บทที่ 315: ปราณเซียน กลับดาวชงหยาง
ซุยเฮ็งระมัดระวังอยู่เสมอ
เขารู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าอาณาจักรสวรรค์ สิ่งที่ไม่รู้จักมากเกินไปนั้นหมายถึงความเสี่ยงที่มากตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่ฉลาดเลยที่จะรีบสำรวจมัน
หากมีการดำรงอยู่สูงสุดที่เทียบได้กับขอบเขตหวนคืนความว่างเปล่าหรือแม้แต่ขอบเขตผสานเต๋า เขาก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตายได้อย่างไรหากอีกฝ่ายบุกเข้ามาโดยไม่มีเหตุผล
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงส่ายหัวเบา และเดินออกมาจากแท่นสีทอง
จากนั้นซุยเฮ็งก็อยู่ที่ดาวเทียนเหมินต่ออีกเป็นระยะเวลาหนึ่งและตรวจสอบสำนักเซียนทั้งสองเป็นหลัก
สำนักเซียนชะล้างและตำหนักล้างฝุ่น
ตามบันทึกโบราณที่จัดทำขึ้นมาโดยดาวเทียนลู่ สำนักเซียนทั้งสองนี้ก็ยังอ้างว่ามีมรดกสูงสุด แต่เคล็ดวิชาเฉพาะนั้นก็ไม่ได้สืบทอดต่อกันมา
ซุยเฮ็งได้พยายามทำให้พวกมันกลายเป็นจริง แต่เนื่องจากความเข้าใจอันน้อยนิดของเขา เขาจึงไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ได้
โชคดีที่เครื่องมือปราชญ์และสมบัติบางส่วนยังคงปรากฏขึ้นตามคำอธิบาย ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็ยังได้รับการแก้ไขด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาและเข้าใกล้สถานะที่แท้จริงมากขึ้น
จากสิ่งนี้ เขาก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับมรดกของสำนักเซียนทั้งสองได้
ด้วยวิธีการที่ค่อนข้างปลอดภัยนี้ ในที่สุดซุยเฮ็งก็พบบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับสำนักเซียนทั้งสองนี้
ดูเหมือนว่ามันจะมีขีดจำกัดในวิธีการฝึกตนของพวกเขา หลังจากมาถึงระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาก็จะต้องสูดลมหายใจที่เรียกว่า “พลังปราณเซียน” เพื่อให้สามารถก้าวหน้าไปอีกขั้นและทะลวงผ่านไปได้
เห็นได้ชัดว่านี่มันผิดปกติ
มันคล้ายกับที่พวกเขาต้องใช้แก่นแท้เซียนในการฝึกตน
“ นี่คือสำนักเซียนทั้งสองที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรสวรรค์หรอ?” ซุยเฮ็งขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าสิ่งที่เรียกว่าอาณาจักรสวรรค์นั้นอาจจะอันตรายเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่เขาไม่ได้รีบตรวจสอบ
ผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นสูงสุดยังคงอ่อนแอเกินไป!
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ขอบเขตนี้ พลังของเขาก็ไม่มีค่าอะไรให้กล่าวถึงเลย
ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับการระเบิดของดวงดาว การพุ่งเข้าไปในหลุมดำ หรือสถานการณ์อื่นๆ เขาจะถูกลดค่าลงจนเหลือเพียงเถ้าธุลีในทันที
“ ข้าควรกลับไปพบกับเจ้าหนูสองคนนั้นก่อน”
ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ จากนั้นร่างของเขาก็แกว่งไปมาเล็กน้อย และแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นจากใต้เท้าของเขา ทั้งร่างของเขาหายไปจากจุดนั้นในทันทีและบินออกไปจากดาวเทียนเหมิน
ในเวลาเดียวกันกับที่เขาจากไป เขาก็ได้ขจัดภาพอารยธรรมมายาบนดาวเทียนเหมินออกไป มันเหลือเพียงส่วนของธรรมชาติที่ว่างเปล่า
เนื่องจากไม่มีสิ่งมีชีวิตบนดาวเทียนเหมิน เขาจึงสามารถปล่อยให้มันกลับสู่สภาพเดิมได้เลยในทันที
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้อารยธรรมที่ถูกเสกมาถูกผู้อื่นยึดครอง
เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ในอนาคตหากเขาต้องการ
….
หงเหรินซื่อและหงเหรินซูต่างก็ประหม่าและไม่สบายใจ
จู่ๆ พวกเขาก็ได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมกับสำนักมรณาเก้าสวรรค์ ผู้คนที่นี่สุภาพกับพวกเขามาก มันทำให้พวกเขารู้สึกสับสนอย่างมากและไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอะไร
ในตอนนี้ พี่น้องทั้งสองก็ถูกจัดให้อยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดโดยไม่มีใครมาเฝ้า
“ พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าเหตุใดพวกเขาจึงเชิญพวกเรามา?” หงเหรินซูอดไม่ได้ที่จะกระซิบกับพี่ใหญ่ของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับสถานการณ์เช่นนี้
โดยปกติแล้ว ลุงเก้าก็จะเป็นคนแก้ไขปัญหาทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่กับในครั้งนี้
มีการดำรงอยู่ที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้บนดาวชงหยางซึ่งไกลเกินกว่าขอบเขตราชาปราชญ์
แม้แต่ลุงเก้าก็ยังไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
โชคดีที่การดำรงอยู่สูงสุดนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อพวกเขา ทัศนคติของเขาค่อนข้างเป็นมิตรและดูเหมือนว่าเขาจะอยากสื่อสารกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่ายอดฝีมือและบุคคลสำคัญมากมาย มันก็ยังคงทำให้พวกเขารู้สึกกลัวและประหม่าได้ง่ายมาก
“ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” หงเหรินซื่อดูสงบกว่าเขามาก ความคิดของเขาโลดแล่นในขณะที่เขาพูดว่า “ จากการเตรียมการของพวกเขาพวกเขาก็คงจะเห็นคุณค่าบางอย่างในตัวเรา”
“ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ได้ถามผู้อาวุโสหลี่มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยส่วนตัวแล้ว เขาก็กล่าวว่าผู้ดำรงอยู่สูงสุดคือผู้ที่เชิญเรามา ดังนั้นเราจึงควรรออย่างเชื่อฟัง”
“ มันเป็นคำเชิญจากผู้ดำรงอยู่สูงสุดนั่นจริงๆ หรอ!” หงเหรินซูหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ ฮ่าฮ่า ดี เยี่ยมมาก ข้ามีเรื่องให้กับกลับไปโอ้อวดแล้ว”
“ ผู้ดำรงอยู่สูงสุดนั้นน่าจะมีพลังมากกว่าผู้สร้างใช่ไหม? เขาเป็นบุคคลในระดับตำนาน และข้าก็ได้รับเชิญจากเขาเป็นการส่วนตัว ข้าสามารถคุยโวเรื่องนี้ได้ไปอีก 10,000 ปี ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เขาเป็นคนที่มีชีวิตชีวาและห่างไกลจากความสงบเหมือนกับหงเหรินซื่อ เขามักจะชอบมีความคิดแปลกๆ
“ 10,000 ปี? กลายเป็นปราชญ์และพยายามยืดอายุขัยของเจ้าให้ถึง 10,000 ปีก่อนแล้วค่อยมาพูดเถอะ!” หงเหรินซื่อกลอกตาและพูดประชดประชัน
“ เฮ้ เมื่อข้ากลับไป ข้าก็จะขอร้องท่านย่าให้สอนวิธีบรรลุเต๋าของเซียนทองให้ข้า” หงเหรินซูกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ และข้าก็จะกลายเป็นปราชญ์ในอีกไม่กี่ปี”
“ มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นเซียนทอง” หงเหรินซื่อส่ายหัวและยิ้ม “ ข้าเคยได้ยินมาจากท่านปู่ว่ามันยากมากที่จะเป็นเซียนทอง มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน”
“ โดยทั่วไปแล้ว กว่าเราจะไปถึงขอบเขตเซียนทอง มิตรสหายของเราส่วนใหญ่ก็จะได้ตายจากเราไปแล้ว ซึ่งนี่ก็หมายความว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะผลิตเซียนทองขึ้นมาในหมู่ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วน”
“ ท่านปู่หรอ…” หงเหรินซูพึมพำ เขามองไปที่หงเหรินซื่อและถอนหายใจเบาๆ “ พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าท่านปู่จะกลับมาเมื่อใด? เขาหายไปกว่าร้อยปีแล้วใช่ไหม?”
“ ข้าไม่รู้” หงเหรินซื่อส่ายหัวและพูดว่า “ ท่านย่าไม่ค่อยพูดถึงว่าท่านปู่ไปไหน นางพูดถึงข้อมูลบางอย่างเป็นครั้งคราวเท่านั้นและไม่เคยบอกว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ ใช่แล้ว ข้าเองก็ได้ยินท่านย่าพูดถึงมันโดยบังเอิญว่าท่านปู่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถทำตามอุดมการณ์ของเขาบนดาวไท่หงได้ ดังนั้นเขาจึงจากไป บางทีท่านปู่อาจจะกลับมาเมื่อเขาบรรลุความทะเยอทะยานของเขาแล้ว”
“ เฮ้อ ข้าเกิดช้าไปสิบปีและได้เจอท่านปู่แค่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านัน้” หงเหรินซูพูดอย่างเสียใจ “ ข้าได้ยินมาจากท่านย่าว่าท่านปู่เป็นคนที่มีเสน่ห์เป็นพิเศษ แต่ข้าก็จำมันได้แค่เพียงลางๆ เท่านั้น”
ปัง! ปัง!
ในขณะนี้ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มันคือหลี่เฉิง “ ท่านประมุขเซียนกลับมาแล้ว กรุณาไปที่โถงรับรอง”
หงเหรินซื่อและหงเหรินซูตกตะลึง จากนั้นร่างกายของพวกเขาก็เกร็งขึ้น
พวกเขากำลังจะได้เจอเขาแล้วอย่างนั้นหรอ?!
พวกเขากำลังจะได้พบกับผู้ดำรงอยู่สูงสุดในตำนาน?!
อย่างไรก็ตาม แล้วลุงเก้าล่ะ?
“ แล้วลุงเก้าของเราอยู่ที่ไหน?” หงเหรินซูถามโดยตรง
“ ไม่จำเป็นต้องกังวล” หลี่เฉิงพยักหน้าและยิ้ม “ คนที่มากับพวกเจ้ากำลังรออยู่ที่โถงรับรองแล้ว”
“ เข้าใจแล้ว ขอบคุณ” หงเหรินซื่อเปิดประตูและป้องมือ “ โปรดรอสักครู่ เราจะไปที่นั่นในทันที”
….
ในห้องโถงต้อนรับของสำนักมรณาเก้าสวรรค์
ซุยเฮ็งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะในขณะที่ฮุ่ยฉีกับหลี่เฉิงยืนอยู่ทั้งสองด้าน เป่ยฉิงซูไปที่เมืองลู่หลิงเพื่อนำเฉินถังไปขังร่วมกับหมิงเจิน
ลุงเก้ายืนอยู่ตรงมุมและมองออกไปข้างนอก เมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยสองคน เขาก็ดูเหมือนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อหงเหรินซื่อและหงเหรินซูมาถึงและเห็นลุงเก้า พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็โค้งคำนับซุยเฮ็งด้วยความเคารพ “ คารวะท่านประมุขเซียน”
ทัศนคติของพวกเขามีความเคารพมาก
นี่เป็นเรื่องปกติ
โลกนับไม่ถ้วนล้วนเคารพผู้ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่เสมอ
สิ่งนี้สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้มากมายและแม้กระทั่งภัยพิบัติในระดัยความเป็นความตาย
“ ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้” ซุยเฮ็งโบกมือเบาๆ และมองไปที่ทั้งสองคน อย่างไรก็ตาม เขาก็เงียบอยู่เป็นเวลานานและไม่ได้พูดอะไรอีก
สองพี่น้องหงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าถาม
หลังจากนั้นไม่นาน
“ หน้าตาเหมือนกันจริงๆ” ซุยเฮ็งถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “ บอกทุกสิ่งที่พวกเจ้ารู้เกี่ยวกับดาวไท่หงมา”
เขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับหงฟู่กุ่ยโดยตรง เขาวางแผนที่จะเข้าใจสถานการณ์บนดาวไท่หงก่อน
เขายังคงต้องเข้าใจเบื้องหลังของมัน...
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved