ตอนที่ 88

บทที่ 88 ทำไมเจ้าถึงทำแบบนั้น?

“ ให้ตายเถอะ สมแล้วที่เป็นช่วงเวลาก่อนจะครบรอบ 100 ปี บางคนเริ่มจะนั่งเฉยๆ ไม่ได้แล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถจัดการได้อีกต่อไป ข้าจะต้องไปตามหาท่านพ่อ!”

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยในทันที

ก่อนอื่นเขาสำรวจสภาพแวดล้อมรอบที่พักอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเทน้ำทั้งหมดในห้องทิ้ง และสุดท้าย เขาก็แสร้งทำเป็นเข้านอน

ก่อนรุ่งสางในตอนที่ท้องฟ้ายังมืด

หวังฉิงเหอก็ยืนขึ้นและก้าวออกจากประตู ด้วยการกระโดด เขาก็ออกจากลานและพุ่งออกจากมณฑลหลางด้วยความเร็วที่เร็วมาก

ขณะเดียวกัน ซุยเฮ็งก็กำลังตามเขาไปติดๆ โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกตัวเลย

….

เห็นได้ชัดว่าหวังฉิงเหอเป็นคนที่ห่วงใยครอบครั1วของเขามาก

ซุยเฮ็งได้รู้สิ่งนี้จากตอนที่เขาอยู่ในห้องประชุม ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็คือคนที่สามารถละทิ้งลูกชายของเขาเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวได้

ด้วยเหตุนี้เอง ซุยเฮ็งจึงได้เตรียมแผนสองไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ประการแรก เขาจะใช้กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อปิดกั้นประสาทสัมผัสของหวังฉิงเหอและสร้างฉากเงาสะท้อนในน้ำเพื่อเปลี่ยนวิธีที่เขารับรู้โลกและปล่อยให้เขาได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดของร่างกายที่ถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ

ถ้าเขาสามารถทำให้หวังฉิงเหอตื่นตระหนกได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่นโดยธรรมชาติ

แค้ถ้าเขาไม่สามารถทำให้ผู้ชายคนนี้ตื่นตระหนกได้ เขาก็จะต้องใช้แผนสอง

สำหรับคนอย่างหวังฉิงเหอที่อุทิศตนเพื่อครอบครัว เมื่อเขาพบกับเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ เขาก็จะต้องคิดอย่างแน่นอนว่าผลประโยชน์ของครอบครัวจะได้รับผลกระทบหรือไม่

ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่มีความสามารถในการจัดการ

ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะมองหาคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออย่างน้อยก็คนที่มีความสามารถมากกว่าเขา

และในฐานะหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่โด่งดัง ตระกูลหวังแห่งหลางหยาก็จะต้องมียอดฝีมือขอบเขตเทพอย่างแน่นอน!

ตราบเท่าที่เขาสามารถมองหายอดฝีมือขอบเขตเทพของตระกูลหวังได้ เป้าหมายของซุยเฮ็งก็จะสามารถบรรลุได้เช่นกัน

….

หวังฉิงเหออยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตสัมผัสโลกา เขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ขอบเขตเทพ ด้วยเหตุนี้เอง ความเร็วของเขาจึงเร็วมาก

หลังจากออกมาจากมณฑลหลางหยา เขาก็มาถึงถ้ำบนภูเขาที่อยู่ห่างออกไป 300 ลี้อย่างรวดเร็ว

หวังฉิงเหอคุกเข่าลงและโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ ท่านพ่อ ฉิงเหอขอเข้าเฝ้า”

ครู่ต่อมา เสียงที่ไม่แยแสก็ดังมาจากข้างใน “ เข้ามา”

หวังฉิงเหอเผยให้เห็นรอยยิ้มอันมีความสุขในทันทีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขารีบยืนขึ้นและเดินเข้าไปในถ้ำขณะที่ซุยเฮ็งก็เดินตามเขาเข้าไปติดๆ

ในความเห็นของซุยเฮ็ง สิ่งที่เรียกว่าถ้ำนี้ก็ค่อนข้างเรียบง่าย

มันไม่ใหญ่ อย่างมากที่สุดมันก็กว้างประมาณ 50 ตารางเมตรและสูงสามเมตร มันมีโต๊ะหิน, เก้าอี้หินสามตัว และเตียงหิน

ชายชราผมขาวไว้หนวดเครายาวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหิน

“ ขอบเขตเทพ!”

