“แค่นี้เองเหรอ?”
โจวโจวมองไปยังสมรภูมิตรงหน้าของเขาและอวตารหมาป่าละโมบที่ยืนอยู่อย่างสง่างามบนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจในส่วนลึกของแววตา
จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
อวตารหมาป่าละโมบนี้ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก!
เดิมทีเขาคิดว่าไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาจะเป็นเนซาริโอ้ระดับทองคำเหลืองขั้นสูงและกองทัพที่กำลังเติบโตทั้งสองกลุ่มนอกเหนือจากเจตจำนงผู้พิฆาตมังกร
เขาไม่คาดคิดเลยว่าอวตารหมาป่าละโมบจะทรงพลังขนาดนี้
ความแข็งแกร่งในระดับนี้เกินกว่าพลังของเนซาริโอ้ไปไกลเลย!
นอกเหนือจากพรสวรรค์แห่งลอร์ดลำเนาผู้พิฆาตมังกรที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว อวตารหมาป่าละโมบก็ถือว่าเป็นวิธีการที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถใช้ได้เรื่อยๆ เลย
หลังจากนั้นไป่อี้ก็เดินเข้ามารายงานสถานการณ์
จากนั้นโจวโจวก็ดีใจมากที่รู้ว่าไม่มีใครตายในศึกนี้เลย
ไม่มีสักคนด้วยที่ได้รับบาดเจ็บ!
อย่างมากทหารก็แค่เหนื่อยเล็กน้อยเท่านั้น
จากนั้นไป่อี้ก็อธิบายเหตุผลให้โจวโจวฟัง
นี่เป็นเพราะเมื่อทหารใช้ค่ายกลหมาป่าละโมบเห่าหอนจันทราและเมื่ออวตารหมาป่าละโมบปรากฏกาย ทหารที่ตั้งค่ายกลก็จะได้รับการปกป้องจากมัน ความเสียหายจากโลกภายนอกจะไม่เป็นอันตรายต่อทหารในค่ายกลหมาป่าละโมบเห่าหอนจันทราเลย
ทางเดียวที่จะทำร้ายทหารที่ตั้งค่ายกลได้ก็คือการทำลายอวตารหมาป่าละโมบ!
เมื่ออวตารหมาป่าละโมบถูกทำลาย ในฐานะผู้ใช้และรากฐานของอวตารหมาป่าละโมบ จิตวิญญาณและร่างกายของเหล่าทหารก็จะได้รับบาดเจ็บไปในเวลาเดียวกัน
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและจำนวนของทหาร
ยิ่งทหารแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็จะยิ่งได้รับบาดเจ็บน้อยลงไปเท่านั้น ซึ่งโทเท็มหมาป่าละโมบก็สามารถรวบรวมทหารได้สูงสุด 200,000 คนเพื่อเป็นรากฐานให้กับค่ายกล
แม้ว่าเขาจะใช้ทหารเพียง 80,000 คนเพื่อรีดเร้นความแข็งแกร่งของหมาป่าละโมบออกมาอย่างถึงที่สุด แต่ถ้ามีทหารอีก 120,000 คน มันก็จะช่วยเพิ่มระยะเวลาเปิดใช้งานของอวตารหมาป่าละโมบได้
“โทเท็มหมาป่าละโมบอันนี้… ถ้าฉันมีอีกสองสามอันล่ะก็”
โจวโจวอดคิดไม่ได้หลังจากได้ยินคำรายงานของไป่อี้
ไอเท็มแบบนี้ย่อมเหมาะสมมากกับลอร์ดอย่างเขาที่สามารถเพิ่มจำนวนทหารได้ทุกๆ วัน
ถ้าเขามีโทเท็มหมาป่าละโมบสัก 8-10 อัน เขาก็คงจะไร้เทียมทานเลย
น่าเสียดายที่มันมีแค่อันเดียวเท่านั้น
จากนั้นเขาก็เปิดอันดับขึ้นมาดู
[เผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงิน – เจ้าตะวันสาดแสง – อันดับ: เทวะขั้นสูง (45 คะแนน) – อันดับสมรภูมิ: อันดับที่ 7]
อันดับนี้แซงหน้าพระบิดาที่เคยอยู่ในอันดับที่แปดไปแล้ว
ส่วนอันดับที่เก้าก็ยังคงเป็นของเจ้าเหนือหัวจากเผ่าพันธุ์เผ่าพันธุ์เจ้ามังกร
สำหรับคนที่อยู่อันดับข้างหน้าเขา มันก็คือเจ้าแห่งความฝันอันยิ่งใหญ่จากเผ่าพันธุ์แห่งความว่างเปล่า
โจวโจวพึงพอใจมาก เพราะเขาเลื่อนอันดับมาถึงสองระดับเลย
หลังจากนั้นเขาก็นำทหารออกจากสมรภูมิและพักกันครึ่งชั่วโมง หลังจากปล่อยให้ทหารได้พักฟื้นแล้ว เขาก็เริ่มการท้าประลองต่อ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องรอคิวกว่าหนึ่งชั่วโมง การท้าประลองครั้งที่สองใช้เวลานานจริงๆ
[ท่านได้เข้าสู่สมรภูมิระดับเทวะขั้นสูง!]
