โจวโจวพอเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
มันกลายเป็นว่าโรคระบาดพลังงานได้เปลี่ยนให้โลกใบเล็กหมื่นมายากลายเป็นเช่นนี้
มันไม่จำเป็นต้องคิดมากเนื่องจากมีโอกาสสูงที่โรคระบาดพลังงานนี้จะเกิดจากความโลภของผู้ที่หวังในรางวัลสุดท้ายของกิจกรรมหักขวานศึก
ถึงกระนั้น… เขาก็มีคำถามต้องถามอีกฝ่าย
“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้สร้างโลกใบเล็กนี้ขึ้นมาเองเหรอ? ทำไมพวกเจ้าถึงหนีไปเองไม่ได้?” เขาถาม
“ในอดีต ผู้นำสือลั่วได้บอกว่าเคล็ดวิชาผนึกชีวาฟ้าดินที่พวกเราสร้างขึ้นมานั้นสามารถเข้าและออกได้ตามชอบใจ ซึ่งเคล็ดวิชาเช่นนี้ย่อมไม่สามารถปกป้องเผ่าพันธุ์ชะตามายาของพวกเราได้เลย เพราะตราบใดที่ชาวชะตามายาสามารถออกไปได้ มันก็มีความเป็นไปได้ที่เผ่าพันธุ์ของพวกเราจะถูกทำลายได้เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงไม่สามารถแก้ไขเคล็ดวิชาผนึกชีวาฟ้าดินได้ พวกเราทำได้เพียงแค่รอให้เคล็ดวิชานี้เสื่อมสภาพไปด้วยตัวเอง”
“มันมีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้มันเสื่อมสภาพไปได้ก็คือเมื่อพลังงานในโลกใบเล็กหมื่นมายาหมดสิ้นไป ทำให้มันจะไม่มีทางคงสภาพเคล็ดวิชาผนึกชีวาฟ้าดินได้ และเมื่อนั้นเคล็ดวิชานี้ก็จะถูกแก้ไขไปด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้พวกเราสามารถออกไปได้”
“นี่หมายความว่าพลังงานในโลกใบเล็กนี้ใกล้จะหมดลงแล้วเหรอ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ โจวโจวก็สัมผัสได้ถึงความหนาแน่นของพลังงานของโลกใบเล็กนี้และตระหนักได้ว่ามันเหลือพลังงานอยู่ในอากาศแค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายอันทรงพลังของเขา เขาก็อาจจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานจำนวนน้อยนิดเช่นนี้
ความหนาแน่นของพลังงานนี้เทียบได้กับดาวเคราะห์สีน้ำเงินในยุคสมัยที่ไม่มีการบ่มเพาะพลังเลย
“มันเหลืออีกไม่เยอะแล้ว น่าจะเหลืออีกแค่ประมาณ… 1,000 ปีก่อนที่พลังงานในโลกใบเล็กหมื่นมายาจะหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น เผ่าพันธุ์ของพวกเราก็อาจจะถูกทำลายล้างไปหมดแล้วก็ได้ มันคงไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น”
คาบับยิ้มแห้งๆ
โจวโจวพยักหน้า
“งั้น… เหตุผลที่ ‘หลง’ อยากจะกินพวกเจ้าทุกคนก็เป็นเพราะเขาติดโรคระบาดพลังงานด้วยงั้นเหรอ?”
โจวโจวถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่” คาบับรีบส่ายหัว “โรคระบาดพลังงานมีผลแค่กับบรรพบุรุษในอดีตของพวกเราและลูกหลานของพวกเขาภายในสามชั่วอายุคนเท่านั้น พวกเราที่เป็นลูกหลานในรุ่นต่อๆ มา จึงไม่ได้ติดโรคระบาดมาด้วย ไอ้หลงนั่นอยากจะกินพวกเราเพราะมันหิวก็เท่านั้น!”
