ตอนที่ 170 : ไป่เยว่จิงและซุนซือเหมี่ยว! การบรรจบกันของสองระบบการแพทย์!

ณ เมืองบ่อปลา

หลังจากโจวโจวมาถึง เขาก็พาทั้งสามไปยังร้านตัดเสื้อสายลมใหม่ของจางหลี่

“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ยาย ข้ามาแล้ว!”

ในทันทีที่เป่าซิ่วเอ๋อร์มาถึงทางเข้าร้าน เธอก็วิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับของขวัญ

โจวโจวและคนอื่นๆ มองหน้ากันและยิ้มให้กัน ก่อนที่จะเดินเข้าไป

“เจ้าอายุเท่าไรแล้ว? ทำไมยังทำตัวเหมือนเป็นเด็กๆ ไปได้?”

พวกเขาเห็นจางหลี่กำลังสอนเป่าซิ่วเอ๋อร์ในทันทีที่เดินเข้าไป

“ข้ายังไม่โตซะหน่อย ข้ายังเป็นเด็กน้อยสำหรับท่านอาจารย์อยู่เสมอ”

เป่าซิ่วเอ๋อร์หัวเราะคิกคัก

“โอ้ใช่ ท่านลอร์ดพาคนจากเมืองตะวันสาดแสงมาด้วยเจ้าค่ะ”

เธอได้สติกลับมาและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์จาง พวกเราขออภัยด้วยที่มารบกวนท่าน”

โจวโจวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาเดินเข้ามา

“ท่านลอร์ดพูดอะไรเช่นนั้น ไปที่สวนกันก่อนเถอะ ซิ่วเอ๋อร์พาท่านลอร์ดไปพักก่อนนะ เดี๋ยวข้าปิดร้านเสร็จแล้วจะตามไป”

จางหลี่ยืนขึ้นในทันทีและพูดออกมา

เป่าซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าและนำโจวโจว อู๋ซิน และไป่เยว่จิงไปยังสวน

ในไม่ช้าจางหลี่ก็กลับมา

“ผู้อาวุโสท่านนี้คือรองแม่ทัพแห่งกองทัพตะวันสาดแสง รองแม่ทัพอู๋ อู๋ซิน เขายังเคยเป็นอดีตแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรออโรร่าด้วยเจ้าค่ะ” เป่าซิ่วเอ๋อร์แนะนำตัวอู๋ซินให้กับอาจารย์ของเธอ

“ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านอู๋มานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ”

จางหลี่พูดออกมาด้วยความเคารพ

เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของอู๋ซินก่อนที่เขาจะเป็นชาวเมืองตะวันสาดแสงซะอีก

ส่วนเหตุผลว่าทำไมตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ถึงติดตามลอร์ดผู้นี้นั้น เธอก็ไม่ได้ประหลาดใจนัก

นี่เป็นเพราะมันมีข่าวลือในเมืองบ่อปลาว่าผู้ยิ่งใหญ่หลายๆ คนในอาณาจักรออโรร่าได้เกษียณตัวและเข้าร่วมกับเมืองตะวันสาดแสง รวมทั้งอู๋ซินก็ด้วย

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตกใจเท่าไร

อู๋ซินยิ้มและพยักหน้าออกมา

“ส่วนผู้อาวุโสท่าทางสุภาพผู้นี้ ท่านก็สุดยอดเหมือนกัน ท่านแซ่ไป่ผู้นี้เคยเป็นหมอหลวงแห่งอาณาจักรออโรร่าก่อนที่ท่านจะเกษียณและเป็นรองประธานสมาคมแพทย์แห่งอาณาจักรออโรร่าด้วย เหตุผลที่พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อให้ผู้อาวุโสไป่มาดูอาการของท่านอาจารย์ยายว่ามีทางจะรักษาท่านได้ไหม”

เป่าซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าและแนะนำตัวไป่เยว่จิงอย่างจริงจัง