[คู่ต่อสู้ของท่านและท่านได้รับการสุ่มให้เข้าสู่สมรภูมิระดับเทวะขั้นสูง—เตาหลอมสุริยัน!]
[คู่ต่อสู้ของท่านคือ: ลอร์ดแห่งเผ่าพันธุ์เจ้ามังกร—เจ้าเหนือหัว!]
[เงื่อนไขการเอาชนะศัตรู: สังหารกองกำลังของศัตรูทั้งหมดภายในเวลา 24 ชั่วโมง!]
[หากเกินเวลาที่กำหนด ทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลการต่อสู้เป็นลบ อันดับ-1 หรือคะแนน-20!]
[ท่านมีเวลา 10 นาทีในการจัดเตรียมกองกำลัง!]
[เวลาคงเหลือ: 9 นาที 59 วินาที]
โจวโจวมองดูโลกตรงหน้าของเขา
นี่เป็นพื้นที่สีดำแดงขนาดใหญ่
อากาศลุกเป็นไฟด้วยเปลวไฟที่แทบจะส่องสว่างไปทั่วพื้นที่
ความร้อนที่รุนแรงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ แม้แต่ทหารของเขาก็ยังอดหลั่งเหงื่อไม่ได้
เขาเงยหน้าขึ้น
ยิ่งดูยิ่งเหมือน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับฝาหม้อสีดำแดงเลย
เมื่อรวมกับชื่อสมรภูมิของมัน โจวโจวก็เกิดความคิดขึ้นมา
‘หรือว่านี่จะเป็นภายในของสถานที่ที่ชื่อว่าเตาหลอมสุริยัน?’
เขามองออกไปในระยะไกล
รังมังกรสีเงินขาวที่สูงสามถึงสี่พันเมตรตั้งอยู่ตรงนั้น
มังกรสีเงินที่มีความสูงกว่า 1,500 เมตรลอยอยู่ในอากาศและมองมาที่โจวโจวอย่างใจเย็น
โจวโจวเองก็กำลังมองไปที่มันด้วยเหมือนกัน
[เผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าคงจะเป็นเจ้าตะวันสาดแสงสินะ]
เจ้าเหนือหัวใช้การสื่อสารทางจิต
[ใช่]
โจวโจวไม่ประหลาดใจที่อีกฝ่ายรู้จักวิธีการใช้การสื่อสารทางจิต
สำหรับตัวตนที่มีสายเลือดระดับสูงเช่นนี้ เขาย่อมไม่ประหลาดใจกับความสามารถแบบนี้
[หาได้ยากจริงๆ ที่เผ่าพันธุ์ระดับต่ำจะเลื่อนอันดับขึ้นมาถึงอันดับเทวะขั้นสูงได้ ความยอดเยี่ยมของเจ้าเพียงพอแล้วที่จะดึงดูดความสนใจของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ได้ ข้าไม่แปลกใจเลย]
ตอนแรกโจวโจวก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังชมเชยเขาอยู่ แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้โจวโจวรู้ว่าเขาคิดผิดไป
[ข้ารู้ว่าเจ้ามีสมาชิกเผ่าพันธุ์มังกรของข้าเป็นลูกน้องของเจ้าอยู่ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเทวะเฉพาะตัวของเจ้า พรสวรรค์แห่งลอร์ดของเจ้าน่าจะโดดเด่นมากในบรรดาพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเทวะจำนวนมากมาย แต่มันก็ไร้ประโยชน์]
[พรสวรรค์แห่งลอร์ดที่เจ้าพึ่งพาไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับพวกเราเหล่าลอร์ดชั้นยอดแห่งสรรพเผ่าพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น เผ่าพันธุ์เจ้ามังกรของพวกเราคือสุดยอดเผ่าพันธุ์มังกรเลือดบริสุทธิ์ในหมู่มังกรทั้งหมด มรดกอารยธรรมมังกรมากมายที่เราปลุกขึ้นตื่นขึ้นเมื่อความแข็งแกร่งของพวกเราเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมรดกหลักใดๆ ที่พวกเรานำออกมาก็เทียบได้กับพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเทวะสำหรับเผ่าพันธุ์ระดับต่ำแล้ว สายเลือดของพวกเราเพียงลำพังก็เทียบได้กับพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเทวะของสายเลือดชั้นสูงแล้ว]