“เจ้ารู้อะไรไหม? เพื่อให้ตัวเองกินพวกเราไปได้นานๆ มันกระทั่งเลี้ยงพวกเราไว้เป็นเชลยเพื่อที่จะได้กินพวกเราไปนานๆ ด้วย”
“หิวเหรอ? เลี้ยงเชลยเหรอ? บ้าขนาดนั้นเลย?”
โจวโจวตกใจ
คาบับพยักหน้าอย่างจริงจัง
“แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อความอยู่รอด แต่การกินเผ่าพันธุ์เดียวกันและกระทั่งเลี้ยงพวกเขาไว้เป็นเชลยล่ะก็…” สีหน้าของซื่อซวนเถียนเย็นวาบขึ้นมา “เดรัจฉานเช่นนี้สมควรถูกสังหาร!”
โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมา
ซื่อซวนเถียนพูดถูก แต่เขาก็รู้สึกว่าเรื่องต่างๆ ไม่น่าจะเรียบง่ายขนาดนั้น
“แล้วเจ้าล่ะ? ทำไมเจ้าไม่หิว? ที่แห่งนี้แห้งแล้งมาก มันน่าจะยากที่จะปลูกพืชพรรณหรือเลี้ยงสัตว์หนิใช่ไหม?”
โจวโจวขมวดคิ้วและถาม
“บรรพบุรุษของพวกเราอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว ด้วยพรสวรรค์ประจำสายเลือดของพวกเรา พวกเขาจึงสามารถอนุมานวิธีการบ่มเพาะที่มีชื่อว่า ‘สายลมและน้ำค้าง’ ขึ้นมา เคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้สามารถใช้ดูดซับสายลมและน้ำค้างในยามเช้าได้เพื่อใช้แทนอาหารและเติมเต็มพลังงานในร่างกายได้ด้วย”
“อย่างไรก็ตาม ราคาที่ต้องจ่ายก็คือถ้าพวกเราไม่มีแหล่งพลังงานอื่น ระดับพลังของพวกเราก็จะลดลงด้วยความเร็วช้าๆ”
คาบับส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “เมื่อเผ่าพันธุ์ชะตามายาของพวกเราอพยพมาที่นี่เป็นครั้งแรก ตอนนั้นพวกเรามีเทพชั้นสูงอยู่หลายต่อหลายคน แต่ในรุ่นของข้า คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่ในระดับทองคำเหลืองขั้นสูงเท่านั้น ความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษของเราได้กลายเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว และในตอนนี้แม้แต่ความต้องการพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั่วไป พวกเราก็ยังไม่อาจทำได้เลย”
โจวโจว “...”
เดิมทีเขาคิดว่าคนบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินนั้นได้ล้อเล่นกับเขา ไม่น่าเชื่อว่าในโลกที่ไม่ธรรมดาอย่างทวีปจื้อเกา มันยังมีบางสิ่งบางอย่างเช่นการดื่มลมตะวันตกแทนการกินอาหารอยู่จริงๆ ด้วย
“เจ้ายังไม่ได้ใช้มหาพุทธะครั้งสุดท้ายใช่ไหม? ทำไมพวกเจ้าไม่ใช้มันเพื่อหาวิธีออกไปจากโลกนี้ล่ะ? เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้ากำลังล่มสลาย แทนที่จะตายอยู่ที่นี่ด้วยความคับข้องใจ มันจะไม่ดีกว่าเหลือที่จะเดินออกไปจากโลกใบนี้และต่อสู้กับศัตรูจนตาย”
โจวโจวกล่าว
“มหาพุทธะยังใช้งานได้อีกครั้งหนึ่งจริงๆ แต่ผู้นำสือลั่วก็คิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้วในอดีต ดังนั้นเขาจึงได้ทำข้อตกลงกับมหาพุทธะไว้นานแล้ว ถ้ามีใครในอนาคตที่ถามหาวิธีการออกไปจากโลกนี้ มหาพุทธะที่มีสติปัญญาเป็นของตัวเองก็จะไม่ตอบคำถามนี้”
โจวโจวพยักหน้า
เขาไม่ได้ประหลาดใจนักที่มหาพุทธะมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
