จากนั้นทั้งสองคนก็หายตัวไปพร้อมกับลำแสงสีทอง

ณ เมืองตะวันสาดแสง ในห้องนั่งเล่นของลานของลอร์ด

“ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับนาเดียในชีวิตจริง ฉันคิดว่านาเดียจะมีตัวตนอยู่แค่ในโบราณสถานกาลเวลาซะอีก”

โจวโจวโอดครวญ

จากนั้นเขาก็หยุดคิดและศึกษาสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลของเขาต่อ

“จู่ๆ ฉันก็สัมผัสได้ถึงสายตาของนาเดียและเอลฟ์อีกคน มันน่าจะเป็นเพราะประสาทสัมผัสทั้งหกได้รับการพัฒนาจากสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหล”

โจวโจวคิด

แม้ว่าความสามารถนี้จะไม่สามารถใช้โจมตีอีกฝ่ายตรงๆ ได้ แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับการใช้ป้องกันการลอบโจมตีหรือสอดแนม

ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่เขาในฐานะลอร์ดที่ไม่จำเป็นต้องออกไปสู้เองนั้นต้องการมาก

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและหยิบเอาสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำที่เขาได้รับมาจากศพของแวมไพร์

เมื่อเขาเห็นข้อมูลของมัน เขาก็อึ้งไป

นี่เป็นเพราะข้อมูลเกี่ยวกับสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ในตอนท้าย มันก็ได้มีรายละเอียดใหม่ปรากฏขึ้นมา

[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล 1: สามารถลบล้างรอยประทับของสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับสูงบนสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำออกไปได้หลังจากมนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน มนุษย์แห่งความโกลาหลจะไม่ได้รับผลจากการสะกดข่มทางสายเลือดจากเผ่าพันธุ์โลหิตระดับสูง]

[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล 2: หลังจากมนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน พวกเขาจะไม่ได้รับผลจากโรคกระหายเลือด]

[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล 3: หลังจากมนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน พวกเขาจะไม่ถูกสะกดข่มโดยธาตุที่เป็นปรปักษ์อย่างเช่นธาตุแสง]

“มันสามารถทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”

โจวโจวอึ้ง