หลังจากได้ยินการแนะนำตัวของลูกศิษย์ จางหลี่ที่ใจเย็นมาโดยตลอดก็ยืนขึ้นในทันทีและมองมาที่ไป่เยว่จิงด้วยความตื่นเต้น

“ท่านสามารถรักษาท่านอาจารย์ของข้าได้จริงๆ เหรอ?” เธออดถามออกมาด้วยความตื่นเต้นไม่ได้

“ใจเย็นก่อน ข้ามาเพื่อดูอาการว่าจะช่วยอะไรได้ไหม” ไป่เยว่จริงไม่ได้รับประกันอะไร

แม้ว่าเขาจะเป็นหมอระดับเพชรขั้นกลาง แต่มันก็มีอาการเจ็บป่วยอยู่ทุกรูปแบบในโลกนี้

ไม่มีหมอคนไหนกล้ารับประกันว่าพวกเขาสามารถรักษาอีกฝ่ายได้โดยไม่ได้ดูอาการก่อน

“ขออภัยด้วย ข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อย”

จางหลี่ใจเย็นลงมาเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ แต่เธอก็มองมาที่ไป่เยว่จิงด้วยความคาดหวัง

“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว งั้นก็ไม่ดูอาการของผู้อาวุโสหลี่กันเถอะ”

โจวโจวกล่าว

“มันใกล้จะค่ำแล้ว ท่านลอร์ดก็คงเหนื่อยมากจากการเดินทาง ทำไมพวกเราไม่หาอะไรกินกันก่อนล่ะ? อาการของท่านอาจารย์ยังทรงตัวอยู่ มันคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะรอก่อนสักพัก”

จางหลี่ลำบากใจเล็กน้อย

“คนป่วยย่อมสำคัญที่สุด พวกเราไม่อาจล่าช้าได้ ไปดูกันเลยดีกว่า”

ไป่เยว่จิงส่ายหัว

เนื่องจากอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ จางหลี่จึงไม่ปฏิเสธอีก และพาทุกคนไปยังห้องของหลี่ฮุ่ยเยว่

โจวโจวบอกให้ทุกคนเงียบๆ หลังจากมาถึงห้องของหลี่ฮุ่ยเยว่ จากนั้นเขาก็เห็นไป่เยว่จิงเดินออกไปข้างหน้าเพียงลำพัง

เขานั่งอยู่ตรงหน้าของหลี่ฮุ่ยเยว่และวางมือไว้เหนือหัวใจของเธอ

พลังงานบางๆ ที่เปล่งแสงสีขาวซีดได้แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาและพุ่งเข้าสู่หัวใจของหลี่ฮุ่ยเยว่

ไป่เยว่จิงหลับตาลง เขาเริ่มตรวจสอบอาการของหลี่ฮุ่ยเยว่

ระบบการรักษาของหมอในทวีปจื้อเกานั้นแตกต่างเป็นอย่างมากกับในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน

หมอถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญประเภทหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงมีพลังพิเศษเฉพาะเป็นของตัวเอง ดังนั้นวิธีการปกติที่พวกเขาจะใช้รักษาผู้ป่วยก็คือ เขาจะหลอมรวมพลังงานพิเศษของหมอในร่างกายของตนเข้าไปยังหัวใจและเลือดของผู้ป่วย จากนั้นก็จะให้หัวใจได้สูบฉีดเลือดออกไปเพื่อโคจรพลังงานพิเศษนี้ผ่านร่างกายของผู้ป่วย ใช้วิธีนี้ในการตรวจสอบอาการของอีกฝ่ายด้วย

ยิ่งหมอมีระดับสูงเท่าไร เขาก็สามารถเข้าใจอาการของผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้นผ่านกระบวนการนี้ มันกระทั่งสามารถรักษาผู้ป่วยได้เลยในบางครั้ง

ซึ่งในเวลานี้เอง ไป่เยว่จิงก็กำลังใช้วิธีนี้อยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ไป่เยว่จิงก็ลืมตาขึ้นและขมวดคิ้วมุ่น

“อาจารย์ของเจ้าเคยทำบางสิ่งเป็นเวลานานโดยไม่กินไม่นอนใช่หรือไม่?”

