ตอนที่ 401

บทที่ 401 : พื้นที่ดวงดาวที่สึกกร่อน

หลังจากพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับชายทั้งสอง ซื่อฉิงหยูก็รีบออกจากถนนไปพร้อมกับหยูเล่ยและกลับไปยังที่พักชั่วคราวของเธอ

พฤติกรรมนี้ทำให้หยูเล่ยงงงวย

ในลานทางเหนือของเมืองฟางเทียน หยูเล่ยพูดอย่างงุนงงว่า “ พี่สาวทำไมเราถึงต้องหลบหน้าสองคนนั้นกันล่ะ พวกเขาเป็นเพียงปราชญ์ไม่ใช่หรอ?”

“ ไม่! พวกเขาไม่ใช่แค่ปราชญ์แน่นอน” ซื่อฉิงหยูส่ายหัวและพูดว่า “ ข้าสัมผัสได้ถึงออร่าอันลึกล้ำและทรงพลังจากพวกเขา มันยิ่งใหญ่เกินกว่าสถานะปัจจุบันของเรามาก”

“ นั่นเป็นไปไม่ได้!” หยูเล่ยขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้และพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “ แม้ว่าพลังเต๋าสวรรค์ของเราจะถูกผนึก วิญญาณของเราจะถูกแยกออก และการฝึกตนของเราจะได้ลดลงจากขอบเขตผสมผสานไปยังขอบเขตกายาเต๋า แต่กระนั้นเราก็ยังคงเป็นจ้าวเต๋าอยู่ดี”

“ ถ้าสองคนนั้นอยู่เหนือกว่าสถานะในปัจจุบันของเรา พวกเขาก็จะต้องเป็นจ้าวสวรรค์สองคนไม่ใช่หรอ? แต่นั่นมันก็เป็นไปไม่ได้ ผู้อาวุโสเคยกล่าวไว้ว่าในโลกนี้ จ้าวสวรรค์ก็แทบจะหาตัวไม่พบ”

“ ความรู้สึกของข้าไม่เคยพลาด” ซื่อฉิงหยูยังคงมั่นใจในสัญชาตญาณของเธอ เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ ตั้งแต่ข้าเกิดมา ความรู้สึกของข้าก็ไม่เคยผิดพลาดเลย สองคนนี้อันตรายมาก”

“ ก็ได้” หยูเล่ยดูเหมือนจะยอมประนีประนอมและพยักหน้าเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังถามต่อว่า “ ศิษย์พี่ ถ้าสองคนนั้นอันตรายมาก งั้นการกลับไปที่บ้านของเราจะไปมีประโยชน์อะไร?”

“ มันต้องมีสิ ข้าได้ตั้งค่ายกลเอาไว้ที่นี่แล้ว” ซื่อฉิงหยูพยักหน้าและยิ้ม

“ แกนหลักของค่ายกลนี้คือสมบัติสวรรค์ที่มีพลังเต๋าสวรรค์อันหนาแน่น ดังนั้น พลังของค่ายกลนี้จึงทรงพลังมาก มันยังสามารถช่วยให้เจ้าและข้าฟื้นพลังของเต๋าสวรรค์ได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ”

บู้มมมม!

ในขณะนี้ ซื่อฉิงหยูและหยูเล่ยก็ได้ยินเสียงระเบิด ราวกับว่ามีบางอย่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังโดยรอบเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเช่นกัน

“ ไม่ดีแล้ว!” ซื่อฉิงหยูตกใจมาก เธอมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความเหลือเชื่อและคว้าหยูเล่ยเข้ามาใกล้ “ ไปกันเถอะ เราถูกค้นพบแล้ว!”

“ อะไรนะ?!” หยูเล่ยตกตะลึง

สถานการณ์เปลี่ยนไปเร็วเกินไป ซื่อฉิงหยูเพิ่งพูดจบว่าค่ายกลนี้ทรงพลังเพียงใด แต่ตอนนี้มันก็ได้แตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว

มันเร็วขนาดนั้นเลยหรอ?!

