“สมรภูมิแห่งสรรพเผ่าพันธุ์งั้นเหรอ?”
เมื่อโจวโจวเห็นการแจ้งเตือนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัวเท่านั้น แต่เขาตื่นเต้นขึ้นมาอีกด้วย
ในที่สุดเขาก็จะได้เผชิญหน้ากับศึกที่แท้จริงของศึกชิงเจ้าแห่งลอร์ดซะที!
เขาเปิดกระดานสนทนาขึ้นมา
ลอร์ดคนอื่นจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินก็กำลังพูดคุยกันถึงกิจกรรมล่าสุดเหมือนกัน
“กิจกรรมลอร์ดอย่างเป็นทางการงั้นเหรอ! บ้าเอ้ย มันจะมีเผ่าพันธุ์อื่นๆ เยอะขนาดไหนกัน?!”
“ไม่มีทาง พวกมันให้ฉันพักแค่ 2 วันเนี่ยนะ? อย่างน้อยก็ขออีกสัก 7 วันได้ไหม”
“พวกเราจะได้ต่อสู้กับลอร์ดจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในอนาคตไหม?”
“ฉันจะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นมาในกิจกรรมนี้แน่ๆ!”
“ฉันแนะนำให้ทุกคนอย่าสับสนกับคำว่า ‘กิจกรรม’ นะ สมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์น่าจะต้องอันตรายมากกว่าการทดสอบลอร์ดมือใหม่แน่ๆ!”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ทุกคนควรพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เต็มที่ในสองวันนี้ ฉันไม่อยากจะรอดมาจากการทดสอบลอร์ดมือใหม่เพื่อมาตายในสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์หรอกนะ”
“พันธมิตรโลหิตมังกรกำลังรับสมัครอยู่! เข้าร่วมกับพวกเราและสนับสนุนกัน มาเอาชีวิตรอดไปจากกิจกรรมนี้ด้วยกันเถอะ!”
“พันธมิตรโลหิตมังกรงั้นเหรอ? ผู้นำของนายยังได้อันดับต่ำกว่าลอร์ดเทพมังกรซะอีก”
“พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ทำไมลอร์ดเทพมังกรกับเจ้าแห่งแมลงถึงไม่ปรากฏตัวบนกระดานสนทนาบ้างเลย?”
“จะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ? ซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเอง รอเวลา และพัฒนาอย่างเงียบๆ พี่เทพหลายคนก็เป็นแบบนั้นกันทั้งนั้น”
“มันอยู่ในอันดับลอร์ดมือใหม่แล้ว เราจะพัฒนาอะไรได้อีก? นอกจากนี้พวกเราก็กำลังพูดถึงในกระดานสนทนาเท่านั้น พวกเราไม่เห็นพวกเขาในกระดานสนทนาเลยนะ”
“นายได้เพิ่มพวกเขาเป็นเพื่อนรึยัง? ฉันลองดูแล้ว แต่เพราะอะไรไม่รู้ ฉันเลยเพิ่มพวกเขาเป็นเพื่อนไม่ได้เลย”
“ทำไมนายต้องสนใจพวกเขามากขนาดนั้นด้วย? ถ้านายไม่อยากตายก็รีบเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์ได้แล้ว”
…
โจวโจวถอนสายตากลับมา และครุ่นคิด
กิจกรรมสำหรับลอร์ดอย่างเป็นทางการกิจกรรมแรกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ลอร์ดต้องการเติมเต็มและเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาให้มากที่สุด
บางทีเขาอาจจะใช้เวลาสองวันนี้เพื่อขายของบางอย่างในราคาสูงและทำเงินได้ก้อนโต
เขามีความคิดคร่าวๆ แล้วหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
มันหมดยุคของการขายเนื้อมอนสเตอร์แล้ว
สำหรับลอร์ดที่ต้องการเข้าร่วมในสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์นั้น ใบเปลี่ยนอาชีพที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของกองทัพพวกเขาได้โดยตรงนั้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุด
แน่นอนว่าเขาก็คงจะไม่ลืมพัฒนาตัวเองเหมือนกัน!
กิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์เป็นทั้งกิจกรรมและการท้าทาย!
ลอร์ดพวกนี้พูดถูก มันมีโอกาสสูงที่จะมีลอร์ดตายในกิจกรรมนี้ นอกจากนี้มันยังมีโอกาสสูงที่จะมีลอร์ดตายมากกว่าในการทดสอบลอร์ดมือใหม่ เพื่อที่จะป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นหนึ่งในคนที่ตาย เขาจะใช้ทัศนคติแบบเดียวกันกับที่เขามีต่อการทดสอบลอร์ดมือใหม่เพื่อเผชิญหน้ากับกิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์นี้
จากนั้นเขาก็หยุดคิดและหยิบเอาขวดที่บรรจุสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลออกมา
เขามองไปยังหยดเลือดที่อยู่ภายใน และก็มีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้น
[ท่านต้องการดูดซับมันหรือไม่?]
“ต้องการ!” โจวโจวกล่าว
ในทันทีที่เขาพูดจบ หยดเลือดในขวดก็ลอยออกมาโดยอัตโนมัติและผสานเข้ากับกลางกระหม่อมของเขาอย่างช้าๆ
เลือดหยดนี้ไม่ได้ผสานเข้ากับร่างกายของเขาโดยตรง กลับกัน มันได้ลอยตรงเข้าไปที่วิญญาณของเขาในทะเลจิตสำนึกและหลอมรวมกับวิญญาณของเขา
โจวโจวเคยเห็นวิญญาณของเขามาก่อนเมื่อเขาใช้ทักษะร่างค้างคาวโลหิต มันเป็นดวงวิญญาณที่เปล่งแสงสีขาวขุ่นออกมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากหยดเลือดแห่งความโกลาหลผสานเข้ากับดวงวิญญาณของเขาแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าสีของดวงวิญญาณได้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
นอกเหนือจากนั้นเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่วิญญาณของเขาเปลี่ยนไปเป็นวิญญาณของมนุษย์แห่งความโกลาหล
หลังจากนั้นไม่นาน โจวโจวก็ลืมตาขึ้นมา
ในตอนแรกสีของม่านตาของเขายังคงสับสนอยู่ แต่พวกมันก็กลับมาเป็นสีดำปกติอย่างรวดเร็ว
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมา
[สายเลือดมนุษย์แห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงินของท่านได้ถูกอัพเกรดเป็นสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหล!]
[สายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลในตอนนี้คือระดับเหล็กดำขั้นต้น!]
[ตอนนี้ท่านสามารถผสานเข้ากับสายเลือดของเผ่าพันธุ์อื่นได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรับและเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถทางสายเลือดจากเผ่าพันธุ์อื่น นอกจากนี้ ท่านยังสามารถเพิ่มระดับสายเลือดของสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลได้จนกว่าท่านจะพัฒนาระดับสายเลือดขึ้นเป็นระดับเทวะขั้นสูง]
[ประสาทสัมผัสทั้งหกของท่านได้รับการพัฒนาอย่างมาก!]
“นี่คือสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลงั้นเหรอ?”
โจวโจวมองไปที่ร่างกายของเขาด้วยความเหลือเชื่อ
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกเป็นอิสระตั้งแต่หัวจรดเท้า
มันราวกับว่าร่างกายของเขามีศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดที่สามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ
สำหรับกุญแจในการพัฒนานั้น มันก็คือสายเลือดของเผ่าพันธุ์อื่น!
“เหลือเชื่อ”
โจวโจวอึ้ง
“หืม ใครกัน?!”
โจวโจวมองไปในระยะไกล
ตู้ม!
