ตอนที่ 310

บทที่ 310: ปรากฎการณ์เต๋าประจักษ์สวรรค์!

“ เราจะดูรอบๆ ก่อน” หงเหรินซื่อมองเจ้าของร้านด้วยความประหลาดใจและอดสงสัยไม่ได้

เขาไม่ได้มีสถานะสูงส่งเป็นพิเศษใน ดาวชงหยาง

ในทางกลับกัน หงเหรินซูก็ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับมันดี เขาเดินตามหลังหงเหรินซื่อและเดินไปรอบๆ ร้าน

ลุงเก้าที่ซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่าเริ่มระแวดระวังเล็กน้อย เขาตระหนักได้ว่าเจ้าของร้านคนนี้คือปราชญ์

ร้านนี้มีปราชญ์คอยดูแล!

จำนวนปราชญ์ในดาวชงหยางเยอะถึงขั้นนี้แล้วหรอ?

“ ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล นี่คือวิธีที่ข้าปฏิบัติต่อแขกของข้า” ทันใดนั้นลุงเก้าก็ได้ยินเสียงเจ้าของร้าน

“ เจ้าค้นพบข้าแล้วหรอ!” ลุงเก้าตกใจกับสิ่งนี้และมองไปที่เจ้าของร้านด้วยความเหลือเชื่อ เขาเป็นราชาปราชญ์ แบบนั้นแล้วปราชญ์จะค้นพบเขาได้ยังไง?

“ ผู้อาวุโสไม่ต้องแปลกใจ นี่คือร้านค้าของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ ท่านเซียนซุยได้ติดตั้งกฎพิเศษเอาไว้ที่นี่” เจ้าของร้านยิ้มและพูดต่อว่า “ ด้วยเหตุนี้เอง ในฐานะเจ้าของร้าน ข้าจึงมีความสามารถในการมองผ่านภาพลวงตาทั้งหมดในร้าน ไม่ต้องพูดถึงราชาปราชญ์เลย แม้แต่ผู้สร้างก็ยังไม่สามารถหลุดรอดไปจากสายตาของข้าได้”

“…” ลุงเก้าเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และเขาก็รู้สึกตกใจอย่างมากในใจของเขา แม้แต่ผู้สร้างก็ยังไม่รอด?

“ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทางร้าน ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล” เจ้าของร้านกล่าวเสริม เขาดูมีมารยาทมาก

เจ้าของร้านนี้คือเซียงไป่หลี่

เขาเป็นเซียนอนันต์ทองซึ่งเป็นคนแรกที่เสนอราคาเมื่อเป่ยฉิงซูเริ่มทำการขายยา

เดิมทีเขาต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อฟื้นฟูสำนัก แต่น่าเสียดายที่จำนวนยาปราชญ์นั้นมีมากเกินไป

ไม่นานหลังจากการขายสิ้นสุดลง ผู้คนจากนอกอาณาจักรก็มาที่ดาวชงหยางเพื่อซื้อยาปราชญ์

และตั้งแต่นั้นมา อาณาจักรห้าทัศนะก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย และจำนวนปราชญ์ก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นปราชญ์เพียงคนเดียวจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย

สิ่งนี้ทำให้เซียงไป่หลี่รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย เขาล้มเลิกแผนการที่จะฟื้นฟูสำนักและตัดสินใจเปลี่ยนแผนไปกอดต้นขาของสำนักมรณาเก้าสวรรค์แทน

เขาน่าจะมีอนาคตที่สดใสกว่านี้มาก

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมาที่เมืองร้อยปราชญ์และกลายเป็นเจ้าของร้านของที่นี่

แม้แต่เป่ยฉิงซูก็ยังไม่เคยพบกับเจ้าของร้านที่เป็นปราชญ์มาก่อน

นี่เป็นผลให้เซียงไป่หลี่ซึ่งแต่เดิมไม่โดดเด่นมากนักในหมู่ปราชญ์ กลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาโดยธรรมชาติ เขายังได้รับอนุญาตพิเศษจาก เป่ยฉิงซูให้เข้าสู่สำนักมรณาเก้าสวรรค์ได้ในทุกๆ สามปีเพื่อฟังเทศนาเต๋า

แม้ว่าผู้บรรยายจะเป็นเป่ยฉิงซู แต่ขอบเขตของเขาก็พิเศษมาก เขายังอยู่ในขอบเขตปราชญ์ แต่เขาก็มีลักษณะของกายาเต๋าแล้ว ด้วยสิ่งนี้ มันจึงเพียงพอแล้วที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อปราชญ์ “ตัวเล็กๆ” อย่าง เซียงไป่หลี่เป็นอย่างมาก

ตั้งแต่นั้นมา เซียงไป่หลี่ก็กลายเป็นผู้สนับสนุนที่จงรักภักดีของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อบริหารร้าน ไม่ว่าใครจะเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็จะต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้มและท่าทีที่เคารพ

หากใครไม่รู้จักเขาดี พวกเขาก็คงจะไม่คิดแน่ว่าเขาจะเป็นปราชญ์

“ เถ้าแก่ ท่านมีหนังสือเกี่ยวกับอาณาจักรเมฆาทองไหม?” ในขณะนี้ หงเหรินซื่อก็เดินเข้ามาและถามอย่างสุภาพ “ ข้าเคยได้ยินตำนานบางอย่างเกี่ยวกับอาณาจักรเมฆาทองและค่อนข้างสนใจมัน”

“ แน่นอน มันอยู่…” เซียงไป่หลี่กำลังจะชี้ไปทางหนึ่ง แต่แล้วเสียงของเขาก็หยุดลงกะทันหันและเขาก็มองไปที่ท้องฟ้าข้างนอกโดยไม่รู้ตัว

มันมืด!

“ ทำไมท้องฟ้าถึงมืดลง” หงเหรินซูวิ่งไปที่หน้าประตูร้านด้วยความสับสน เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถามว่า “ นี่เป็นปรากฏการณ์เต๋าหรอ?”

“ บุตรศักดิ์สิทธิ์กลับมาเร็วเข้า!” ลุงเก้าปรากฏตัวขึ้นโดยตรงและดึงหงเหรินซูกลับมาใกล้ตัว เขามองไปข้างนอกด้วยความตกใจและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ นี่.. ออร่านี้มันอะไรกัน!”

“ มันคือท่านเซียนซุย!” เซียงไป่หลี่มีความสุขมาก เขายิ้มและพูดว่า “ นี่คือออร่าของท่านเซียนซุย!”

….

บนที่ราบน้ำแข็งทางตอนเหนือสุด

นี่ควรจะเป็นช่วงเวลาครึ่งปีที่มีแสงแดดจัด แต่ตอนนี้มันก็กลับมืดสนิท

เก๋าโชวซินมองไปยังท้องฟ้าที่มืดลงอย่างกะทันหันด้วยความตกใจ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านขณะที่เขาพึมพำ “นี่คือการทะลวงขอบเขตหรอ?”

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าปรากฏการณ์ในปัจจุบันเป็นเพียงบทโหมโรงเท่านั้น ปรากฏการณ์ที่แท้จริงยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย!

ถึงอย่างนั้น เพียงแค่กลิ่นอายนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว

เขารู้สึกว่าหากเขาเผลอไปสัมผัสกับพลังนี้แม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะกลายเป็นขี้เถ้าไปในทันที!

มันน่ากลัวเกินไป!

….

ในตำหนักกาฬโรค

จูคังเซิงรีบวิ่งออกมาจากสระหมื่นพิษพร้อมกับเสียงโครมคราม เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิดด้วยความตกใจและพูดว่า “ ท่านประมุขเซียนกำลังทะลวงขอบเขต!”

“ แต่ท่านประมุขเซียนอยู่ที่ขอบเขตใดกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ออร่านี้ก็ยังแข็งแกร่งซะจนผู้สร้างในตำนานก็ยังเทียบเขาไม่ติด!”

“ นี่ข้า.. ข้ากำลังทำงานเพื่อการดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ! โชคดีจริงๆ ที่ข้าไม่ได้เป็นศัตรูกับเขา!”

ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักของตำหนักกาฬโรค เขาก็รู้มากกว่าเก๋าโชวซินอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขารู้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเข้าใจได้ว่าออร่าที่เปิดเผยออกมาโดยปรากฏการณ์นี้ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด!

….

เหนือหมู่เมฆ

เทพดวงดาวชงหยางปรากฏตัวขึ้นและมองดูสภาพแวดล้อมที่มืดมิดด้วยความตกใจ เขาพึมพำว่า “ ไม่น่าเชื่อ! มีปรากฏการณ์เช่นนี้ในโลกจริงๆ หรอ!”

ในฐานะที่เป็นเทพดวงดาวในระดับราชาปราชญ์ เขาก็สามารถเห็นสถานการณ์ของ "ความมืด" ได้อย่างชัดเจน

นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน มันคือการดูดซับแสงทั้งหมดที่ส่องลงมาจากจักรวาลไปยังดาวชงหยางโดยตรง ในเวลาเดียวกัน มันก็ยังควบคุมกฎเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดและป้องกันไม่ให้มันเปิดเผยแสงใดๆ ออกมา

แกนของปรากฏการณ์มืดนี้คือการควบคุมกฎของดาวชงหยางอย่างสมบูรณ์

ระดับการควบคุมนี้น่ากลัวเกินไป มันเกือบจะพูดได้ว่าเป็นเต๋าสวรรค์ของดาวชงหยาง มันสามารถควบคุมสถานที่ใดๆ บนดาวชงหยางก็ได้ตามต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นในระดับรูปธรรมหรือระดับนามธรรม ทุกสิ่งก็ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

“ นี่เป็นเพียงบทนำของปรากฏการณ์เต๋าเท่านั้น!” เทพดวงดาวชงหยางรู้สึกประหลาดใจมาก

“ ท่านประมุขเซียนนั้นยิ่งใหญ่จริงๆ!”

….

ในสำนักมรณาเก้าสวรรค์

ฮุ่ยฉีผู้ช่วยเป่ยฉิงซูจัดการเรื่องทางการต่างๆ และหลี่เฉิงที่กำลังจัดเรียงหนังสืออยู่ก็แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน จากนั้นใบหน้าของพวกเขาก็แสดงถึงความประหลาดใจ

“ ท่านประมุขเซียนก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วหรอ?” หลี่เฉิงรู้สึกประหลาดใจ “ แม้แต่คนที่ทรงพลังอย่างท่านประมุขเซียนก็ยังทำงานหนัก น่าชื่นชมจริงๆ”

“ ใช่แล้ว” ฮุ่ยฉีพยักหน้าและถอนหายใจ “ ตั้งแต่วันที่ข้าพบนายท่าน การกระทำทั้งหมดของเขาก็ล้วนเป็นไปเพื่อการฝึกตน เขาเท่านั้นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเต๋าที่แท้จริงได้!”

….

ในเมืองลู่หลิง

ซุยเฮ็งยังนั่งอยู่ในลานบ้านธรรมดาๆ

เขานั่งไขว่ห้างและตาของเขาก็ปิดลงเล็กน้อย มันเปล่งแสงสีทองจางๆ ออกมา พลังปราณสีม่วงที่แฝงไปด้วยกฎอันลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุดได้เริ่มห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้

ในขณะนี้ แสงสีม่วงทองก็สว่างขึ้นระหว่างคิ้วของเขา เด็กทารกในตำหนักหนี่วานของเขาเองก็เหยียดร่างกายออกและยืนขึ้น มันมีขนาดเท่ากับผู้ใหญ่แล้ว

เมื่อตัวอ่อนวิญญาณเติบโตขึ้น ความรู้มากมายก็เปลี่ยนกลายเป็นอักษรรูนลึกลับที่ไหลเวียนอยู่บนร่างกายของเขาซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีม่วงทอง พวกมันบานสะพรั่งอย่างไร้ที่สิ้นสุดและทำให้ตำหนักสีม่วงทองสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์

จุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณ!!

ทันใดนั้นดวงตาที่ปิดอยู่ของซุยเฮ็งก็เปิดขึ้น

ราวกับเทพโบราณที่หลับใหลอยู่ในความโกลาหล เมื่อเขาลืมตาขึ้น แสงสีม่วงทองอันไร้ขอบเขตก็ผลิบาน

เต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด กฎและหลักการที่ไม่มีที่สิ้นสุดสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในดวงตาของเขา

แม้แต่แหล่งที่มาของทุกสิ่งก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ในเวลาเดียวกัน ชั้นของแสงและเงาก็เริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือ ดาวชงหยาง

นี่คือสถานที่ที่ไม่รู้จักซึ่งเกี่ยวพันกับกฎแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่หลายพันล้านข้อ

ตอนนี้มันกำลังสว่างไสวไปด้วยแสงสีม่วงทองและสะท้อนเข้าไปในตาทุกคน

ปรากฏการณ์เต๋า!

สวรรค์ได้แสดงออกมาให้ประจักษ์แล้ว!