ดวงตาของซุยเฮ็งเป็นประกายในขณะที่เขามองไปที่ชายชรา

เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันแปลกประหลาดจากชายชราคนนี้ มันเป็นออร่าที่เหนือกว่าขอบเขตสัมผัสโลกาอย่างสมบูรณ์

และแหล่งที่มาของพลังนี้ก็มาจากศีรษะของชายชรา

เขาได้สร้างโลกใบเล็กและใช้พลังแห่งชีวิตจากโลกภายนอกเพื่อพัฒนาโลกใบเล็กของตน และสิ่งนี้ก็ทำให้ร่างกายของเขามี ‘พลังพิเศษ’ ที่ไม่ธรรมดา

“ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าขอบเขตสมบัติเทวะอย่างงั้นหรอ แท้จริงแล้ว มันก็เป็นการกลายพันธุ์ของร่างกายโดยใช้วิธีการหมุนเวียนพลังชีวิตในแบบที่เฉพาะเจาะจง” ซุยเฮ็งเข้าใจได้ในทันทีว่าการฝึกตนของขอบเขตสมบัติเทวะคืออะไร

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าการเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของชายชรานั้นใกล้จะเข้าสู่ระดับสมบูรณ์แล้ว มันกำลังจะถึงขีดจำกัดของโลกใบเล็กแล้ว

นี่หมายความว่าชายชราคนนี้อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตสมบัติเทวะ?

หลังจากที่ซุยเฮ็งค้นพบสิ่งนี้ การแสดงออกบนใบหน้าของเขาก็ดูแปลกมากในทันที ราวกับว่าเขาได้เรียนรู้ความจริงที่ไร้สาระ

“ ขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ด มันเทียบได้กับขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ดเท่านั้นเอง!     แถมมันยังไม่ถึงจุดสูงสุดของขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ดเลยด้วยซ้ำ นี่แท้จริงแล้วขอบเขตเทพก็เทียบได้กับขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ดเท่านั้นเองงั้นหรอ? ให้ตายเถอะ…”

เขาเกือบจะสบถออกมา

เนื่องจากการประเมินขอบเขตเทพนั้นผิดพลาด ดังนั้นขอบเขตเซียนมนุษย์และอื่นๆ จึงกลายเป็นผิดพลาดเช่นกัน

“ นี่ขอบเขตเซียนสวรรค์จะสามารถเทียบกับขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้ไหมเนี่ย?!”

ซุยเฮ็งรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังชา เขาอยากจะเห็นหน้าไอ้คนที่คิดเรื่องขอบเขต 21 ขั้นแห่งมนุษย์และเซียนเหลือเกิน

นี่มันไร้สาระเกินไป!

ถ้าเซียนสวรรค์เทียบได้กับขอบเขตก่อเกิดรากฐานเพียงเท่านั้น งั้นขอบเขตเซียนมนุษย์และเซียนปฐพีจะไม่…

สิ่งที่เรียกว่าเซียนมนุษย์แห่งโลกเบื้องบนนั้นเป็นเพียงกลุ่มคนที่เทียบได้กับขอบเขตสกัดปราณขั้นแปดเท่านั้นเองหรอ?

ช่างน่าขัน!

นี่มันช่างไร้สาระ!

ในกรณีนี้ มันก็แสดงว่าเขามีพลังอำนาจพอแล้วที่จะกวาดล้างโลกเบื้องบนทั้งหมด?

“ นี่มันไม่ถูกต้อง!” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ตื่นขึ้นจากภวังค์ “ ฉันไม่สามารถคิดแบบนั้นได้ การประมาทมีแต่จะทำให้เราตกที่นั่งลำบาก”

“ แม้ว่าเซียนสวรรค์จะเทียบได้กับขอบเขตก่อเกิดรากฐานจริงๆ แต่เราก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าโลกเบื้องบนที่อาจจะเป็นโลกสูญสวรรค์นั้นจะไม่มีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเซียนสวรรค์”

“ ตอนนี้ฉันเริ่มจะได้ใจมากเกินไปแล้ว! ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ทองคำตัวเล็กๆ อย่างฉันยังไม่ควรที่จะประมาทจนเกินไป ฉันยังต้องระมัดระวังเอาไว้อยู่ตลอดเวลา!”