เขามองไปยังจางหลี่และถาม

ดวงตาของจางหลี่ว่างเปล่า จากนั้นเธอก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกและพยักหน้าอย่างไม่มั่นใจ

“ดูเหมือนจะมีเรื่องแบบนั้นอยู่ ย้อนกลับไปตอนที่ข้าแยกจากท่านอาจารย์ ท่านก็กำลังมองหาวัสดุสิ่งทอระดับสูงทุกประเภท ท่านดูเหมือนจะต้องการสร้างชุดระดับสูงขึ้นมา เมื่อข้ากลับมาเจอท่านอาจารย์อีก ท่านก็เป็นเช่นนี้แล้ว” เธอตอบ

ไป่เยว่จิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็ส่ายหัว

“อุปกรณ์สวมใส่ที่ทำให้ช่างตัดเสื้อระดับเหนือสามัญต้องทุ่มแก่นโลหิตและศักยภาพส่วนใหญ่ในร่างกายออกไปก็น่าจะเป็นอุปกรณ์สวมใส่ระดับมหากาพย์”

โจวโจวและคนอื่นๆ ตกตะลึง

ทุ่มแก่นโลหิตและศักยภาพส่วนใหญ่ในร่างกายของเธอออกไปเพื่อสร้างอุปกรณ์สวมใส่ระดับมหากาพย์เพียงอันเดียวงั้นเหรอ?

อาจารย์ยายของเป่าซิ่วเอ๋อร์คือช่างตัดเสื้อระดับเหนือสามัญงั้นเหรอ?

การคาดเดามากมายเกิดขึ้นในใจของพวกเขาทันที

“มันมีวิธีรักษาท่านอาจารย์ของข้าไหมเจ้าคะ?”

จางหลี่อดถามออกมาไม่ได้

“มันยากมาก อวัยวะภายในของเธอแทบไม่ทำงานแล้ว แก่นโลหิตส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ไปจนหมด แม้แต่ศักยภาพของเธอก็ตกลงมาสู่ระดับแพลตตินั่มขาวด้วย พูดตามตรง ข้าคิดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์แล้วด้วยซ้ำที่เธอยังมีชีวิตอยู่”

ไป่เยว่จิงส่ายหัว

ในฐานะหมอหลวงระดับเพชรขั้นกลาง เขาเคยเห็นคนป่วยมามากตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย

แต่ถึงกระนั่น มันก็หายากมากจริงๆ ที่เขาจะได้เห็นคนอย่างหลี่ฮุ่ยเยว่ที่มีชีวิตแต่ก็เหมือนตายแบบนี้

ใบหน้าของจางหลี่ซีดลงในทันที

ไป่เยว่จิงกำลังจะปลอบเธอ ในแต่เวลานั้นเอง

[อย่ายอมแพ้ มันยังมีหนทางอยู่]

น้ำเสียงที่เก่าแก่และจริงจังดังขึ้นในจิตใจของเขาในทันใด

ไป่เยว่จิงอึ้ง

จากนั้นเขาก็ตอบสนอง

นี่คือคำบอกใบ้จากแพทย์เทวะแห่งวัดบรรพบุรุษจักรพรรดิ ผู้เขียนใบสั่งยาที่จำเป็นมูลค่าหนึ่งพันทองสำหรับเหตุฉุกเฉิน

“ข้าจะรักษาเธอได้ยังไง?”

