ตอนที่ 166

บทที่ 166 : ความจริงของผลึกน้ำค้างสวรรค์ ข้าต้องการจะฆ่า!

หวังตงหยางรู้สึกเสียวซ่าไปทั่วร่าง

เขารู้ผลของสิ่งนี้เป็นอย่างดี

ถ้าเขาตกลงทำ นี่ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความหายนะที่จะกวาดล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเขาทั้งหมด!

สำนักเซียนและอารามพุทธของโลกเบื้องบนจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนมัน

ในเวลานั้น ราชาสวรรค์หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าก็จะลงมาและกวาดล้างทุกคนที่เกี่ยวข้อง และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็จะทำลายตระกูลหวังแห่งเจียงตงในโลกเบื้องบนทิ้งอย่างแน่นอน

มันไม่มีความเป็นไปได้อื่น

คนเหล่านี้คือพระโพธิสัตว์ 12 องค์, เซียนปฐพี 12 คนและเซียนมนุษย์อีก 20 คน!

แม้ว่าจะกระจายไปตามอารามพุทธหนึ่งแห่งและสำนักเซียนสี่แห่ง แต่มันก็ยังรับเป็นจำนวนมากอยู่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โถงพุทธมามกะเป่าหลิน ครั้งนี้พวกเขาลงทุนหนักมาก!

หากยอดฝีมือเหล่านี้ทั้งหมดถูกฆ่าตายในหลางหยา ผลที่จะตามมาก็จะสุดพรรณา

มันน่ากลัวเกินไป!

“ ไม่ไม่ไม่ไม่!!" หวังตงหยางส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าของเขาซีดมาก เขากัดฟันและพูดว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ท่านฆ่าข้าเถอะ ข้าไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ ข้าทำไม่ได้จริงๆ!”

จากนั้นเขาก็หลับตาลงและตั้งใจที่จะรอความตาย

“ ไม่ต้องรีบปฏิเสธ” ซุยเฮ็งไม่ได้โกรธอะไร เขาพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ ข้าจะส่งเจ้าไปที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยาก่อน มันยังไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจหลังจากที่เจ้าได้พูดคุยกับหวังตงหลิน”

หวังตงหยางยังคงส่ายหัวและพูดว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ท่านควรจะฆ่าข้าซะตอนนี้เลย มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้า…”

“ ผู้รับใช้ของข้าอยู่ที่ไหน?” ซุยเฮ็งเรียกหาผู้รับใช้สุดแกร่งและขัดจังหวะหวังตงหยาง

จากนั้นผู้รับใช้สุดแกร่งก็ยื่นมือออกมาด้านนอก มือขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสีทองเข้มเอื้อมเข้ามาจากประตูห้องโถงด้านในและคว้าคอหวังตงหยางเหมือนกับลูกไก่ “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ไม่นะ…” หวังตงหยางยังคงต้องการที่จะต่อสู้ขัดขืน แต่มันก็ไม่มีความหมาย เขาถูกกุมไว้ในมือของผู้รับใช้สุดแกร่งและไม่สามารถพูดได้

เมื่อพยัคฆ์ขาวเห็นฉากนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่ต้องเจ็บปวดจากการถูกเจ้ายักษ์ตัวนี้คว้าคอไป!

อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและรีบปิดปากของเขาลง

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็ได้มองมาที่เขาแล้วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ เจ้าอย่าหัวเราะไป ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าในเรื่องนี้ด้วย เจ้าสามารถดำเนินการได้หลังจากที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยาส่งคำเชิญ”

“ ในเวลานั้น ไม่ว่าใครจะตอบรับคำเชิญไปงานเลี้ยงนี้หรือไม่ก็ตาม ในวันที่เจ็ดหลังจากที่เจ้าได้รับคำเชิญ เจ้าก็จะนำผู้คนจากสำนักเซียนฝึกอสูรไปยังตระกูลหวังแห่งหลางหยาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงและแสดงตนว่าเจ้าได้ตอบรับคำเชิญแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของพยัคฆ์ขาวแข็งค้างเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ และสีหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง สิ่งนี้ไม่ดีแน่ ก่อนหน้านี้สำนักเซียนฝึกอสูรของเราได้สัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทของโลกเบื้องล่าง…”

บู้มมมมม!

ในขณะนี้ ผู้รับใช้สุดแกร่งที่อยู่ด้านนอกก็กระทืบเท้าของเขาในทันที มันทำให้พื้นสั่นสะเทือน

พยัคฆ์ขาวนอนหมอบลงกับพื้นในทันที

ความกลัวที่เขารู้สึกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้รับใช้สุดแกร่งปรากฏขึ้นอีกครั้งในหัวใจของเขา เขารู้สึกเหมือนกับกำลังจะถูกซ้อมจนตาย เขารีบพยักหน้าและพูดว่า “ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามที่ท่านสั่ง”

จริงๆ แล้วเขาก็รู้ผลที่ตามมาของเรื่องนี้ดีกว่าและมากกว่าหวังตงหยาง และเขาก็ยังรู้ดีถึงความหมายของการตอบรับคำเชิญไปงานเลี้ยงนี้ด้วย

เป้าหมายของซุยเฮ็งนั้นชัดเจนมาก

มันคือการใช้ตัวตนของเขาเพื่อให้หลอกล่อคนอื่นๆ

ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับสำนักเซียนและอารามพุทธแห่งโลกเบื้องบนแล้ว คำเชิญของตระกูลหวังแห่งหลางหยานั้นก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย

แม้แต่กับหวังตงหยาง บุตรชายคนโตของสาขาหลักของตระกูลหวังในโลกเบื้องบนก็ยังไม่มีความหมาย

ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลหวังแห่งเจียงตงก็เป็นเพียงตระกูลหนึ่งภายใต้สำนักเซียน

สำนักเซียนที่สูงและใหญ่กว่าย่อมไม่อาจจะสนใจในคำเชิญนี้

อย่างไรก็ตาม หากตระกูลหวังจัดงานเลี้ยงและมีสำนักเซียนฝึกอสูรไปด้วย พวกที่เหลือก็ย่อมจะต้องตามมาอย่างแน่นอน

ในท้ายที่สุด ซุยเฮ็งก็จะสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดทีเดียวได้

และซุยเฮ็งก็จะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดของเขา

จากมุมมองนี้ พยัคฆ์ขาวก็เป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนทั้งหมด

เขามีความสำคัญมากกว่าตระกูลหวังแห่งหลางหยาที่ส่งคำเชิญ

อย่างไรก็ตาม ราคาที่พวกเขาจะต้องจ่ายนั้นก็รุนแรงมากกว่าแน่นอน

เมื่อโลกเบื้องบนรู้เรื่องนี้ สำนักเซียนฝึกอสูรก็จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่แน่นอน

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานความโกรธของสำนักเซียนและอารามพุทธ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่พยัคฆ์ขาวเห็นด้วยกับคำขอของซุยเฮ็ง มันก็จะเท่ากับการผลักสำนักเซียนฝึกอสูรให้ดำดิ่งลงไปสู่ก้นบึ้งอันไร้จุดจบ

ด้วยเหตุผลนี้เอง หวังตงหยางจึงยอมตายดีกว่าตกลง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหวังตงหยางที่ปฏิเสธซุยเฮ็งอย่างเด็ดขาดเพื่อความอยู่รอดของตระกูลแล้ว มันก็เห็นได้ชัดว่าพยัคฆ์ขาวมีความเป็น “ลูกกตัญญู” มากกว่า

และเขาก็รักชีวิตของเขามาก

หลังจากยืนหยัดอยู่พักหนึ่ง เขาก็เงียบลงอีกครั้ง

เขาตกลงโดยไม่มีทาทีขัดขืนใดๆ

ในสายตาของพยัคฆ์ขาว ชีวิตของเขาก็สำคัญที่สุด

ตราบใดที่เขายังมีชีวิตรอดไปได้ เขาก็จะทำอะไรก็ได้

การมีชีวิตรอดเท่านั้นที่จะทำให้เขามีความหวังต่อไปได้

“ ท่านเจ้าสำนัก ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ” พยัคฆ์ขาวคิดอย่างเศร้าใจ

เราสามารถพูดได้ว่าเขาค่อนข้างกตัญญู

ซุยเฮ็งมองไปที่พยัคฆ์ขาวด้วยความประหลาดใจ แม้แต่เขาก็ยังไม่คิดว่าพยัคฆ์ขาวจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้

เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้ผู้รับใช้สุดแกร่งเพื่อข่มขู่พวกเขา แต่ตอนนี้มันก็ไม่จำเป็นแล้ว

สิ่งสำคัญคือหวังตงหยาง ความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองนั้นชัดเจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นสิ่งที่ดี มันช่วยเขาได้มากจากปัญหา

“ บุตรเซียน เจ้าเป็นคนมีเหตุผล” ซุยเฮ็งมองไปที่พยัคฆ์ขาวด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกัน เขาก็ดีดนิ้วและปล่อยพลังปราณของเขาออกมา

พลังปราณนี้ห่อหุ้มพยัคฆ์ขาวอย่างรวดเร็วและเข้าสู่ร่างกายของเขา มันไหลผ่านแขนขา กระดูก และอวัยวะภายใน

ในพริบตา อาการบาดเจ็บที่เหลืออยู่บนร่างกายของเขาก็หายสนิท

พยัคฆ์ขาวรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อค้นพบการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา ผลการรักษานี้ดีกว่าการรักษาของสำนักเซียนฝึกอสูรนับครั้งไม่ถ้วน

“ ขอบพระคุณท่านเซียนผู้สูงส่ง!”

“ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เจ้าแค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและเดินไปที่ลานด้านนอกห้องโถง เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ออกมากับข้า”

“ รับทราบ!” พยัคฆ์ขาวยืนขึ้นในทันทีและลดศีรษะลงด้วยความเคารพ ขณะที่เขาเดินตามหลังซุยเฮ็งไปเหมือนกับสุนัขที่ซื่อสัตย์

หลังจากตกลงตามคำขอของซุยเฮ็ง มันก็ไม่มีการหันหลังกลับอีกต่อไป

เขาทำได้แค่ทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ซุยเฮ็งพอใจ

จากนั้นเขาก็ตั้งตารอซุยเฮ็งที่จะเมตตาและพาเขาหลบหนีจากเหล่าสำนักเซียนและอารามพุทธ

จนถึงตอนนี้ ทั้งพยัคฆ์ขาวและหวังตงหยางและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่าซุยเฮ็งนั้นจะไม่สามารถต้านทานการปิดล้อมของสำนักเซียนและอารามพุทธได้

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาต้องการจะปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของพยัคฆ์ขาว ด้วยขอบเขตการฝึกตนของซุยเฮ็ง มันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขาที่จะหลบหนีไปด้วยกัน มันคุ้มค่ากับการเดิมพันในครั้งนี้ ซุยเฮ็งได้มาถึงลานบ้านแล้วและยืนอยู่หน้ารถม้าสีทอง

เจิงหนานซุน, จางซูหมิงและคนอื่นๆ เองก็ติดตามไปด้วย

พยัคฆ์ขาวเดินตามหลังซุยเฮ็งมาติดไ

“ น้ำค้างบนนี้เรียกว่าน้ำค้างสวรรค์ใช่ไหม?” ซุยเฮ็งชี้ไปที่น้ำค้างบนรถม้าสีทองและถามพยัคฆ์ขาว

เขาอยากรู้เกี่ยวกับแก่นแท้ของผลึกน้ำค้างสวรรค์นี้มาโดยตลอด เหตุใดสำนักเซียนแห่งโลกเบื้องบนจึงรวบรวมสิ่งนี้และเหตุใดมันจึงสามารถใช้เพื่อเปิดทางไปสู่โลกเบื้องล่างได้

“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง สิ่งเหล่านี้คือน้ำค้างสวรรค์จริงๆ ภายในเจ็ดวันพวกมันก็จะกลั่นตัวเป็นผลึกน้ำค้างสวรรค์ หากเรากลับไปยังโลกเบื้องบนในทันที พวกมันก็จะกลั่นตัวเป็นผลึกเช่นกัน”

“ มากมายมาก! ทำไมมันเยอะจัง!” ในขณะนี้ หวังตงหยางซึ่งถูกคว้าตัวโดยผู้รับใช้สุดแกร่งอยู่ก็ตะโกนด้วยความตกใจสุดขีด

ตระกูลหวังแห่งเจียงตงยากจนมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงอ่อนไหวต่อจำนวนของผลึกน้ำค้างสวรรค์เป็นอย่างมาก

“ มากมาย?” พยัคฆ์ขาวมองไปที่หวังตงหยางด้วยความประหลาดใจและส่ายหัว “ อันที่จริง มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย หลังจากน้ำค้างควบแน่น มันก็จะมีประมาณ 2,000 ชิ้นเท่านั้น แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันก็ควรจะมีผลึกมากกว่า 3,000 ชิ้น”

“ 2,000! 2,000 ยังไม่เยอะอีกหรอ!” ใบหน้าของหวังตงหยางซีดราวกับกระดาษ ตระกูลขุนนางของพวกเขาทำงานหนักมาก แต่พวกเขาก็สามารถรวบรวมผลึกได้แค่ครั้งละ 30 ถึง 40 ชิ้นเท่านั้น อย่างมากที่สุด พวกเขาก็จะสามารถเก็บผลึกได้ครั้งละ 70 ถึง 80 ชิ้น

แต่กระนั้น 2,000 ชิ้นก็ยังน้อยเกินไปสำหรับสำนักเซียน?!

“ มันน้อยมากจริงๆ” พยัคฆ์ขาวพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ โดยปกติแล้ว ครั้งละสามหรือสี่พันก็จะต่ำที่สุด ในปีที่ดีกว่าก็อาจสูงได้ถึงเจ็ดถึงแปดพัน”

“ เจ็ดถึงแปดพัน…” หวังตงหยางแทบจะเป็นลมเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจนตัวสั่นไปหมด เขากัดฟันและพูดว่า “ นี่ไม่ได้หมายความว่าถ้าสำนักเซียนลงมาเพียงครั้งเดียว มันก็จะเท่ากับเราลงมามากกว่าร้อยครั้งเพื่อรวบรวมหรอ?”

ร้อยครั้ง!

“ ร้อยครั้ง? ก็ประมาณนั้นแหละ…” พยัคฆ์ขาวหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ในเวลาเดียวกัน เขาก็แอบดูการแสดงออกของซุยเฮ็ง หลังจากพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็ยังคงพูดกับหวังตงหยางต่อไปว่า “ อันที่จริงแล้ว ที่ดินของรัฐหนึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะรวบรวมผลึกมากกว่าร้อยชิ้นในคราวเดียว และอย่างมากที่สุดมันก็ควรจะมีประมาณ 200 ชิ้น”

“ เป็นไปได้ยังไงกัน!” หวังตงหยางไม่เชื่อ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

“ นี่เป็นเพราะสิ่งประดิษฐ์เซียนของเจ้านั้นมาจากสำนักเซียน” พยัคฆ์ขาวส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ “ มีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์เซียนที่เรามอบให้เจ้า ก่อนที่น้ำค้างสวรรค์จะถูกควบแน่นภายนอก ขณะที่ส่วนหนึ่งของพลังที่ไร้รูปร่างจะถูกสกัดอยู่ภายใน และเจ้าก็จะไม่สามารถค้นพบมันได้”

ใบหน้าของหวังตงหยางซีดลงในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ นี่ นี่… มันคือการแบ่ง 30-70 หรอ!”

“ ถูกต้องแล้ว” พยัคฆ์ขาวพยักหน้าและพูดว่า “ 70% เป็นของเรา หลังจากที่เจ้าคืนสิ่งประดิษฐ์เซียนมา สำนักเซียนของเราก็จะปรับแต่ง 70% ของพลังที่ไร้รูปร่างภายในนั้นให้เป็นผลึกน้ำค้างสวรรค์”

“ ไร้ยางอาย ไร้ยางอายมาก!!” หวังตงหยางกำลังจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ดูเหมือนว่าสำนักเซียนจะได้ปฏิบัติต่อตระกูลขุนนางของพวกเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นคนโง่

“ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมการเดินทางมายังโลกเบื้องล่างถึงต้องใช้ผลึกน้ำค้างสวรรค์?” พยัคฆ์ขาวยิ้มและแจ้งข่าวสำคัญอีกชิ้นหนึ่งออกมา “ นั่นก็เพราะสิ่งประดิษฐ์เซียนที่เจ้าใช้เปิดทางเดินมายังโลกเบื้องล่างนั้นก็ถูกมอบมาให้โดยสำนักเซียนเช่นกัน”

“ การผ่านไปสู่โลกเบื้องล่างนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกน้ำค้างสวรรค์หรอ?!” หวังตงหยางรู้สึกเหมือนกับกำลังจะเป็นลม หากเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดตระกูลหวังแห่งเจียงตงจึงขยันขันแข็งและประหยัดมาหลายปี “ นั่นก็ยังจำเป็น แต่มันก็ใช้น้อยมาก” พยัคฆ์ขาวอธิบายอย่างอดทน “ เซียนมนุษย์ทุกคนต้องการเพียงผลึกน้ำค้างสวรรค์หนึ่งชิ้นและเซียนปฐพีก็ต้องการเพียงแค่สามเท่านั้น”

“ สำหรับส่วนเกินที่เพิ่มมา พวกมันก็จะถูกเก็บไว้ในสิ่งประดิษฐ์เซียน และเมื่อพวกเจ้าส่งคืนสิ่งประดิษฐ์เซียน เราก็จะสกัดมันอีกครั้งหนึ่ง”

“ เป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไงกัน!” หวังตงหยางรู้สึกว่าชีวิตของเขาในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาเป็นเหมือนเรื่องตลก ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองซุยเฮ็ง

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ข้าตกลงจะทำตามคำขอของท่าน!”

“ ข้าต้องการจะทำลายคนเหล่านี้ ข้าอยากจะฆ่าพวกมัน! ต่อให้ต้องแลกมากับความเป็นความตายของทั้งตระกูลข้าก็ยอม!”