ในขณะที่ซุยเฮ็งกำลังเฝ้าดูชายชราและทบทวนกับตัวเอง หวังฉิงเหอก็ได้อธิบายเหตุการณ์ในช่วงนี้และเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเขาให้ชายชราฟัง

“ ท่านพ่อ ท่านคิดว่าข้าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี?” หวังฉิงเหอถามด้วยความเคารพ

“ ฉิงเหอ เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้ายอมแพ้ที่จะช่วยเซิงเอ๋อก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการติดกับดักใช่ไหม?” ชายชราถามแทนที่จะตอบ

การแสดงออกของหวังฉิงเหอแข็งทื่อเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ แต่เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า “ ใช่แล้วท่านพ่อ อย่างที่ท่านทราบ เหตุการณ์ 100 ปีใกล้จะมาถึงแล้ว…”

เพี้ยะ!

ชายชราตบหน้าหวังฉิงเหอโดยทันทีและตะคอกอย่างเย็นชา “ เจ้าทำให้ตระกูลหวังแห่งหลางหยาของข้าต้องอับอายขายหน้า! ถ้าครบ 100 ปีแล้วมันยังไงล่ะ? เจ้าคิดจริงๆ หรอว่ามันมีคนที่จะสามารถแข่งขันกับตระกูลหวังของข้าได้?”

“ ช่างน่าขัน นับตั้งแต่ตระกูลหวังของเราก่อตั้งต้าจินขึ้นมา เราก็แข็งแกร่งขึ้นจนยากจะหยั่งถึง เราแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แบบนี้แล้วใครกันในเฟิงโจวและหยานโจวที่จะยังสามารถเทียบกับตระกูลหวังของเราได้?”

“ โอกาสเซียนในครั้งนี้จะต้องเป็นของตระกูลหวังอย่างแน่นอน แม้ว่ากลุ่มอื่นๆ จะวางแผนอย่างลับๆ เอาไว้ แต่พวกเขาก็ยังเป็นแค่ตัวตลกที่กระโดดไปมาและไม่มีค่าให้ต้องพูดถึง!”

“ ถึงอย่างนั้น เจ้าก็กลับยอมแพ้ที่จะช่วยลูกชายของเจ้าเพื่อสิ่งนี้และปล่อยให้เรื่องราวที่น่าขยะแขยงและน่าละอายเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วหยานโจว เจ้าทำลายชื่อเสียงของตระกูลที่สืบทอดกันมานับพันปีของเรา เจ้าโง่! เจ้าโง่! เจ้านี่มันโง่จริงๆ!”

“ ท่านพ่อ ข้า…” หวังฉิงเหอต้องการจะอธิบาย แต่สถานการณ์ในปัจจุบันมันก็ไม่ง่ายเลย

“ หุบปาก!” ชายชราไม่เปิดโอกาสให้หวังฉิงเหอได้พูด เขาลุกขึ้นจากเตียงหินและเดินมาที่ด้านหน้าของหวังฉิงเหอ จากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดังว่า “ เจ้าจะต้องนำเซิงเอ๋อกลับมาให้ได้ภายในสิบวัน!”

“ นอกจากนี้ ผู้ว่าการมณฑลลู่ก็จะต้องถูกจับเฉือนเป็นชิ้นๆ ศพของมันจะต้องถูกแขวนประจานไว้อยู่บนประตูเมืองเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อกู้หน้าและชื่อเสียงของตระกูลหวัง!”

“ เจ้าจะต้องทำทั้งสองสิ่งนี้ให้ดี มิฉะนั้นเจ้าก็เตรียมรับโทษที่จะตามมาไว้ได้เลย ข้าจะใช้กฎของตระกูลและทำให้การฝึกตนของเจ้ากลายเป็นง่อยแล้วค่อยขับไล่เจ้าออกไปจากตระกูล!”