[อีกตัวอย่างก็คือเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณต้นกำเนิด พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับโลกใบเล็กที่สามารถเติบโตได้เรื่อยๆ อาจกล่าวได้ว่าพวกมันถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับทรัพยากรทั้งหมดในโลกเล็กๆ ใบนั้น ตราบใดที่พวกมันโตเต็มวัย พวกมันก็จะกลายเป็นเจ้าโลกซึ่งก็คือระดับเทพแท้จริงแห่งทวีปจื้อเกา]
[หรืออีกตัวอย่างคือเผ่าพันธุ์เทพแห่งความโกลาหล นับจากช่วงเวลาที่พวกมันถือกำเนิด ทะเลแห่งจิตสำนึกของพวกมันก็จะถูกหล่อเลี้ยงด้วยเทพแห่งความโกลาหล รากฐานที่จะกลายเป็นเทพเจ้าของพวกมันได้ถูกก่อร่างขึ้นมานานแล้ว ตราบใดที่พวกมันเติบโตไปทีละขั้น พวกมันก็จะสามารถทะลวงระดับสู่ระดับเทพแท้จริงได้อย่างไม่มีอุปสรรคใดๆ]
[แม้แต่เผ่าพันธุ์จักรกลที่เจ้าเพิ่งพิชิตมาอย่างพระบิดา แก่นชีวิตของมันก็ยังมีมรดกของอารยธรรมสุดยอดเทคโนโลยีที่พัฒนามาเป็นเวลาหลายแสนปี ตราบใดที่มันสามารถทำตามเงื่อนไขเพื่อเปิดใช้งานระดับอำนาจได้ มันก็จะสามารถใช้เทคโนโลยีที่อยู่ภายในนั้นได้ตามชอบใจ มันสามารถสร้างอารยธรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของเผ่าพันธุ์จักรกลขึ้นมาได้ภายในทวีปจื้อเกาในช่วงเวลาอันสั้น สิ่งนี้เกินกว่าพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเทวะจะทำได้เสียอีก]
เจ้าเหนือหัวมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมรดกของเผ่าพันธุ์มังกรและสามารถบอกถึงความลับของเผ่าพันธุ์ระดับสูงได้มากมาย
หรือมันอาจจะเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้เป็นความจริงกึ่งเปิดเผยในหมู่ลอร์ดระดับสูงอยู่แล้ว
ก็อย่างที่มันพูดไป ในฐานะลอร์ดแห่งเผ่าพันธุ์ชั้นสูง มรดกและรากฐานที่พวกมันมีไม่ใช่สิ่งที่พรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเทวะทั่วไปจะสามารถเทียบได้
โจวโจวรับฟังอย่างเงียบๆ
แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าลอร์ดระดับแนวหน้าเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าเขามาก
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เจ้าเหนือหัวก็คิดว่าเขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ มันส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น
[เจ้าอาจจะแซงหน้าพวกมันไปได้ไม่กี่ก้าวในตอนนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าจะทำอะไรได้เมื่อลอร์ดชั้นนำต่างๆ ค่อยๆ ฝึกฝนพลังอารยธรรมของเผ่าพันธุ์ของตนอีกครั้ง?]
[สุดท้ายเจ้าก็ทำได้เพียงแค่ยิ่งใหญ่อยู่ภายในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง เจ้าอาจจะตายด้วยน้ำมือของลอร์ดจากเผ่าพันธุ์อื่นไประหว่างทางด้วยซ้ำ จงรับรู้สถานการณ์ของเจ้าไว้ซะลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์]
เจ้าเหนือหัวมองลงมาที่เขาและพูดออกมา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved