บทที่ 236 : สถานการณ์ของดาวไท่หง
“ เขาใช้เวลานานแค่ไหนในการหลบหนีจากดาวเทียนจูไปยังตำหนักเอกาสวรรค์” ซุยเฮ็งถาม
“ นี่… ท่านพ่อไม่ได้พูดเจาะจงขนาดนั้น” ยอดนักบุญสวรรค์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างไม่มั่นใจว่า “ อาจจะเป็นเดือนหนึ่งหรือสองหรือสามเดือน”
สำหรับเซียนทองที่มีชีวิตอยู่ได้นับพันปีนั้น เวลาไม่กี่เดือนนั้นก็ไม่ได้นานอะไรมากนัก
อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ไม่คิดเช่นนั้น
ผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณสามารถติดตามร่องรอยวิญญาณได้ แม้ว่ามันจะอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ที่สิ้นสุดก็ตาม
และแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถล็อกเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์ในทันที แต่พวกเขาก็ยังรับรู้ทิศทางโดยทั่วไปได้ และตราบใดที่พวกเขาตามทางมา พวกเขาก็จะสามารถค้นหาเป้าหมายได้ไม่ช้าก็เร็ว
แม้ว่าทิศทางของเป้าหมายนี้จะถูกทิ้งไว้หลายเดือน แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะกำหนดทิศทางที่จะไล่ตาม
ขอบเขตปราชญ์มีลักษณะของขอบเขตรวมวิญญาญบางอย่าง ดังนั้นมันจึงไม่แปลกถ้าพวกเขาจะมีความสามารถที่คล้ายกัน
มันเป็นความจริงที่จักรวาลนั้นกว้างใหญ่และไร้ขอบเขต และความรู้เรื่องทิศทางก็ค่อนข้างคลุมเครือ มันเกือบจะยากพอๆ กับการขึ้นสวรรค์
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าหลี่ฟาจะไม่มีเส้นสายหรือภูมิหลังใดๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ที่อยู่ของเขา
ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้ว่าผู้ฝึกตนของสำนักมรณาเก้าสวรรค์จะไม่รู้ว่าหลี่ฟาหายตัวไป แต่มันก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะทราบทิศทางคร่าวๆ ว่าเขาไปที่ไหน ดังนั้นเมื่อรวมกับทิศทางที่ถูกระบุโดยตราและร่องรอยความเป็นไปได้บนดาวเทียนจูแล้ว แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะกำหนดขอบเขตการสอบสวน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของซุยเฮ็งเท่านั้น
เป็นเวลา 6,700 ปีแล้วที่เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอได้สังหารหลี่ฟาลง มันไม่มีใครพบสถานที่แห่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว และบางทีสำนักมรณาเก้าสวรรค์ก็อาจจะไม่สามารถสืบหาความจริงได้ก็ได้
“ แม้ว่าผู้คนจากฝั่งนั้นจะยังไม่พบที่นี่ แต่มันก็ยังมีอันตรายซ่อนอยู่” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเองว่า “ หากผู้คนจากสำนักมรณาเก้าสวรรค์เกิดมาที่นี่แล้วไม่พบเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะลงไม้ลงมือกับคนบนดาว”
นี่เป็นไปได้มาก
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ทิ้งมังกรเพลิงสองตัวไว้ในต้าจินแล้ว ทั้งสองมีพลังขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นปลาย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของที่นั่น
หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี หากระดับพลังของพวกเขาทะลุผ่านหรือความเชี่ยวชาญในคาถาของเขาเพิ่มมากขึ้น ความแข็งแกร่งของมังกรเพลิงทั้งเก้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันจะสามารถรับรองความปลอดภัยของดาวเต๋าโจวได้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ซุยเฮ็งก็รู้สึกโล่งใจและยังคงถามต่อไปว่า “ แก่นแท้ทองคำของเจ้ามาจากเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอหรือหลี่ฟา?”
“ มันเป็นของท่านพ่อของข้า” ยอดนักบุญสวรรค์กล่าวตามความเป็นจริง “ ข้าได้มอบแก่นแท้เซียนให้กับเทพลึกลับ และตอนนี้เขาก็เป็นเซียนทองครึ่งขั้นแล้ว เขาจัดการเรื่องบางอย่างให้ข้าอยู่ แต่เขาก็ได้รับคำสั่งไม่ให้ออกไปจากตำหนักนักบุญสวรรค์”
“ ตำหนักนักบุญสวรรค์ได้ปรากฏขึ้นในตอนที่เจ้าเรียก…” ซุยเฮ็งขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็มองไปที่เสาแสงที่อยู่ไม่ไกล “ มันเป็นเพราะเจ้าใช้พลังของผลึกน้ำค้างสวรรค์นี่เองสินะ”
เขาสังเกตลำแสงอยู่ครู่หนึ่งและเข้าใจความหมายของมัน
นี่เป็นภาพมายาขนาดใหญ่ที่รวมเอาพลังอันยิ่งใหญ่ของโชคของประเทศและจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มีอยู่ในผลึกน้ำค้างสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งเกินขอบเขตเซียนอนันต์ทอง
ตราบใดที่เขาซ่อนอยู่ในภาพมายานี้ การเชื่อมต่อกับตราปราชญ์ก็จะไม่ถูกเปิดเผย
นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่สำนักเซียนทั้งเก้าถึงต้องการผูกขาดผลึกน้ำค้างสวรรค์ ทุกอย่างก็เพื่อยอดนักบุญสวรรค์
“ ดวงตาของท่านเปรียบเสมือนคบเพลิง” ยอดนักบุญสวรรค์ยกย่องด้วยความเคารพอย่างยิ่ง จากนั้นเขาก็พูดอย่างขมขื่นว่า “ อันที่จริง ข้าก็ยังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวอยู่เล็กน้อย หากเซียนทองต้องการบุกทะลวงไปสู่ขอบเขตเซียนอนันต์ทอง เขาก็จำเป็นจะต้องรวบรวมจิตวิญญาณจำนวนมากของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเพื่อเสริมสร้างเนื้อแท้แห่งแก่นแท้เซียน”
“ ข้าคิดที่จะใช้ประโยชน์จากพิธีกรรมนี้เพื่อรวบรวมเอาพลังที่มีอยู่ในผลึกน้ำค้างสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนออกมาเพื่อช่วยให้ข้าได้กลายเป็นเซียนอนันต์ทอง…”
“ จากขอบเขตเซียนทองไปจนถึงขอบเขตเซียนอนันต์ทอง เจ้าก็ยังมุ่งเน้นไปที่การเสริมความแข็งแกร่งให้กับแก่นแท้เซียนเป็นหลักอยู่อีกหรอ” ซุยเฮ็งตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ เคล็ดวิชาที่เจ้าฝึกนั้นต้องการแก่นแท้เซียนเพื่อให้สามารถกลายเป็นเซียนทองไหม? โอ้ ไม่ใช่แค่เจ้าสิ แม้แต่เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอและหลี่ฟาเองก็เหมือนกัน…”
ในตอนแรก เขาก็คิดว่าเทพเต๋าจงใจมอบเคล็ดวิชาเจ้าปัญหานี้ให้กับชาวพื้นเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ไม่สามารถบรรยายได้
แต่ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่านี่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอหรือหลี่ฟา แกนหลักของการฝึกตนของพวกเขาก็คือแก่นแท้เซียน
นี่หมายความว่าไม่เพียงแต่มันจะมีปัญหากับวิธีการฝึกของเทพเต๋าเท่านั้น แต่มันยังมีปัญหาอย่างแน่นอนกับวิธีการฝึกของดาวชงหยาง
ในความเห็นของซุยเฮ็ง วิธีการฝึกแบบนี้นั้นไม่ใช่วิธีการปกติๆ อย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าแก่นแท้เซียนเหล่านี้ยังสามารถถูกควักออกมาได้เลย
แม้ว่าแก่นแท้เซียนที่ครอบครองโดยผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ทองคำจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันบนพื้นผิว แต่จริงๆ แล้วมันก็มีความแตกต่างกันในเรื่องพื้นฐาน
อย่างแรกเป็นสิ่งที่เกิดจากการประดิษฐ์
ขณะที่อย่างหลังเป็นสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติเมื่อทะลวงสำเร็จ สิ่งนี้เทียบเท่าได้กับส่วนหนึ่งในร่างกายของผู้ฝึกตนเอง แล้วนับประสาอะไรกับการถูกปล้น?
มันสามารถถูกทำลายได้เท่านั้น!