หน้าต่างถูกผลักให้เปิดออกโดยพลังงานในร่างกายของโจวโจว ทำให้สายตาของเขามองลอดผ่านออกไปและมองไปที่เนินทรายที่อยู่ห่างออกไปกว่า 3,000 เมตรได้
ตรงนั้น โจวโจวมองเห็นร่างอันงดงามสองร่างที่กำลังมองมาที่เขา
หนึ่งในนั้นถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เธอมีใบหน้าอันงดงามและสูงส่งมาก
เมื่อโจวโจวมองไปที่เธอ มันก็ราวกับว่าเขากำลังมองไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวหรือกำลังเป็นสักขีพยานในชะตากรรมที่คาดเดาไม่ได้
ส่วนอีกคนกระทั่งงดงามยิ่งกว่า
แต่ดูเหมือนเธอถูกพันธนาการด้วยเลือดและเปลวเพลิง
มันมีสงครามและความโชคร้ายอยู่รอบตัวของเธอ
เขารู้สึกราวกับร่างทั้งร่างของเขากำลังลุกเป็นไฟเพียงแค่ได้มองไปที่เธอ
ความรู้สึกนี้…
โจวโจวเคยรู้สึกถึงมันจากไป่อี้เมื่อเธอเพิ่งกลายเป็นผู้กล้า
และในตอนนี้ คนผู้นี้…
เขาดูเหมือนจะรู้จักเธอด้วย
“นาเดีย?” โจวโจวมองไปที่เธออย่างว่างเปล่า
นาเดียก็กำลังมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มด้วย
เธอกล่าวว่า “ขอบคุณนะ” และโบกมือลา
โจวโจวไม่ลังเลเลยเมื่อเขาเห็นเช่นนี้ เขาพุ่งออกไปจากลานของลอร์ดและพุ่งไปหาพวกเธอทั้งสองคน
ในไม่ช้าเขาก็มาถึงตำแหน่งที่สองคนนี้อยู่
แต่พวกเธอทั้งสองคนก็ได้หายตัวไปแล้ว
โจวโจวมองไปรอบๆ
ตอนนี้สายตาของเขาดีมาก เขาสามารถมองเห็นลวดลายบนปีกของยุงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตรได้เลย
อย่างไรก็ตาม เขาก็หาพวกเธอทั้งคู่ไม่พบ
ในเวลานั้นเอง เสียงที่ไม่มีตัวตนและเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในใจของโจวโจว
“สวัสดีเจ้าตะวันสาดแสง ข้ามาที่นี่ในเวลานี้ก็เพื่อสนองความต้องการของสหาย ข้าไม่ได้มีความตั้งใจจะมารบกวนท่าน โปรดอย่าตำหนิที่พวกเราบุ่มบ่ามมาที่นี่เลย นอกจากนี้ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยที่ได้กลายเป็นลอร์ดมือใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงินของท่าน ถ้ามีโอกาสในภายภาคหน้า จักรวรรดิเอลฟ์ก็ยินดีต้อนรับ พวกเรามีเรื่องต้องไปทำต่อ ดังนั้นพวกเราขอตัวก่อน”
หลังจากนั้น เสียงนั้นก็หายไป
โจวโจวตะโกนเรียกอยู่สองครั้ง แต่ในท้ายที่สุด เสียงนั้นก็ไม่ตอบสนองเขา
โจวโจวขมวดคิ้ว
อีกฝ่ายน่าจะไม่เห็นสิ่งที่เขาทำในห้อง เพราะลานของลอร์ดเป็นสิ่งปลูกสร้างจากเจตจำนงสูงสุด แม้แต่มังกรตัวเต็มวัยยังไม่สามารถทำลายมันได้เลย นับประสาอะไรกับการสอดแนม
“แค่มาเจอฉันงั้นเหรอ?” เขาคิดถึงนาเดีย
“งั้นเธอก็ฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงหายไปจากโบราณสถานกาลเวลาสินะ เป็นไปได้ไหมว่าเธอยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นในซากปรักหักพังกาลเวลาได้ ดังนั้นเธอจึงมาหาฉัน?”
โจวโจวคิดถึงความเป็นไปได้นี้อย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
“ไม่เป็นไร ด้วยความยินดี ในอนาคตก็เลี้ยงข้าวข้าสักมื้อละกัน”
หลังจากมองไปรอบๆ เขาก็โบกมือลาและจากไป
ครู่ต่อมา ในทะเลทรายอันแสนไกล โหรเมโอลต์และนาเดียก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะมาได้ไกลขนาดนี้ บางทีพวกเราคงจะได้เจอกันอีก” นาเดียยิ้ม
เจ้าตะวันสาดแสงในความทรงจำของเธอได้ประสบความสำเร็จเช่นนี้แล้ว เธอย่อมมีความสุขอย่างแท้จริง
จากนั้นนาเดียก็มองไปยังเมโอลต์
“ท่านโหรเมโอลต์ มารยาทของท่านเมื่อครู่ดีมากจริงๆ ขอบคุณที่ให้ความเคารพกับเขามากขนาดนั้น”
นาเดียขอบคุณเธอ
เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมา แต่เธอก็รู้เกี่ยวกับอารมณ์และลักษณะของคนตรงหน้าเธอเป็นอย่างดี
ในพระราชวังหลวง โหรระดับตำนานขั้นสูงคนนี้จะแสดงความเคารพเป็นอย่างสูงต่อจักรพรรดินีเท่านั้น
สำหรับขุนนางเอลฟ์คนอื่นๆ… เธอมักจะหยิ่งผยองและดูถูกพวกเขามาโดยตลอด
นาเดียคิดหาวิธีทำให้การพบกันครั้งนี้เป็นมิตรมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอมา เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้นกับโจวโจวออกไปจริงๆ
หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะเจ้าตะวันสาดแสงได้กลายเป็นลอร์ดมือใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว? เธอคาดเดา
จากนั้นนาเดียก็ตระหนักได้ว่าท่านโหรเมโอลต์ผู้หยิ่งผยองและสูงส่งยังไม่ได้พูดอะไรกลับมา
“ท่านโหร ท่านฟังข้าอยู่รึเปล่า?”
นาเดียถามด้วยความสงสัย
จากนั้นเธอก็เห็นใบหน้าของเมโอลต์ใต้ผ้าคลุม
ใบหน้าของเธอซีด และหน้าผากของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น เธอดูราวกับว่ากำลังตกใจอยู่
“ท่านโหร เกิดอะไรขึ้น”
นาเดียถามด้วยความประหลาดใจ
เมโอลต์ไม่ได้ตอบกลับในทันที
เธอต้องใช้เวลาฟื้นตัวอยู่นาน
“ข้าเห็นใบหน้าของเจ้าตะวันสาดแสง และเมื่อครู่เมื่อข้าต้องการเห็นให้มากขึ้น ข้าก็เห็นการดำรงอยู่ของเจตจำนงสูงสุด!”
โหรเมโอลต์ใจเย็นลงมาแล้ว
“ดูเหมือนว่าเจ้าตะวันสาดแสงผู้นี้จะทำผลงานได้ดีมากในการทดสอบนี้ เขาจึงดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสูงสุดได้ พวกเราจะกลับไปรายงานให้ท่านจักรพรรดินีฟังทันที พวกเราต้องเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อลอร์ดผู้นี้ในอนาคต” เธอกล่าว
นาเดียอึ้ง
เจตจำนงสูงสุดเองก็ให้ความสนใจกับเจ้าตะวันสาดแสงด้วยงั้นเหรอ?
เมโอลต์ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เธอได้ใช้คัมภีร์สีทองในทันที จากนั้นทั้งสองคนก็หายตัวไปพร้อมกับลำแสงสีทอง
…
ณ เมืองตะวันสาดแสง ในห้องนั่งเล่นของลานของลอร์ด
“ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับนาเดียในชีวิตจริง ฉันคิดว่านาเดียจะมีตัวตนอยู่แค่ในโบราณสถานกาลเวลาซะอีก”
โจวโจวโอดครวญ
จากนั้นเขาก็หยุดคิดและศึกษาสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลของเขาต่อ
“จู่ๆ ฉันก็สัมผัสได้ถึงสายตาของนาเดียและเอลฟ์อีกคน มันน่าจะเป็นเพราะประสาทสัมผัสทั้งหกได้รับการพัฒนาจากสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหล”
โจวโจวคิด
แม้ว่าความสามารถนี้จะไม่สามารถใช้โจมตีอีกฝ่ายตรงๆ ได้ แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับการใช้ป้องกันการลอบโจมตีหรือสอดแนม
ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่เขาในฐานะลอร์ดที่ไม่จำเป็นต้องออกไปสู้เองนั้นต้องการมาก
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและหยิบเอาสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำที่เขาได้รับมาจากศพของแวมไพร์
เมื่อเขาเห็นข้อมูลของมัน เขาก็อึ้งไป
นี่เป็นเพราะข้อมูลเกี่ยวกับสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ในตอนท้าย มันก็ได้มีรายละเอียดใหม่ปรากฏขึ้นมา
…
[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล 1: สามารถลบล้างรอยประทับของสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับสูงบนสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำออกไปได้หลังจากมนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน มนุษย์แห่งความโกลาหลจะไม่ได้รับผลจากการสะกดข่มทางสายเลือดจากเผ่าพันธุ์โลหิตระดับสูง]
[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล 2: หลังจากมนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน พวกเขาจะไม่ได้รับผลจากโรคกระหายเลือด]
[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล 3: หลังจากมนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน พวกเขาจะไม่ถูกสะกดข่มโดยธาตุที่เป็นปรปักษ์อย่างเช่นธาตุแสง]
“มันสามารถทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
โจวโจวอึ้ง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved