โจวโจวเรียกอู๋ซินเข้ามา และนำหนังสือรับสมัครทหาร 42,850 เล่มไปยังประตูอัญเชิญ จากนั้นเขาก็เริ่มการอัญเชิญทหารใหม่
จากนั้นเขาก็ปล่อยให้อู๋ซินจัดการเรื่องนี้ต่อ เขาเปิดตลาดซื้อขายขึ้นมาและโยนใบเปลี่ยนอาชีพทหารพื้นฐาน 80,000 อันเข้าไป รวมทั้งวัสดุส่วนเกินอื่นๆ หนังสือทักษะ อุปกรณ์สวมใส่ และไอเท็มอื่นๆ ด้วย จากนั้นเขาก็ประกาศการแลกเปลี่ยนออกไปทันที
ในเวลาไม่นาน ข้อเสนอนี้ก็ติดอันดับหนึ่งบนตลาดซื้อขาย
โจวโจวปิดหน้าต่างตลาดซื้อขายลงและรอการอัญเชิญทหารใหม่อย่างเงียบๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ทหารทั้ง 42,850 คนก็เดินออกมาจากประตูอัญเชิญจนครบและเข้าร่วมกับกองทัพตะวันสาดแสง
เมื่อรวมกับนักธนูพลังธาตุ 12 คนที่ได้มาจากโบราณสถานกาลเวลา และโกเล็ม 126 ตัวจากรังโกเล็ม
จำนวนทหารทั้งหมดในกองทัพของโจวโจวก็มีมากถึง 134,584 คนแล้ว!
“ฉันมีทหารมากกว่าหลักแสนแล้ว! จำนวนทหารคงเกินสองแสนคนหลังจากผ่านไปอีกสองวัน!”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมา
ด้วยระดับการพัฒนาเช่นนี้ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาก็น่าจะมีกองทัพหลักล้านคน!
เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็คงจะสามารถประกาศสงครามกับอาณาจักรได้เลย!
หลังจากนั้นไม่นาน ไป่อี้ก็เดินเข้ามา
“รายงานท่านลอร์ด! ข้าเพิ่งนับจำนวนทหารที่เลื่อนระดับเสร็จเจ้าค่ะ คราวนี้มีทหารที่เลื่อนระดับทั้งหมด 81,600 คน!”
“ประกอบไปด้วย 21,617 คนที่เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับเหล็กดำขั้นกลางและขั้นสูง! 33,500 คนที่เลื่อนระดับจากระดับเหล็กดำขั้นเป็นระดับบรอนซ์เขียว! 23,437 คนที่เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับเงินขาว! 2,882 คนที่เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับทองคำเหลือง! 164 คนที่เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นต้น!”
“ตอนนี้กองทัพของพวกเรามีทหารระดับเหล็กดำทั้งหมด 40,370 คน ระดับบรอนซ์เขียว 51,913 คน ระดับเงินขาว 37,644 คน ระดับทองคำเหลือง 4,355 คน ระดับแพลตตินั่มขาว 164 คน!”
“นอกจากนี้ข้ายังทะลวงระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นต้นแล้วด้วย ส่วนมาริสก็ทะลวงระดับขึ้นเป็นระดับทองคำเหลืองขั้นกลาง!”
ไป่อี้กล่าวด้วยความเคารพ
โจวโจวดีใจมาก
เขาจำได้ว่าหลังจากเขากวาดล้างฟาร์มมอนสเตอร์เมื่อวาน มันมีคนแค่ 28,000 คนเท่านั้นที่ทะลวงระดับ และไม่มีใครทะลวงระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวเลย
แต่วันนี้กลับมีคนมากกว่า 81,000 คนที่ทะลวงระดับ
จำนวนนี้เพิ่มขึ้นเกือบเป็นสามเท่าของเมื่อวาน!
นอกจากนี้ยังมี 164 คนที่ทะลวงระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นต้นด้วย!
ทหารระดับแพลตตินั่มขาว!
นี่คือความแข็งแกร่งในระดับผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกดึงดูดเข้ามาแล้ว!
ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเขาไม่ได้รับคะแนนชื่อเสียงมาอีก อย่างน้อยมันก็จะมีทหารร้อยกว่าคนที่ทะลวงระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวทุกวันเพียงแค่การกวาดล้างฟาร์มมอนสเตอร์เท่านั้น!
และมันก็อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยในอนาคต!
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เป็นแบบนี้ได้ก็ย่อมเป็นพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่เพิ่งถูกอัพเกรดเป็นระดับแพลตตินั่มขาวอย่างพรแห่งเทพสงคราม
เมื่อวานพรสวรรค์แห่งลอร์ดอันนี้มอบพลังงานเสริมแกร่งเพิ่มเติมให้แค่ 400% เท่านั้น
แต่วันนี้เขากลับได้รับพลังงานเสริมแกร่งเพิ่มเติม 2,000%!
อาจกล่าวได้ว่าเขาพัฒนาขึ้นอย่างมหาศาล!
มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่ได้การพัฒนามากมายขนาดนี้ในวันนี้
“ฉันก็กำลังจะทะลวงระดับเป็นระดับทองคำเหลืองขั้นต้นแล้วเหมือนกัน”
โจวโจวสัมผัสได้ถึงพลังงานเสริมแกร่งในร่างกายของเขาและตระหนักได้ว่ามันกำลังจะเลื่อนระดับแล้ว
เขาประเมินว่าเขาคงจะสามารถทะลวงระดับได้หลังจากสังหารมอนสเตอร์ไปอีกไม่กี่ร้อยตัว
ในเวลานั้นเอง ตลาดซื้อขายก็ส่งการแจ้งเตือนมาหาเขา
โจวโจวมองดู
เขาตระหนักได้ว่าการซื้อขายของเขาเพิ่งเสร็จสมบูรณ์
[ผลลัพธ์การแลกเปลี่ยน: แกนหมอกระดับเหล็กดำ 289,637,136 ชิ้น!]
มันมีแกนหมอกระดับเหล็กดำเกือบ 300 ล้านชิ้นเลย!
โจวโจวพยักหน้าเล็กน้อย
จำนวนขนาดนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้ว
ปริมาณของที่เขาขายในวันนี้เกือบสองเท่าของเมื่อวาน
หลังจากนั้นโจวโจวก็ยังไม่ได้เข้าไปในสมรภูมิแห่งลอร์ดเพื่อเริ่มท้าประลอง แต่เขาได้ไปที่วิหารอัศวินก่อนและเดินไปที่โถงวิญญาณผู้กล้า
“คาราวะท่านผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับ”
โจวโจวกล่าวด้วยความเคารพ
“ไม่ต้องรีบร้อน เด็กคนนั้นน่าจะออกมาในไม่ช้า”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับหัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่ได้มีบรรยากาศเหมือนกับยอดฝีมือเลย
โจวโจวยิ้มและพยักหน้า
จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มคุยกัน
อึดใจต่อมา
ครืน…
ประตูของโถงวิญญาณผู้กล้าเปิดออกมาอย่างช้าๆ
จากนั้นชายหนุ่มที่สง่างามในชุดเกราะแม่ทัพสีดำและถือกระบี่ยาวก็เดินออกมาจากประตู
มันคือเฟิงลั่วนั่นเอง!
เขาในตอนนี้แตกต่างจากตอนแรกที่มาถึงเป็นอย่างมาก
เฟิงลั่วที่เพิ่งมาถึงดินแดนของเขานั้นดูราวกับชายหนุ่มที่ถูกกดขี่ซึ่งผ่านสงครามมามากมายและตามหาความฝันแห่งสันติภาพ
แม้ว่าเขาจะเป็นนักดาบโล่ แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งอันทรงพลังและมีเคล็ดวิชาอันล้ำลึก
นี่ทำให้เขาดูไม่เหมือนกับทหารดาบโล่เลยและดูเหมือนกับจอมยุทธ์ที่ต้องการจะเปลี่ยนโลกมากกว่า
และตอนนี้ ความทะเยอทะยานของเฟิงลั่วก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายของเขาในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ไม่เพียงแต่สายตาของเขาจะแน่วแน่และมั่นคงขึ้นกว่าเดิม แต่เขายังมีกลิ่นอายของแม่ทัพใหญ่และความกล้าหาญที่ไม่มีใครเทียบได้ของผู้ฝึกยุทธ์
ถ้าต้องใช้คำเดียวในการสรุป มันก็ต้องเป็นคำว่า ‘ผู้กล้า’
“ข้าน้อยเฟิงลั่วขอคาราวะท่านลอร์ด!”
เฟิงลั่วเดินมาหาโจวโจวและคุกเข่าลง
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นมากเลย”
โจวโจวชม
เขาประคองอีกฝ่ายขึ้นมา
“ขอบคุณขอรับท่านลอร์ดที่มอบโอกาสเช่นนี้ให้กับข้า มิฉะนั้นข้าคงจะไม่มายืนอยู่จุดนี้ได้ในวันนี้”
เฟิงลั่วยืนขึ้นและกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
โจวโจวยิ้ม
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ช่างเหมือนกันจริงๆ มันก็แค่ว่าเขายังไม่มีออร่าของเต๋าเซียนเหมือนกับที่ซุนอู๋เคยมีในตอนนั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็คือเขา และเจ้าก็คือเจ้า มันไม่ได้มีอะไรผิดเลย”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับหัวเราะ
“ขอบคุณมากขอรับ”
เฟิงลั่วทำมือคาราวะ
โจวโจวพยักหน้า
ทั้งสองคนรู้สึกได้ว่าผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับนั้นพูดถูก
ซุนอู๋ก็คือซุนอู๋ และเฟิงลั่วก็คือเฟิงลั่ว
ถ้าเฟิงลั่วต้องการเลียนแบบซุนอู๋และเดินไปตามเส้นทางของอีกฝ่าย เขาก็จะมีแต่เสียเท่านั้น เพราะสุดท้ายเขาก็คงจะไม่สามารถก้าวข้ามซุนอู๋ไปได้
ถ้าเฟิงลั่วอดทนและเดินบนเส้นทางของตัวเอง เขาก็อาจจะไปถึงระดับของซุนอู๋หรืออาจจะก้าวข้ามอีกฝ่ายไปได้เลย!
“ข้าอาจจะยอมรับมรดกของผู้อาวุโสซุนอู๋อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าวิถีกระบี่ที่ข้าบรรลุมาจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดของวิถีกระบี่เลย ถ้ามีโอกาสในอนาคต… ข้าก็อาจจะสามารถใช้เคล็ดวิชากระบี่ผสานกับโล่เพื่อพิสูจน์ฝีมือต่อโลกหล้าได้”
เฟิงลั่วยิ้ม
เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เลียนแบบอีกฝ่าย แต่เขาจะเลือกเดินบนเส้นทางของตัวเอง
มันก็เหมือนกับซุนอู๋ในตอนนั้นที่เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
“มันจะยากอะไร?”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับชี้ไปที่โจวโจวและกล่าวว่า “ความทะเยอทะยานของลอร์ดของเจ้าคือการอยู่บนจุดสูงสุดของโลก ในอนาคตก็แค่ติดตามลอร์ดของเจ้าไปให้ดีและต่อสู้เพื่อเขาบนทวีปจื้อเกา เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้กล้าต่างๆ มากมายก็ย่อมกลายเป็นหินลับคมให้กับเจ้าเอง”
“การชุมนุมวรยุทธ์ของซุนอู๋ในตอนนั้นก็เป็นแค่การชุมนุมวรยุทธ์ระดับจักรวรรดิเท่านั้น ถ้าเจ้าสามารถพิชิตจักรวรรดิหรือกระทั่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ให้กับลอร์ดของเจ้าได้ มันจะยากอะไรที่จะก้าวข้ามซุนอู๋และไปถึงปลายทางของวิถีกระบี่!?”