ตอนที่ 63

บทที่ 63: สะเทือนโลก ตะลึงสวรรค์

“ ข้าได้ยินมาว่าผู้ว่าการคนใหม่คือผู้ว่าการมณฑลคนปัจจุบันของมณฑลจูเหอ?” เผิงหลานจื่อผู้ดูแลกิจการภายนอกของสำนักกระบี่สวรรค์พูดขึ้นในทันที

“ มณฑลจูเหอ?” อู๋หยางเจินผู้จัดการยาของอารามหยกเขียวขมวดคิ้วและมองไปที่ซุนผานซื่อ “ผู้อาวุโสซุน ข้าได้ยินมาว่าผู้ว่าการมณฑลจูเหอคนนี้เป็นคนที่อันตรายมาก เขาสามารถเอาชนะกองทหาร 50,000 นายของราชาหยานได้เลยนะ”

“ ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน” เหอเฉิงเหมาผู้จัดการร้านค้าของตระกูลเหอพยักหน้า “ มีข่าวลือว่าผู้ว่าการมณฑลจูเหอคนนี้มีภูมิหลังที่ลึกลับและมีความสามารถในการเรียกลมพายุ เขาเพียงแค่สาดชามน้ำและก็สามารถทำให้กองทหาร 50,000 นายของราชาหยานจมน้ำตายลงไปได้แล้ว”

“ พวกเราเองก็เคยได้ยินข่าวลือนี้เช่นกัน แต่ที่ผ่านมา อาตมาก็มองว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น” พระจิงคงผู้ดูแลยาของอารามกรรมยิ้มและกล่าวว่า “ ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะสามารถเรียกลมพายุจริงๆ ได้ เว้นซะแต่ว่าพวกเขาจะตรัสรู้จนกลายเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว”

“ ทุกคน พวกเจ้าจะคิดมากกันเกินไปใหญ่แล้ว” ซุนผานซื่อดูเหมือนจะคาดการณ์ความคิดของทุกคนเอาไว้แล้วและหัวเราะออกมา “ อันที่จริง ผู้อาวุโสหวังก็ได้ตรวจสอบเขาเรียบร้อยแล้ว และผู้ว่าการคนนั้นก็เป็นเพียงแพะรับบาปที่หลิวหลี่เต๋าสร้างขึ้นมาเท่านั้น”

“ โอ้? เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?”

“ ผู้อาวุโสหวัง ท่านไปตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้วอย่างงั้นหรอ?”

“ มันคือยังไง?”

สายตาของทุกคนมุ่งตรงมาที่ซุนผานซื่ออีกครั้ง และในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ซุนผานซื่อเองก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนด้วยเช่นกัน

ชื่อของชายหนุ่มคนนี้คือหวังจินเซิง เขาสวมชุดสีขาวและมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์และนุ่มนวล เขาเป็นคนที่หน้าตาดีมาก

เมื่ออายุได้ 19 ปี เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนปราณแล้ว แน่นอนว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนทั้งหกในปัจจุบัน

เขาไม่ได้มาจากเฟิงโจว แต่มาจากซูโจว เขาเดินทางมาที่มณฑลลู่พร้อมกับผู้อาวุโสของเขา

ในช่วงครึ่งปีนับตั้งแต่ที่เขามาที่มณฑลลู่ หวังจินเซิงก็ได้ใช้วิธีการพิเศษเพื่อครอบครองอุตสาหกรรมเกลือของมณฑลลู่กว่า 60%

ยิ่งไปกว่านั้น ใครก็ตามที่กล้าต่อต้านหรือหยุดยั้งเขาก็จะต้องตายอย่างผิดธรรมชาติทุกคน!

ด้วยเหตุนี้เอง สถานะของเขาจึงเหนือกว่าซุนผานซื่อผู้จัดงานเสียด้วยซ้ำ

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วหวังจินเซิงจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรกับการจัดการงาน แต่ทุกคนรวมถึงซุนผานซื่อก็ไม่เคยจะเพิกเฉยต่อความคิดของหวังจินเซิงเลย

ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยการควบคุมความเป็นอยู่ของประชาชน พวกเขาจึงสามารถควบคุมผู้ว่าการมณฑลลู่ได้อย่างง่ายดาย แต่กระนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถพึ่งพาเพียงแค่สิ่งนี้ในการผลักดันผู้ว่าการมณฑลไปสู่ตำแหน่งผู้ว่าการรัฐได้

อย่างไรก็ตาม หวังจินเซิงและผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังเขาก็สามารถทำได้

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของทุกคน หวังจินเชิงก็ไม่ได้ตอบโดยทันที

เขากวาดสายตามองทุกคนและสะบัดบัดในมืออย่างเบาๆ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจออกมา เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ทุกคน พวกเจ้าเชื่อจริงๆ หรอว่ามันจะมีคนบนโลกใบนี้ที่สามารถเรียกลมพายุได้?”

“ แม้ว่าข้าจะไม่เชื่อ แต่เราก็ไม่สามารถหาคำตอบอื่นได้อีกแล้วว่าทำไมกองทัพกบฎหยาน 50,000 นายถึงถูกกำจัด” เหอเฉิงเหมายิ้มอย่างขมขื่น

“ ข้าถามลุงของข้ามาแล้ว” หวังจินเซิงยังคงประโคมตัวเองและยิ้มอย่างมั่นใจ “ คำตอบของลุงข้าก็คือแม้ว่าพระพุทธเจ้าหรือเทพเซียนจะเสด็จลงมาจริง แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเรียกลมพายุเพื่อทำลายกองทหารจำนวน 50,000 นาย”

ทุกคนโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ลุงที่หวังจินเซิงกล่าวถึงนั้นเป็นบุคคลสำคัญในโลกยุทธ์ เขาฝึกตนมานานและอยู่ในขอบเขตสัมผัสโลกาแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ผู้อาวุโสคนนั้นพูดก็จะต้องไม่ผิดแน่

“ แบบนั้นแล้วกองทหาร 50,000 นายของราชาหยานล้มตายได้ยังไงล่ะ?” เผิงหลานจื่อเป็นผู้หญิงที่ระมัดระวัง เธอยังคงนึกไม่ออกว่ามณฑลเล็กๆ แบบนั้นจะสามารถต้านทานกองทหารจำนวน 50,000 นายได้อย่างไร

“ จริงๆ แล้วมันก็ง่ายมาก” หวังจินเซิงยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจในขณะที่เขายิ้มและตอบว่า “ ลุงของข้าได้ไปที่มณฑลจูเหอเพื่อตรวจสอบและพบว่าสนามรบที่กองทัพของราชาหยานถูกทำลายลงนั้นมีร่องรอยของการถูกน้ำพัดพาไปจริง”

“ อย่างไรก็ตาม รอยกัดเซาะนี้ก็ไม่ได้เกิดจากฝน มันดูเหมือนกับน้ำที่ไหลเชี่ยวมาจากแม่น้ำมากกว่า และเขาก็ค้นพบบางอย่างหลังจากศึกษาภูมิประเทศในบริเวณนั้น”

“ แม้ว่าพื้นที่แถบนั้นจะราบเรียบ แต่ตำแหน่งของสนามรบก็ค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้มันก็ยังมีแม่น้ำล้อมอยู่ข้างมณฑลจูเหอ ดังนั้นตราบเท่าที่พวกเขาสามารถขุดช่องว่างขนาดใหญ่มาจากทางแม่น้ำได้ พวกเขาก็ย่อมจะสามารถจัดการกับกองทหาร 50,000 คนได้อย่างแน่นอน”

“ ฉลาดจริงๆ!” เหอเฉิงเหมาตบมือและหัวเราะเสียงดัง เขาพยักหน้าและพูดว่า “ เรียกลมพายุนั้นเป็นความสามารถของเซียนและพระพุทธเจ้า อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปิดช่องว่างขนาดใหญ่จากแม่น้ำหง พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การต่อสู้และปิดช่องว่างนั่นลงหลังการต่อสู้เสร็จสิ้น ถ้ามีปรมาจารย์ขอบเขตประตูลึกล้ำ พวกเขาก็น่าจะสามารถทำมันได้อยู่แล้ว”

“ ถูกต้อง ด้วยเส้นสายของหลิวหลี่เต๋า มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะจ้างปรมาจารย์ขอบเขตประตูลึกล้ำมาช่วยสักคนสองคน” ซุนผานซื่อหัวเราะเยาะ “ ดังนั้นแล้วทั้งหมดนี้จึงเป็นเพียงเรื่องโกหกหลอกลวงที่เขาสร้างขึ้นมา”

“ ข้าไม่คิดว่าเลยว่าหลิวหลี่เต๋าจะวางแผนสลับซับซ้อนได้ถึงขนาดนี้” เผิงหลานจื่อเชื่อคำพูดของหวังจินเซิงและซุนผานซื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย

คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้ก็ฟังดูสมเหตุสมผลมาก มันน่าเชื่อถือยิ่งกว่าการทำลายกองทัพ 50,000 นายโดยการเรียกลมพายุ

“ ทุกคน มาดื่มอวยพรให้กับผู้อาวุโสหวังกันเถอะ ด้วยความช่วยเหลือของเขา เราจึงสามารถมองทะลุแผนการของหลิวหลี่เต๋าได้อย่างง่ายดาย!” ซุนผานซื่อเป็นคนแรกที่ลุกและชูแก้วขึ้น

คนอื่นๆ เองก็ลุกและชูแก้วขึ้นเพื่อดื่มอวยพรให้กับหวังจินเซิง

“ ฮ่าฮ่าฮ่า! ทุกคนยกยอข้ากันเกินไปแล้ว!”

หวังจินเซิงรู้สึกยินดีอย่างเห็นได้ชัด เขาวางพัดลงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ยิ่งหลิวหลี่เต๋าใช้แผนการสลับซับซ้อนมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเขาไม่ธรรมดามากขึ้นเท่านั้น ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้เพราะข้าต้องการให้ทุกคนวางแผนกันอย่างมีสติ ด้วยวิธีนี้ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อสำนักของพวกใหญ่ของเรา!”

“ ถูกต้องแล้ว ผู้อาวุโสหวังพูดถูก!”

“ ใช่แล้ว ครั้งนี้เราชนะอย่างสมบูรณ์! ดังนั้นมาดื่มกันเถอะ!”

“ ยังไงก็ตาม ผู้ว่าการคนใหม่นั่นก็น่าสงสารจริงๆ โถ่ เจ้าแพะรับบาปที่น่าสงสาร ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“ ฮ่าฮ่าฮ่า ชายคนนี้จะต้องเป็นคนโง่แน่ๆ เขาคิดอะไรอยู่ถึงกล้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลหลู่ ฮ่าฮ่า!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นในห้องส่วนตัวของร้านอาหารอีกครั้ง

ซุนผานซื่อ, หวังจินเซิงและคนอื่นๆ ไม่ได้เอ่ยชื่อผู้ว่าการมณฑลคนใหม่เลยด้วยซ้ำ

พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้ว่าการมณฑลคนใหม่เลยแม้แต่น้อย

….

เพื่อเฉลิมฉลองการล่มสลายของกองทัพราชาหยาน มณฑลจูเหอจึงได้เข้าสู่สถานะงานเฉลิมฉลองอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ในห้องโถงด้านในของสำนักงานเทศมณฑล มันก็มีการเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ฮุ่ยฉี, ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงกำลังนั่งอยู่ที่นี่

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครกล้าแตะตะเกียบของพวกเขา

พวกเขาทั้งสามมองไปที่ซุยเฮ็งและรอให้อีกฝ่ายเริ่มพูด

“ ทำไมทุกคนถึงมองมาที่ข้าแบบนั้นล่ะ?” ซุยเฮ็งหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบอาหาร เขายิ้มและพูดว่า “ พวกเจ้าจะประหม่ากันเกินไปแล้ว ข้าก็แค่อยากจะทานอาหารร่วมกับพวกเจ้าและกล่าวอำลาก็เท่านั้นเอง”

“ ท่านจะไปจากที่นี่จริงๆ หรอท่านผู้ว่าการ?” ฮุ่ยฉีถอนหายใจเบาๆ

ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงเองก็มองอย่างเงียบๆ เช่นกัน

ชะตากรรมของพวกเขาทุกคนล้วนเปลี่ยนไปนับตั้งแต่การปรากฏตัวขึ้นของซุยเฮ็ง

ถ้าไม่ใช่เพราะซุยเฮ็ง ฮุ่ยฉีก็คงจะยังต้องอดทนต่อความอัปยศอดสูจาการต้องเป็นศิษย์ของคนที่ฆ่าพ่อของเขา ลู่เจิงหมิงเองก็คงจะยังคงถูกขังอยู่ในคุก และจ้าวกวงเองก็คงจะตายไปนานแล้วในสุสานของราชาลู่

ไม่ผิดเลยที่จะบอกว่าซุยเฮ็งคือมหาผู้มีพระคุณที่ได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขา

ซุยเฮ็งมองไปที่ทั้งสามคนแล้วหัวเราะเบาๆ “ พวกเจ้าอยากไปมณฑลลู่กับข้าไหม?”

“ ข้ายินดีจะติดตามท่านไปจนวันตาย!!”

พวกเขาทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกันและคุกเข่าลงกับพื้น

พวกเขาเชื่ออย่างหมดใจว่าซุยเฮ็งนั้นเป็นเซียนที่พวกเขาสามารถเชื่อถือได้และจะไม่ทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง

“ ถ้าพวกเจ้าทั้งสามคนจากไป แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับมณฑลจูเหอ” ซุยเฮ็งถามแทนที่จะตอบ “ พวกเจ้าจะปล่อยให้ผู้คนที่นี่กลับไปสู่วิถีชีวิตแบบเดิมเหมือนอย่างตอนก่อนที่ข้าจะเข้ามาอย่างงั้นหรอ?”

พวกเขาทั้งสามเงียบลง

“ แม้ว่ากองทัพของราชาหยานจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทิ้งมณฑลซีหลิงไว้เบื้องหลังซึ่งมันก็ยังคงมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ” ซุยเฮ็งกล่าวต่อว่า “ มันยังมีผู้คนนับหมื่นอยู่ที่นั่น เราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเองได้”

เมื่อทั้งสามคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกชื่นชมซุยเฮ็งมากยิ่งขึ้น เขาเป็นเซียนที่มีเมตตาและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นโดยแท้จริง

“ จ้าวกวง เจ้าจะอยู่ในมณฑลจูเหอต่อไปในฐานะผู้ว่าการมณฑล” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ออกคำสั่งแล้วพูดกับลู่เจิงหมิงต่อว่า “ ผู้เฒ่าลู่ ข้าวางแผนที่จะให้เจ้าไปที่มณฑลซีหลิงและทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการมณฑลของที่นั่น จงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชน”

“ ถ้าใครถามเกี่ยวกับภูมิหลังของเจ้า เจ้าก็จงตอบไปว่า ซุยเฮ็ง ผู้ว่าการมณฑลลู่เป็นผู้แต่งตั้งเจ้าให้มาดำรงตำแหน่ง ด้วยความโกลาหลในปัจจุบัน มันก็จะไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

นี่เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งของเขา

ถ้าเขาส่งคนไปปกครองมณฑลซีหลิงและฟื้นฟูความเป็นอยู่ของผู้คนที่นั่นขึ้นมาได้แล้วบอกให้ผู้คนรู้ว่าเขาเป็นคนที่ส่งความช่วยเหลือมาให้ เขาจะได้รับการตอบสนองทางอารมณ์จากพวกเขาด้วยหรือไม่?

“ สำหรับเจ้า ฮุ่ยฉี” ซุยเฮ็งพูดด้วยรอยยิ้ม “ ตามข้าไปที่มณฑลลู่ เมื่อถึงเวลา เจ้าก็สามารถเป็นผู้ช่วยซูเฟิงอันได้”

“ ขอบคุณท่านผู้ว่าการ!” ฮุ่ยฉีกล่าวอย่างรู้สึกขอบคุณ

ในขณะเดียวกัน ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงก็มองไปที่ฮุ่ยฉีอย่างอิจฉา

….

เจ็ดวันต่อมา

ซุยเฮ็งค่อยๆ เสร็จสิ้นการเตรียมการสำหรับมณฑลจูเหอและมณฑลซีหลิงแล้ว และพวกเขาก็กำลังจะออกเดินทางไปยังมณฑลลู่

ในเวลาเดียวกัน ข่าวที่ว่ากองทัพกบฏหลายแสนนายของราชาหยานได้เสียชีวิตลงในชั่วข้ามคืนนั้นก็ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว

ในวินาทีนี้ โลกทั้งใบก็ตกอยู่ภายใต้ความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่!