ในโลกที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ ยิ่งระดับตัวตนสูงเท่าไร มันก็คงง่ายที่พวกมันจะมีสติปัญญาเป็นของตัวเองและก่อกำเนิดตัวตนที่คล้ายคลึงกับจิตวิญญาณขึ้นมา
มันเป็นธรรมดาที่สมบัติที่ถูกมอบให้เป็นรางวัลจากเจตจำนงสูงสุดอย่างมหาพุทธะจะมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง
“และมันก็ไม่ได้อยู่ในมือของพวกเรานานแล้ว มันอยู่กับหลง ในตอนนั้น มันได้ช่วงชิงมหาพุทธะไปเมื่อมันได้ทรยศต่อเผ่าพันธุ์ชะตามายา ซึ่งมันจะได้ใช้มหาพุทธะครั้งที่สามไปแล้วหรือไม่นั้น พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
คาบับถอนหายใจออกมา
“หลง…”
โจวโจวพึมพำ
เขาถูกล่อลวงเล็กน้อยเพราะเขามีข้อสงสัยมากมายในใจ
ถ้ามหาพุทธะมีประโยชน์อย่างที่คาบับพูดไว้จริงๆ เขาก็ต้องเอามันมาให้ได้
สำหรับการใช้งานครั้งที่สามงั้นเหรอ?
เขาจะรู้เองเมื่อชิงมันมาได้
“หลงอยู่ที่ไหน?”
โจวโจวถามออกมาทันที
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาก็จะมาชิงชาวเผ่าพันธุ์ไปกินทุกๆ 10 ปี เมื่อลองนับวันดูแล้ว พวกเราน่าจะได้เจอมันอีกใน 3 เดือน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของคาบับก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
โจวโจวขมวดคิ้ว
สามเดือน?
เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น มันคงจะสายเกินไปแล้วเมื่อถึงตอนนั้น
เขาคิดเกี่ยวกับมัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจคิดหาวิธีแก้ปัญหาได้ เขาอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ถ้าเขามีความแค้นกับหลง เขาก็อาจจะใช้ไอเท็มสุดท้ายอย่างเข็มทิศวิญญาณแห่งการล้างแค้นได้
เมื่อเขามีความบาดหมางกับอีกฝ่ายเท่านั้นจึงจะทำให้เขาสามารถระบุชื่อของอีกฝ่ายลงไปบนเข็มทิศเพื่อหาตำแหน่งของอีกฝ่ายได้
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีความแค้นกับอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้ไอเท็มสุดท้ายได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม
เขาคิดอยู่สักพัก แต่ก็ยังคิดหาวิธีไม่ออก
“พาพวกเราไปหาพวกเจ้าที่เหลืออยู่ก่อนละกัน”
“ได้สิ”
คาบับพยักหน้าและพยายามจะยืนขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน เขาก็โซเซและเกือบจะล้มลงอีกครั้ง
สีหน้าของคาบับไม่เปลี่ยนแปลง
นี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา
เมื่อโจวโจวเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้เหตุผลได้ในทันที
ร่างกายของอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไป
มันคงจะแปลกถ้าร่างกายของอีกฝ่ายจะไม่อ่อนแอหลังจากดื่มกินสายลมและน้ำค้างอยู่ทุกวัน
โจวโจวหยิบเอายาฟื้นพลังงานระดับบรอนซ์เขียวขั้นสูงออกมาจากกล่องสมบัติแห่งราชาและยื่นมันให้กับเขา
“ดื่มมันก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน”
เขาพูดออกมา
คาบับอึ้งไป จากนั้นก่อนที่เขาจะทันได้คิดออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้กลิ่นหอมเย้ายวนขึ้นมา
นี่คือ… กลิ่นของพลังงานที่สดชื่นและอุดมสมบูรณ์!
“ให้ข้าเหรอ?”
เขามองไปที่โจวโจวด้วยความเหลือเชื่อ