เมื่อยอดนักบุญสวรรค์ได้ยินคำพูดของซุยเฮ็ง เขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยและพูดด้วยความสับสนว่า “ ท่านปราชญ์ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ในความเข้าใจของเขา การย่อยแก่นแท้เซียนและกลายเป็นเซียนทองนั้นก็เป็นเส้นทางที่ถูกต้อง มันไม่มีเส้นทางอื่นอีก
“ เปล่าเลย” ซุยเฮ็งส่ายหัวเล็กน้อยและไม่ได้อธิบายปัญหาเกี่ยวกับการฝึกตนที่เขาคิด จากนั้นเขาก็ถามต่อไปว่า “ ผู้คนในโลกสูญสวรรค์ตั้งแต่มนุษย์ธรรมดา เก้าสำนักเซียนไปจนถึงอารามพุทธทั้งสามนั้นมาจากไหนกัน?”
ตามที่ยอดนักบุญสวรรค์กล่าวก่อนหน้านี้ โลกสูญสวรรค์ก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเก้าเมฆาสวรรค์ที่ลอยมาใกล้ๆ กับดาวเต๋าโจว
ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลังจากประสบกับการระเบิดอย่างรุนแรงและกระเด็นข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ที่สิ้นสุดมา แม้ว่าชิ้นส่วนนี้จะคงสถานะของโลกที่แตกสลายเอาไว้ได้ แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่มันจะยังคงมีสิ่งมีชีวิตเหลือรอดมาได้
“ เรียนท่านปราชญ์ โลกสูญสวรรค์นั้นเป็นสถานที่รกร้างอย่างแท้จริงในตอนแรก มันไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตใดๆ” ยอดนักบุญสวรรค์อธิบาย
“ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ท่านพ่อใช้ตำหนักเอกาสวรรค์ในเวลานั้นเพื่อเข้าสู่พรมแดนระหว่างสวรรค์และปฐพี เขาก็ได้ค้นพบสถานการณ์หนึ่ง
แม้ว่าจุดที่โลกสูญสวรรค์ตั้งอยู่นั้นจะอยู่รอบๆ ดาวเต๋าโจว แต่มันก็มีหลายครั้งที่มันเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง และเชื่อมโยงกันในทุกๆ ร้อยปี
ในช่วงเวลาที่เหลือ โลกสูญสวรรค์ก็จะท่องไปในอวกาศ บางครั้งเราจะได้พบกับโลกใบเล็กในระดับต่ำ โลกใบเล็กเหล่านี้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และเหมาะแก่การอยู่อาศัย และมันก็อาจมีอารยธรรมบางอย่าง
และเนื่องจากโลกสูญสวรรค์ที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมมีสัญชาตญาณในการซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติ การกลืนโลกใบเล็กที่มีระดับต่ำกว่าตัวมันเองจึงถือเป็นวิธีการซ่อมแซมตัวเองด้วย
ในกระบวนการ 'ซ่อมแซม' นี้ โลกสูญสวรรค์ก็ได้ผนวกรวมโลกใบเล็กขนาดใหญ่สองใบและโลกใบเล็กขนาดเล็กอีกกว่าสามสี่ใบ ท่านพ่อได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการส่งคนไปปกครองพวกเขา ซึ่งมันก็ทำให้โลกสูญสวรรค์กลายมาเป็นได้ดั่งเช่นในทุกวันนี้
สองโลกแรกได้ก่อตั้งมาเป็นรากฐานในปัจจุบันของโลกสูญสวรรค์ ในขณะที่โลกหลังได้นำอารามพุทธทั้งสามแห่งมา สำหรับผู้ฝึกตนของสำนักเซียนแล้ว พวกเขาก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านพ่อ
ระหว่างทางไปดาวเต๋าโจวกับเทพเต๋า ท่านพ่อก็เคยได้พบกับดาวที่มีชีวิตที่ชื่อว่าดาวไท่หง ในเวลานั้น ทุกคนรวมถึงเทพเต๋าก็ได้นำกลุ่มคนจากดาวที่มีชีวิตนั้นมาเป็นกลุ่มผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรก
“ สำนักเซียนทั้งสิบแห่งโลกสูญสวรรค์มีที่มาแบบนี้เองหรอ…”
“ อะไรนะ?!” ซุยเฮ็งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงต่ำ “ เจ้าเพิ่งพูดว่าดาวไท่หงหรอ?”
นี่ไม่ใช่ดาวที่ภรรยาของหงฟู่กุ่ยพาเขาไปใช่ไหม?
ดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่?
“ ชะ.. ใช่แล้ว!” ยอดนักบุญสวรรค์ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ซุยเฮ็งจึงถามเกี่ยวกับดาวไท่หง เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ ท่านปราชญ์ มีอะไรผิดปกติกับดาวไท่หงหรือไม่?”
“ พ่อของเจ้าพูดอะไรเกี่ยวกับดาวไท่หงบ้างหรือไม่” ซุยเฮ็งถาม เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้รู้ที่อยู่ของหงฟุ่กุ่ยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
“ ก็มี แต่ว่า…” ยอดนักบุญสวรรค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ ท่านปราชญ์ ตามที่ท่านพ่อของข้าได้บอกมา มันก็ไม่มีอะไรผิดแปลกเกี่ยวกับดาวดวงนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเทพลึกลับเท่านั้น มันไม่ได้มีนัยสำคัญใดๆ”
ความหมายของเขาชัดเจน ดาวเคราะห์ธรรมดาๆ เช่นนี้จะดึงดูดความสนใจของปราชญ์ที่สูงส่งอย่างซุยเฮ็งได้อย่างไร?
มันแปลกนิดหน่อยจริงๆ
“ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเทพลึกลับเท่านั้นเองหรอ?” ซุยเฮ็งขมวดคิ้วและถามว่า “ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่คืออะไร?”
“ สิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่?” ยอดนักบุญสวรรค์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ นั่นน่าจะเป็นเพียงชื่อเท่านั้น สำหรับมนุษย์แล้ว เซียนสวรรค์ก็สามารถเรียกได้แล้วว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ และสำหรับเซียนสวรรค์แล้ว เซียนทองก็ยังถือเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่เช่นกัน”
เมื่อถึงจุดนี้ เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ และสำหรับข้าแล้ว ท่านปราชญ์ผู้สูงส่งเช่นท่านก็คือสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่เช่นกัน”
“ อย่างนั้นหรอ?” การจ้องมองของซุยเฮ็งลึกล้ำในขณะที่ความคิดแล่นผ่านจิตใจของเขา
เขาไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ในข้อความที่หงฟู่กุ่ยทิ้งเอาไว้จะเป็นเพียงเทวาหรือเทพลึกลับ
ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากที่ภรรยาของหงฟู่กุ่ยฟื้นความทรงจำของเธอแล้ว เธอก็ได้นำเรือเหาะที่สามารถบินข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้ออกมา
นั่นหมายความว่ามันเป็นไปได้มากที่เรือเหาะนี้จะเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่มีข้อจำกัดใดในขอบเขตการฝึกตนของผู้ควบคุม
วิธีการและสมบัติดังกล่าวไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในตอนที่ซุยเฮ็งกำลังฝึกฝน “เคล็ดวิชาปราบปรามอาวุธ” เขาก็ได้เข้าใจลักษณะของอาวุธและสมบัติธรรมมากมาย
สมบัติประเภทที่สามารถเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของมนุษย์ได้นั้นสามารถขัดเกลาได้ด้วยวัสดุพิเศษที่มีจิตวิญญาณเท่านั้น และเมื่อมันรวมเข้ากับความสามารถในการควบคุมทางวิญญาณของขอบเขตรวมวิญญาณแล้วเท่านั้น มันจึงจะสามารถขัดเกลาได้
อาจเรียกได้ว่ามันเป็น “สมบัติวิญญาณ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ที่หงฟู่กุ่ยกล่าวถึงอย่างน้อยก็จะต้องเป็นปราชญ์ผู้ซึ่งมีคุณสมบัติบางอย่างของผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณ มันเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนที่เทียบได้กับขอบเขตรวมวิญญาณ
ซุยเฮ็งมีแนวโน้มที่จะเชื่ออย่างหลังมากกว่า
ความเข้าใจของยอดนักบุญสวรรค์เกี่ยวกับดาวไท่หงนั้นมาจากพ่อของเขา และนั่นก็เป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่เมื่อ 7,000 ปีที่แล้ว
เวลา 7,000 ปีก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่
“ ฉันยังคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่าขอบเขตปราชญ์คืออะไร”
ซุยเฮ็งครุ่นคิดในใจของเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าร่างของตัวอ่อนวิญญาณในร่างกายของเขานั้นชัดเจนขึ้น “ กำไรในครั้งนี้มีมากเกินไป หลังจากที่ฉันตรวจสอบตำหนักนักบุญสวรรค์เสร็จแล้ว ฉันก็น่าจะสามารถทะลวงไปสู่ขั้นกลางได้แล้ว!”
จากนั้นเขาก็มองไปที่ยอดนักบุญสวรรค์และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ไปกันเถอะ พาข้าไปที่ตำหนักนักบุญสวรรค์ของเจ้า”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved