ตอนที่ 386

บทที่ 386 : ยินดีต้อนรับสู่โลกสังสารวัฎ

ระยะทาง 1,000 ปีแสงนี้เป็นเพราะซุยเฮ็งยังไม่ได้ฝึกคาถาเซียนเคลื่อนย้ายหมื่นสวรรค์ไปยังขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ และมันก็ยังอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณ

ในอนาคต ระยะเคลื่อนย้ายก็น่าจะมีมากกว่านี้

และความสามารถในการเคลื่อนย้ายก็หมายความว่าเขาจะสามารถดึงคนเข้ามาได้มากขึ้น!

“ มันเสร็จแล้ว!" หลังจากที่ซุยเฮ็งสร้างลูกบอลแสงขนาดใหญ่เสร็จแล้ว เขาก็คัดลอกและฝังมันลงในสี่เหลี่ยมหยกขาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่เพิ่งถูกเปิดออก

“ ฉันต้องขอบคุณการอ่านนิยายมากมายในชีวิตที่แล้วของฉันและได้รับความรู้มากมาย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่สามารถคิดวิธีการดังกล่าวขึ้นมาได้”

“ จุดเริ่มต้นคือขุมทรัพย์แห่งการฝึกตนอย่างแท้จริง”

….

ดาวฉางหยวน นี่คือดาวเคราะห์ที่มีระดับการฝึกตนอยู่ในระดับต่ำ ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดคือเซียนมนุษย์เท่านั้น เซียนมนุษย์สามารถกลายเป็นการดำรงอยู่สูงสุดบนโลกใบนี้ได้ แม้แต่การขึ้นบัลลังก์จักรพรรดิก็ยังจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากเซียนมนุษย์

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเซียนมนุษย์นี้ไม่ต้องการให้กองกำลังที่ทรงพลังมากเกินไปปรากฏตัวขึ้นบนดาวฉางหยวน ดังนั้นดาวที่มีชีวิตนี้ซึ่งมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของดาวเต๋าโจวจึงถูกแบ่งออกเป็นมากกว่า 130 ประเทศ

หลายประเทศต่อสู้กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อแก่งแย่งดินแดน ทรัพยากร ผู้คนและอื่นๆ ในทุกๆ ปีจะมีสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นปรากฎขึ้น และชีวิตมากมายที่ต้องสูญเสียไป

บนท้องถนนของประเทศอี้ ซ่งฉีซึ่งถูกร่างปกคลุมไปด้วยขี้ดินและนุ่งผ้าขี้ริ้วอยู่กำลังนั่งขอทานด้วยชามแตกๆ เขาไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลาสามวันแล้ว

ในอายุ 17 ปี มันก็เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องกินอาหารอย่างเหมาะสมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาก็กลับกำลังจะอดตาย

นี่คือหนึ่งในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดทางตอนใต้ของประเทศลู่ ประชากรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่งคั่งที่สุด มันเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่คนธรรมดาจะสามารถทานอาหารได้สองมื้อต่อวัน

แต่ถึงแม้จะอยู่ในสถานที่เช่นนั้น ซ่งฉีก็ยังต้องออกขอทานทุกเช้าเย็นและไม่ได้อะไรเลย

ในขณะที่เขาคิดว่าเขากำลังจะอดตายแล้ว มันก็มีคนเดินผ่านเขาและมองขาซ้ายที่งอผิดธรรมชาติของเขาด้วยความสงสาร เขาถอนหายใจและพูดว่า “ รับสิ่งนี้ไว้และกินมันซะ”

ขาซ้ายของซ่งฉีพิการ ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทำงานไม่ได้

เกล้ง!

ซาลาเปาตกลงไปในชามที่แตกและปลุกซ่งฉีที่กำลังจะหมดสติให้ตื่นขึ้น

“ ซาลาเปา มันคือซาลาเปา!” ซ่งฉีรีบคว้าซาลาเปาเข้ามาในทันที แต่เขาก็ไม่ได้เริ่มกินมันในทันที เขากลับโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าและขอบคุณอีกฝ่าย “ ขอบพระคุณผู้มีพระคุณ ขอบพระคุณอย่างใหญ่หลวง! ในอนาคตข้าจะหาทางตอบแทนน้ำใจของท่านอย่างแน่นอน!”

แม้ว่าคนคนนั้นจะจากไปหลังจากโยนซาลาเปาให้เขาแล้วและเขาก็อาจจะไม่ได้ยินคำพูดของซ่งฉีด้วยซ้ำ แต่ซ่งฉีก็ได้ประทับเสียงและรูปร่างของบุคคลนั้นไว้ในใจของเขาอย่างลึกซึ้งแล้ว

ตราบใดที่เขาได้พบกับอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาก็จะจำอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

หลังจากกินซาลาเปาจนหมด ในที่สุดซ่งฉีก็ฟื้นสติกลับมาและกลับมามีแรงอีกครั้ง เขานอนลงบนพื้นและหอบหายใจอย่างหนัก

ตอนนี้เขาดูเหมือนกับหมาจรจัดที่กำลังนอนอยู่บนพื้น แต่ดวงตาของเขาที่ปกคลุมด้วยประกายแสงอันสว่างไสว

“ ข้าจะต้องรอด ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตรอดไปได้ ข้าก็จะมีโอกาสได้รักษาขาของข้า และข้าก็จะได้ล้างแค้นให้พ่อแม่และฟื้นฟูประเทศของข้า!”

ซ่งฉีไม่ได้ถูกเรียกว่าซ่งฉีแต่เดิม เดิมทีเขาคือองค์ชายเจ็ดแห่งประเทศซ่ง

สามปีที่แล้ว ประเทศซ่งได้ถูกทำลายลงโดยประเทศลู่ นอกจากเขาแล้ว ทุกคนในราชวงศ์ก็ได้ถูกสังหาร เขาถูกเนรเทศออกมาเป็นเวลานาน

ถ้าไม่ใช่เพราะความตั้งใจที่จะแก้แค้นและฟื้นฟูประเทศ เขาก็คงจะตายไปนานแล้ว

ในขณะนี้ ซ่งฉีก็รู้สึกได้ถึงแสงสว่างวาบต่อหน้าต่อตาเขา มันก่อตัวเป็นหน้าจอแสงพร้อมกับคำที่เขียนไว้บนนั้น

“ เจ้าต้องการจะเปลี่ยนชะตากรรมของเจ้าหรือไม่?”

เปลี่ยนชะตากรรม?

ซ่งฉีตกตะลึง เขาพูดโดยสัญชาตญาณว่า “ ใช่ แน่นอน!”

ในชั่วพริบตาต่อมา แสงอันไร้ที่สิ้นสุดก็ทำให้สติของเขาจมหายไป

….

ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะ ศาลามหากระบี่วารี

ฟางหยูลั่วนั่งไขว่ห้างอยู่ในห้องนอนของเธอและฝึกตน เธอไหลเวียนพลังปราณในร่างกายของเธอและพยายามจะเปิดประตูอันลึกซึ้งระหว่างคิ้วของเธอเพื่อทะลวงไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น

“ อ้ะ!” ทันใดนั้นเธอก็ส่งเสียงครวญครางออกมา ใบหน้าของเธอซีดราวกับกระดาษ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและลืมตาขึ้น เธอพูดอย่างเศร้าใจว่า “ มันยังใช้งานไม่ได้ ข้ายังไม่สามารถทะลวงได้ มันเหลือเวลาอีกแค่สองเดือนเท่านั้น…”

นี่คือเด็กผู้หญิงอายุ 16 ปี ด้วยความกระวนกระวาย น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของเธอขณะที่เธอพึมพำว่า “ ข้าควรจะทำอย่างไรดี? ข้าควรทำอย่างไรดี?"

มันยังมีเวลาอีกสองเดือนก่อนจะถึงการสอบของสำนัก หากเธอไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตประตูอันลึกซึ้งได้ก่อนหน้านั้น เธอก็จะถูกส่งออกไปเพื่อจัดการธุรกิจของสำนัก

ธุรกิจหลายอย่างของศาลามหากระบี่วานีนั้นทำกำไรได้ สำหรับคนทั่วไปแล้ว การได้บริหารธุรกิจเหล่านั้นก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนอย่างฟางหยูลั่วที่ต้องการจะไล่ตามจุดสูงสุดของเต๋ายุทธ์แล้ว มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง

ในศาลามหากระบี่วารี ตราบใดที่เธอถูกส่งออกไป มันก็จะเท่ากับการสูญเสียความเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้าต่อไปในเต๋ายุทธ์ เธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นความลึกลับของเต๋ายุทธ์อีก

ฟางหยูลั่วโตมากับการฟังเรื่องราวของเจียงไฉ่หยุน เจียงไฉ่หยุนเป็นคนที่เธอชื่นชมมากที่สุด เธอต้องการที่จะเป็นผู้หญิงอย่างเจียงไฉ่หยุน ผู้ซึ่งอุทิศตนเพื่อไล่ตามเต๋ายุทธ์

ด้วยความคิดนี้เอง เธอจึงมาเข้าร่วมกับศาลามหากระบี่วารี

หลังจากเข้ามาในสำนัก ฟางหยูลั่วก็ขยันหมั่นเพียรในการฝึกตนมาก

อย่างไรก็ตาม ผลที่ได้ก็ไม่ดีนัก

“ เป็นเพราะข้าเริ่มฝึกตนช้าเกินไปและพลาดช่วงอายุที่ดีที่สุดในการสร้างรากฐานของข้า…” ฟางหยูลั่วถอนหายใจเบาๆ ในใจของเธอ “ หรือมันจะเป็นเพราะข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไล่ตามเต๋ายุทธ์กัน? อืม นี่มัน…”

ทันใดนั้นเธอก็เห็นหน้าจอแสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ นอกจากนี้ มันก็ยังมีข้อความหนึ่งอยู่ในหน้าจอแสง

“ เจ้าต้องการจะเปลี่ยนชะตากรรมของเจ้าหรือไม่?”

“ ใช่ ฉันต้องอยากอยู่แล้ว!”

ฟางหยูลั่วตอบโดยไม่รู้ตัว

จากนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าม่านแสงได้เปลี่ยนเป็นสีอ่อนโยนที่กลืนกินเธอในทันที

ฟางหยูลั่วรู้สึกว่ามีภาพแปลกๆ มากมายปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ

เมื่อฉากแปลกประหลาดเหล่านี้หายไป โลกที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว

….

มันว่างเปล่าและเงียบงัน

นี่คือสี่เหลี่ยมหยกขาวขนาดใหญ่ พื้นเรียบมากและมีเมฆสีทองลอยอยู่บนท้องฟ้า มีรูปปั้นของสัตว์หายากอยู่รอบๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในสรวงสวรรค์

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครที่นี่มีใจที่จะเพลิดเพลินไปกับฉากที่สวยงามเช่นนี้ พวกเขาล้วนตกใจและงงงวยพอๆ กัน

บรรทัดข้อความก่อนหน้านี้คืออะไร

ทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่หลังจากตอบตกลงกัน?

นอกจากนี้ ที่นี่คือที่ไหน?

นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทำอย่างงั้นหรอ?

ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น?

ซ่งฉีซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นและสังเกตรอบข้างอย่างระมัดระวัง

ในขณะนี้ เขาก็รู้สึกช็อกในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

อย่างไรก็ตาม เขาก็กลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

ในขณะนี้ ซ่งฉีก็กำลังรู้สึกตื่นเต้นและสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว

เขารู้สึกได้ถึงเสียงคำรามในใจ “การเผชิญหน้าเซียน นี่คือการเผชิญหน้าเซียน! นี่คือการเผชิญหน้าเซียนในตำนาน!”

หัวใจของฟางหยูลั่วเองก็เต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน เธอตระหนักได้ว่ามันมีอีกสองคนนอกเหนือจากเธอ และความคิดทุกประเภทก็แล่นเข้ามาในใจของเธออย่างช่วยไม่ได้

“ เดิมทีข้าอยู่ในห้องพักของสำนัก แต่เมื่อข้าตอบคำถามนั้น ข้าก็ถูกพามาที่นี่ในทันที นี่มันเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?”

“ ด้วยขอบเขตในปัจจุบันของข้า มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะต่อต้าน ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังไม่มีอะไรคุ้มค่าที่คนอื่นจะมาวางแผนคิดร้ายต่อข้า”

“ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับข้า โอกาสครั้งใหญ่ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของข้าได้!”

….

ในขณะนี้ นอกจากซ่งฉีและฟางหยูลั่วแล้ว มันก็ยังมีอีกสองคนที่กำลังมองไปรอบๆ ด้วยความเหลือเชื่อ

เป้ง! ทันใดนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้น มันดังไปถึงหูของทุกคนในจัตุรัสและตราตรึงอยู่ในจิตใจของพวกเขา

เพียงเสียงระฆังก็ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายและวิญญาณของพวกเขาได้รับการชำระให้สะอาดแล้ว

ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ทำให้ซ่งฉี ฟางหยูลั่วและอีกสองคนตกใจ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะทันได้นึกถึงที่มาของเสียงระฆัง เสียงที่สง่างามอีกเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นจากอากาศเปล่า

“ ทุกคน ขอต้อนรับทุกคนสู่โลกสังสารวัฏ…”