เขาถามอยู่ภายในใจทันที

[อวัยวะภายในของคนป่วยหมดสภาพ ศักยภาพของเธอลดต่ำลง ชีวิตของเธอกำลังจะดับสูญ วิธีช่วยชีวิตธรรมดาๆ คงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป]

[สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตวิญญาณของผู้ป่วยให้กลับคืนสู่สภาพปกติ จากนั้นก็ค่อยฟื้นฟูศักยภาพของเธอและใช้ยาชูกำลังที่ดีเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตของเธอ]

[ุสุดท้าย ผู้ป่วยก็สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการพักฟื้นและวิธีการรักษาตนเองตามศักยภาพของตน]

[ข้าจะอธิบายนะ จงฟัง]

[น้ำขิง 3 ลิตร กระดูกเสือโคร่งสกัด 2 ลิตร โสมพันปี 5 ลิตร…]

ไป่เยว่จิงกำลังจะจดบันทึก แต่เขาก็ดูสับสนทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้

ซุนซือเหมี่ยวดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และเสียงของเขาก็หยุดลงในทันใด

จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา

[ข้าสับสนไปหน่อย ข้าลืมไปว่าเจ้าอยู่ในโลกอีกฝั่งหนึ่ง]

[งั้นเอาแบบนี้ละกัน ถ้าเจ้ามีความคิดอะไรก็สามารถสื่อสารกับข้าได้ทุกเมื่อ]

[สมุนไพรระดับเงินขาว-แก่นไม้หม่อนโลหิต 2 ลิตร, สมุนไพรระดับเงินขาว-หญ้าวิญญาณกล้วยไม้ 1 ลิตร, สมุนไพรระดับเงินขาว-หญ้าจิตวิญญาณวารีสามใบ 5 อัน, สมุนไพรระดับบรอนซ์เขียว-บุปผาภูติหกตา 3 อัน…]

[สุดท้าย มอบยายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญให้กับคนป่วยด้วย]

[ศักยภาพของโลกของเจ้านั้นไม่ธรรมดา มันคงจะไม่ด้อยไปกว่าเทพโอสถหากใช้มันให้ดี]

“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะขอรับ มันเป็นประโยชน์มากเลย”

ไป่เยว่จิงพูดด้วยความตกใจ

เขารู้แนวคิดการรักษาแล้วจากใบสั่งยาของซุนซือเหมี่ยว

การบรรจบกันของสองระบบการแพทย์ทำให้เขาเกิดแรงบรรดาลใจขึ้นมา เขากระทั่งรู้สึกว่าเขากำลังเห็นเส้นทางของหมอระดับเหนือสามัญอยู่เลย

เมื่อถึงจุดๆ นี้ ไป่เยว่จิงก็ยิ่งซาบซึ้งต่อโจวโจวมากยิ่งขึ้นที่มอบใบสั่งยาที่จำเป็นมูลค่าหนึ่งพันทองสำหรับเหตุฉุกเฉินไว้ให้เขาคอยเก็บรักษา

นี่แทบจะเท่ากับโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาเลย

ณ ตอนนี้ เสียงของซุนซือเหมี่ยวก็ได้หายไปแล้ว

เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป่เยว่จิงก็มายืนอยู่ตรงหน้าของโจวโจวและบอกเขาเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างซุนซือเหมี่ยว

โจวโจวประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตกลงกับคำขอยายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญโดยไม่ลังเล

การช่วยคนย่อมสำคัญที่สุดในตอนนี้

นอกจากนี้ ลอร์ดจากทุกเผ่าพันธุ์ที่ย่อมต้องมียายกระดับศักยภาพอยู่คนละขวดซึ่งได้รับมาจากรางวัลการกลายเป็นลอร์ดอย่างเป็นทางการหากพวกเขายังไม่ได้ใช้มัน

ถ้าเขาใช้ยายกระดับศักยภาพหมดแล้วจะทำยังไงงั้นเหรอ?

เขาก็แค่ต้องไปปล้นมันมาอีก!

โจวโจวไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยเกี่ยวกับการทำเช่นนี้กับศัตรู