น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้วที่จะหลบหนี

ซื่อฉิงหยูเพิ่งจะบินขึ้นไปพร้อมกับหยูเล่ย แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกได้ว่าพื้นที่รอบตัวเธอกำลังบิดเบี้ยว

ในช่วงเวลาต่อมา เธอก็รู้ว่าเธอและหยูเล่ยได้กลับมาที่ลานบ้านแล้ว

ราวกับว่าพวกเธอไม่เคยจากไปไหนมาก่อน

“ เป็นไปได้ยังไง? เขาสามารถพับพื้นที่มิติได้อย่างง่ายดายและทำให้ประสาทสัมผัสของข้าบอดสนิท นี่คือฝีมือของจ้าวสวรรค์งั้นหรอ!”

แม้ว่าตอนนี้ซื่อฉิงหยูจะอยู่ที่ขอบเขตจ้าวเต๋า แต่เดิมแล้วเธอก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตผสมผสาน เธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้น

แต่กระนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ถูก

เธอทำได้เพียงพยายามพาหยูเล่ยหลบหนีต่อไป

แต่สุดท้ายเธอก็ได้แต่ยอมแพ้

“ ข้าขอทราบได้ไหมว่าผู้อาวุโสคนใดกันที่เคลื่อนไหว?” ซื่อฉิงหยูแสดงออกอย่างสับสนและคำนับขึ้นไปบนท้องฟ้า “ ถ้าพวกเราพี่น้องทำอะไรผิดไป ท่านก็โปรดบอกพวกเราด้วย”

เธอพยายามอย่างเต็มที่ในการแสดงให้เหมือนกับผู้ฝึกตนพื้นเมือง

สำหรับซื่อฉิงหยู ตราบใดที่เธอไม่เปิดเผยว่าเธอมาจากนอกโลก มันก็จะไม่มีปัญหาอะไรมากนัก

หยูเล่ยก้มศีรษะลงด้านข้างและนิ่งเงียบ สีหน้าของเขามืดมนและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“ ผู้บุกรุกนอกโลกสองคนมาที่นี่และยังกล้าถามว่าพวกเขาทำอะไรผิด?” เสียงหยอกล้อเล็กน้อยดังขึ้นในความว่างเปล่า

จากนั้นชายหนุ่มสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศเปล่า

พวกเขาคือซุยเฮ็งและฮุ่ยฉี

คนสองคนที่ซื่อฉิงหยูและหยูเล่ยได้พบบนถนน

“ อะไรนะ?!”

“ เป็นไปได้ยังไงกัน!”

การแสดงออกของซื่อฉิงหยูและหยูเล่ยเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ พวกเขามองไปที่คนทั้งสองที่ปรากฏตัวขึ้นด้วยความเหลือเชื่อในทันใด

ทันทีหลังจากนั้น พวกเขาก็โจมตีโดยไม่ยั้ง พวกเขากำลังจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในกายาเต๋าและพยายามจะโต้กลับด้วยวิธีนี้และหลบหนีไป

ด้วยเหตุนี้เอง พลังอันมหาศาลอย่างหาที่เปรียบมิได้ในกายาเต๋าของพวกเขาจึงปะทุขึ้น มันส่งผลกระทบต่อกฎและทำให้ดาวไท่หงส่วนใหญ่สั่นสะเทือน มันปลุกผู้สร้างและราชาปราชญ์หลายคนที่อยู่ในความสันโดษหรือฝึกตนให้ตื่นขึ้น

“ ระดับของพลังกายาเต๋านี้… มันคือจ้าวเต๋า!”

“ จ้าวเต๋าจากโลกภายนอกได้ปรากฏตัวบนดาวไท่หง? พวกเขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ มันอยู่ในเมืองฟางเทียน ทำไมจ้าวเต๋าคนนี้ถึงลงมือโจมตีกัน?!”

หินนี้ทำให้เกิดระลอกคลื่นนับพัน!

ในเวลาเพียงพริบตา พลังของกายาเต๋าก็ได้ปะทุขึ้น มันทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นบนดาวไท่หง

“ สามหาว!”

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นทั่วดาวไท่หง

มันกดข่มกายาเต๋าที่ทรงพลังอย่างยิ่งทั้งสองลงในทันที

ในขณะเดียวกัน ดาวไท่หงทั้งหมดก็กลับสู่ความสงบตามปกติ

ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็กลับทำให้ผู้คนในดาวไท่หงตกใจและหวาดกลัวมากยิ่งกว่า

นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจ้าวเต๋า!

ทั้งหมดนี้ปรากฎขึ้นบนดาวไท่หง!

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! ในขณะนี้ ในลานบ้านที่ดูธรรมดามาก ซื่อฉิงหยูและหยูเล่ยก็กำลังนั่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว พวกเขามองไปที่ฮุ่ยฉีด้วยความตกใจ

“ จ้าวสวรรค์ชั้นสูง?!” ใบหน้าของซื่อฉิงหยูเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เธอพูดอย่างขมขื่นว่า “ เหตุใดจึงมีจ้าวสวรรค์ชั้นสูงอยู่ที่นี่ได้? ทำไมกัน?!”

“ นอกเหนือจากผู้พิทักษ์สวรรค์ทั้งสามแล้ว มันก็ยังมีคนอื่นอยู่อีกหรอ! ทำไมเขาถึงหาเราเจอได้? ยิ่งไปกว่านั้น เราก็เพิ่งจะมาถึงที่นี่ได้เพียงไม่กี่วันเอง…”

เธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาตกเป็นเป้าหมายได้อย่างไร

ตั้งแต่เวลาที่ขอบเขตการฝึกตนของพวกเธอถูกผนึกเอาไว้จนถึงเวลาที่พวกเธอก้าวข้ามกำแพงโลกด้วยความช่วยเหลือจากประมุขเซียนสองสามคนและมาถึงดาวไท่หงอย่างลับๆ มันก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงสิบกว่าวันเท่านั้น

พวกเธอยังไม่ได้ทำอะไรยิ่งใหญ่เลย

แม้แต่พลังการฝึกตนของพวกเธอเอง พวกเธอก็ยังไม่เคยแสดงมันออกมาด้วยซ้ำ

พวกเฑอได้เตรียมการมามากมาย แต่กระนั้นทำไมพวกเธอถึงยังถูกพบอยู่อีก?! ซื่อฉิงหยูไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

“ อันที่จริง เราก็แค่บังเอิญผ่านมาก็เท่านั้นเอง” ซุยเฮ็งมองไปที่ซื่อฉิงหยูซึ่งเต็มไปด้วยความสับสนและหัวเราะเบาๆ “ ถ้าจะโทษใคร ก็จงโทษที่ความระแวดระวังของพวกเจ้าที่มันน้อยจนเกินไปเถอะ เจ้ากล้าพูดถึงโลกภายนอกตามท้องถนนกันได้ยังไง”

เขาและฮุ่ยซีเพิ่งจะมาถึงดาวไท่หง พวกเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะพบคนสองคนที่มีออร่าที่พิเศษในทันทีที่พวกเขามาถึง

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังพูดถึงโลกภายนอกในที่สาธารณะด้วยซ้ำ พวกเขาได้เขียนสั้นๆ แปะไว้บนหน้าผากว่าตนมาจากนอกโลก

แบบนี้พวกเขาจะไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ด้วยความระมัดระวังเช่นนี้ ซุยเฮ็งก็จะไม่รีบโจมตีพวกเขาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาก็จะไม่สุภาพต่อผู้คนจากนอกโลกที่มาเคาะประตูบ้านของเขาด้วยเช่นกัน

“…” ซื่อฉิงหยูเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ในเวลาเดียวกัน เธอก็จ้องมองไปที่หยูเล่ย เมื่อมาถึงจุดนี้ เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีโอกาสหลบหนีแล้ว เธอหลับตาและพูดว่า “ ฆ่าข้าเถอะ”

จริงๆ แล้วในตอนที่เธอมาที่โลกใบนี้เป็นครั้งแรก ซื่อฉิงหยูก็ระมัดระวังอย่างมากและไม่ได้พูดถึงข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายนอกที่ไหนเลย

อย่างไรก็ตาม หยูเล่ยก็ไม่ได้คิดแบบเดียวกันเธอ

นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้ว พวกเธอก็ยังเป็นจ้าวสวรรค์ที่ขอบเขตผสมผสาน นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พวกเขาค่อยๆ ลดการป้องกันลง

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีจ้าวเต๋าแม้แต่คนเดียวในดาวไท่หง แล้วนับประสาอะไรกับผู้ฝึกตนในขอบเขตที่แปดของโลกเซียน

ในความเห็นของซื่อฉิงหยู พวกเธอก็ได้เก็บเกี่ยวในสิ่งที่พวกเธอได้หว่านเอาไว้แล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงวางแผนที่จะตายอย่างมีเกียรติเพื่อโลกที่เธอเกิด

อย่างไรก็ตาม หยูเล่ยก็เงยหน้าขึ้นมองซุยเฮ็งในทันทีและพูดว่า “ ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เนื่องจากท่านไม่ได้ฆ่าเราในทันที ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าเรายังพอมีประโยชน์ต่อท่าน เพราะฉะนั้นแล้วข้าจึงยินดีที่จะอธิบายทุกสิ่งที่ข้ารู้”

“ น้องชาย เจ้า..?!” ซื่อฉิงหยูเปิดตาของเธอขึ้นในทันทีและมองไปที่หยูเล่ยด้วยความเหลือเชื่อ ความโกรธของเธอทำให้เธอหายใจเร็วขึ้น “ เจ้าพูดอะไรออกมา?!”

หยูเล่ยไม่สนใจซื่อฉิงหยูและยังคงมองไปที่ซุยเฮ็ง สายตาของเขาแน่วแน่ในขณะที่เขาพูดว่า “ สำหรับจ้าวสวรรค์เช่นท่าน ข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายนอกก็คงจะต้องหายากมากถูกไหม? เพราะงั้นข้าจึงยินดีที่จะบอกท่านทุกอย่าง”

“ เจ้ามันไร้ยางอาย!” ซื่อฉิงหยูอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง

“ โอ้?” ซุยเฮ็งมองไปที่หยูเล่ยด้วยความสนใจและหัวเราะเบาๆ “ ทำไมเจ้าถึงยอมจำนนอย่างง่ายดายเช่นนี้ล่ะ?”

“ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอด” หยูเล่ยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ ไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องสละชีวิตเพื่อผู้อื่น”

“ ศิษย์น้อง เจ้าตอบแทนผู้อาวุโสอย่างนี้หรอ?” ซื่อฉิงหยูกัดฟันและมองไปที่หยูเล่ยด้วยความผิดหวังอย่างมาก

“ ข้าได้ฝึกตนอย่างอุตสาหะมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีและหลอมรวมพลังธรรมของข้าเข้ากับกายาเต๋าของข้าก็เพื่อเป็นจ้าวสวรรค์ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะตาย” การแสดงออกของหยูเล่ยยังดูเป็นปกติ และน้ำเสียงของเขาก็ยังสงบ ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงบางสิ่งที่ธรรมดามาก

“ หึๆ น่าสนใจ” ซุยเฮ็งมองไปที่หยูเล่ยแล้วมองไปที่ซื่อฉิงหยูในอีกด้านหนึ่ง เขาหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ ฮุ่ยฉี ข้าจะฝากเด็กคนนี้ไว้ให้เจ้าซักถาม ส่วนข้าจะจัดการกับเธอเอง”

“ ครับท่าน!” ฮุ่ยฉีโค้งคำนับด้วยความเคารพ เขาคว้าไหล่ของหยูเล่ยและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ ใช้ได้” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่ซื่อฉิงหยูและยิ้ม “ ตอนนี้เหลือเราสองคนแล้ว”

“ ท่านต้องการอะไร?” ซื่อฉิงหยูขมวดคิ้วและหลับตา “ ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น!”

“ จะยืนกรานเช่นนั้นจริงๆ หรอ?” สายตาของซุยเฮ็งนั้นดูอ่อนโยนในขณะที่เขาพูดกับซื่อฉิงหยูว่า “ น้องของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ที่นี่ไม่มีคนนอก ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร พวกเขาก็จะไม่มืทางรู้ได้”

“ ข้า…” ซื่อฉิงหยูเปิดปากของเธอและลังเลก่อนที่จะเงียบลงอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็หายใจเข้าลึกๆ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ ท่านไม่จำเป็นต้องซักไซ้ข้าอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่รู้อะไรเลยและข้าก็จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”

“ อาณาจักรสวรรค์ของท่านได้สึกกร่อนไปแล้ว และผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์หลายคนก็ใกล้จะตายลงแล้ว พื้นที่ดวงดาวทั้งหมดกำลังจะพังทลาย มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะอยู่ข้างเดียวกันท่าน”