ตอนที่ 128

บทที่ 128 : ผลลัพธ์นั้นชัดเจน!

ขณะที่เขากำลังจะชักกระบี่และจินตนาการถึงอนาคต

ชายร่างกำยำในชุดเกราะก็เดินเข้ามาในเต็นท์หลักและคุกเข่าลงกับพื้น เขาพูดด้วยความเคารพว่า “ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ชานหยู เราจะเริ่มโจมตีเมื่อไหร่กันดี?”

ชายคนนี้คือแม่ทัพแนวหน้าของพวกอนารยชนแห่งทุ่งหญ้า และชื่อของเขาคือจ้าวอู๋ซู

“ ทหารราบอยู่ห่างจากค่ายทหารม้าของเราไปมากแค่ไหน?” ฮูหยานชานหยูวางดาบของเขาแล้วถาม

“ เหลืออีกไม่ถึง 30 ลี้ ทหารราบจำนวน 250,000 นายก็จะสามารถเข้าร่วมกับทัพหน้าได้แล้ว” จ้าวอู๋ชูยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นขณะที่เขารายงานสถานการณ์ที่แนวหน้า

“ พวกเราเตรียมอาวุธสำหรับการปิดล้อมเอาไว้พร้อมแล้ว เราจะสามารถทำการปิดล้อมได้ภายในสองวันเป็นอย่างช้าที่สุด”

“ ดีมาก!” ฮูหยานชานหยูพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ เราไม่ต้องกังวลไป หลังจากที่เรารวบรวมกำลังพลเสร็จแล้ว เราก็จะสามารถสร้างอาวุธปิดล้อมได้เรื่อยๆ มันน่าจะมีทหารเพียง 10,000 นายในเมืองหยุนชู ฉะนั้นแล้วพวกมันก็จะต้องไม่กล้าออกมาจากเมืองอย่างแน่นอน”

“ รับทราบแล้ว!” จ้าวอู๋ซูคุกเข่าลงในทันที “ ในอีกห้าวัน เราก็น่าจะพร้อมสำหรับเริ่มต้นการยึดเมืองแล้ว และหากบวกเวลาพักอีกสักวัน เราก็จะสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น”

“ เอาล่ะ งั้นเราจะเริ่มการปิดล้อมในอีกหกวัน!” ฮูหยานชานหยูอารมณ์ดีมาก เขายืนขึ้นและชี้ปลายกระบี่ของเขาออกไป “ ไม่ว่าจะยังไง 300,000 ต่อ 10,000 ผลลัพธ์นั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว!”

….

ในมณฑลหยุนชู

ในฐานะผู้ตรวจการหกมณฑลที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากผู้ว่าการรัฐซุยเฮ็ง ฮุ่ยฉีก็ได้เข้าควบคุมกิจการทางทหารทั้งหมดของที่นี่แล้ว

ในทางกลับกัน เฉินตงก็กำลังเตรียมทำสงครามเคียงข้างเขา

พวกเขาไม่สามารถประเมินทหารม้าของพวกกลุ่มอนารยชนในทุ่งหญ้าต่ำไปได้เลย

นอกจากนี้ ตามข่าวล่าสุดที่ได้จากทหารรักษาการณ์ ทหารม้าของอนารยชน 50,000 นายก็เป็นเพียงทัพหน้าเท่านั้น มันยังมีทหารราบอีกกว่า 200,000 นายคอยอยู่ข้างหลัง

ใครจะไปรู้ว่าพวกอนารยชนในทุ่งหญ้านั้นได้ทรัพยากรเลี้ยงทหารจำนวนมากมาจากที่ใด?

ฮุ่ยฉีเชื่อว่าเขาสามารถเอาชนะกองทหารม้า 10,000 นายได้ด้วยตัวคนเดียว แต่มันก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะทหารม้า 50,000 นายได้หรือไม่

แม้ว่าเขาจะมีพลังของหมัดโพธิสัตว์มังกรสวรรค์และเขาจะมีพลังพอที่จะบดขยี้ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพได้ แต่กระนั้นวรยุทธ์ของเขาก็ยังอยู่แค่จุดสูงสุดของขอบเขตสัมผัสโลกาเท่านั้น เขายังไม่สามารถต่อสู้แบบกินเวลาได้

ดังนั้นถ้าเขาต้องการจะต่อสู้กับทั้งกองทัพจริงๆ เขาก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาทหารเหล่านี้

เหนือกำแพงเมือง ลมหนาวพัดโชยมา

เฉินตงมองออกไปในระยะไกลและเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ นี่เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับทหารม้าที่จะเข้าโจมตี

แม้ว่ามันจะไม่สามารถใช้กองทหารม้าของศัตรูโจมตีเมืองได้ แต่มันก็สามารถใช้เป็นที่กำบังสำหรับทหารราบ 200,000 นายที่อยู่ด้านหลังให้มีเวลาเพียงพอในการเตรียมอาวุธปิดล้อมได้

เมื่อพวกอนารยชนขนย้ายอาวุธปิดล้อมเสร็จ การปิดล้อมก็จะเริ่มขึ้น!

ปัจจุบันพวกเขามีทหารเพียง 8,000 นายในมณฑลหยุนชู นี่เป็นเพราะในตอนที่ราชาหยานสร้างปัญหาก่อนหน้านี้ ทหารจำนวนมากก็ได้ถูกย้ายออกไปและยังไม่ได้กลับคืนมา

ทหาร 8,000 นายป้องกันทหารนับแสน!

ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องน่าสลดใจอย่างแน่นอน!

ด้วยเหตุนี้เอง เฉินตงจึงยื่นจดหมายถึงซุยเฮ็งเพื่อขอความช่วยเหลือ

ด้วยการเกณฑ์ทหารเพิ่มเท่านั้น พวกเขาถึงจะมีโอกาสปกป้องมณฑลหยุนชูเอาไว้ได้

มิฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างก็จะเหลือเพียงเศษซาก

“ ผู้ตรวจการมณฑล ท่านมีแผนจะสู้ศึกครั้งนี้อย่างไร?” เฉินตงถามฮุ่ยฉี

“ หากคำสั่งของท่านผู้ว่าการบอกให้ข้าสู้ ข้าก็จะสู้แม้จะเหลือเพียงตัวคนเดียว” ความคิดของฮุ่ยฉีนั้นเรียบง่ายและสุดโต่ง เขามองออกไปในระยะไกลและพูดเสียงเบาว่า “ แต่หากคำสั่งยังมาไม่ถึง ข้าก็จะออกจากเมืองและไปทำลายเส้นทางเดินทัพด้วยตัวคนเดียว”

“ แน่นอน นั่นก็เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่” เฉินตงพยักหน้าและหันมองเข้าไปในเมือง เขาได้ยินเสียงการฝึกของกองทัพอยู่ไม่ไกลอย่างชัดเจน “ ผู้ว่าการเหมิงเริ่มการฝึกทหารแล้ว เราไปดูกันดีกว่าไหม?”

“ ไปกันเถอะ” ฮุ่ยฉีพยักหน้า

ผู้ว่าการมณฑลหยุนชูมีนามว่าเหมิงจาง

เขาอายุ 57 ปีแล้ว แต่ร่างกายของเขาก็ยังแข็งแรงมาก เขาฝึกฝนทหารเป็นการส่วนตัวและตะโกนเสียงดัง

“ หนักแน่นกว่านี้!” เหมิงจางยืนอยู่ต่อหน้าทหาร 8,000 นายในชุดเกราะและตะโกนต่อว่า “ พวกคนเถื่อนมันมาถึงหน้ากำแพงเมืองแล้ว พวกมันต้องการที่จะทำลายกำแพงของเรา ปล้นอาหารของเรา ฆ่าบุตรของเรา และแย่งชิงภรรยากับธิดาของเราไป! แบบนั้นแล้วเราควรจะทำอย่างไร!”

“ ฆ่าพวกมันให้หมด!”

“ ฆ่าพวกมัน!”

“ ฆ่าพวกคนเถื่อนนั่นซะ!”

ทหาร 8,000 นายโกรธจัดและคำรามก้องพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ

โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาก็เป็นพลเมืองท้องถิ่นของมณฑลหยุนชู พ่อแม่, ภรรยาและลูกๆ ของพวกเขาล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมด

ดังนั้นหากคนเถื่อนเหล่านี้ทำการบุกรุกเมือง ผลที่ตามมาก็จะสามารถคาดเดาได้

28 ปีที่แล้ว มณฑลหยุนชูก็ยังคงอยู่ในมือของพวกคนเถื่อนในทุ่งหญ้า ทหารจำนวนมากจากจำนวน 8,000 นายได้เกิดในยุคนั้น พวกเขามักจะได้ยินผู้อาวุโสของพวกเขาพูดถึงชีวิตที่น่าเศร้าในตอนนั้น มันมีแม้กระทั่งทหารบางคนที่มีประสบการณ์ส่วนตัวในยุคนั้น

ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตแบบไหนภายใต้การปกครองของพวกคนเถื่อนในทุ่งหญ้า

ไม่สิ มันไม่ใช่การใช้ชีวิต!

มันสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นเพียงการดำรงอยู่เท่านั้น!

ในเวลานั้น ผู้คนที่นี่ก็ไม่สามารถมีความหวังในใจสำหรับการมีชีวิตที่ดีขึ้นได้

โดยเฉพาะเหล่าหญิงสาว

ตราบใดที่เด็กผู้หญิงอายุมากกว่าสิบปี พวกเธอก็จะกลายไปเป็นของเล่นสำหรับพวกคนเถื่อน

พวกเขาอาศัยอยู่ในนรก และในครั้งนี้ พวกเขาก็จะต้องปกป้องหยุนชูเอาไว้ให้ได้!

เหมิงจางมองไปที่ทหารที่โกรธแค้นและรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

แต่กระนั้น มันก็ไม่ได้มีความสุขในหัวใจของเขาเลย

เขารู้ดีว่าเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ทหาร 8,000 นายที่อยู่ข้างหน้าเขาก็จะต้องตายตกลงไปเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็ไม่ทราบว่าพวกเขาจะเหลืออยู่ถึง 2,000 คนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ว่าการมณฑลหยุนชู เขาก็จะต้องแข็งแกร่งพอ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับทหารเหล่านี้ เขาจึงตะโกนต่อไปว่า “ ถูกต้องแล้ว! ฆ่าพวกคนเถื่อนให้หมด!”

“ ที่นี่คือบ้านของเรา มันไม่มีที่ให้ถอย มันไม่มีที่ให้ซ่อน หรือแม้แต่หลบหนี พวกเราทำได้เพียงแค่สู้จนตัวตายเท่านั้น มันมีเพียงการปกป้องเมืองแห่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เรามีโอกาสรอดชีวิตไปต่อได้!”

เดิมทีเขาก็เคยเป็นทหารด้วย

เขารู้ดีถึงความสำคัญของมณฑลหยุนชู

ที่นี่คือประตูทางเหนือของเฟิงโจว หากไม่มีมณฑลหยุนชู พวกคนเถื่อนจากทางเหนือก็จะสามารถเข้ามาและปล้นสะดมดินแดนของพวกเขาได้ทุกเมื่อ

และเฟิงโจวทั้งหมดก็จะไม่มีที่พึ่ง

เมื่อ 28 ปีที่แล้ว เหมิงจางได้ติดตามแม่ทัพกองกำลังรักษาการณ์ทางตอนเหนือ เฉินเผิงจูเพื่อโจมตีเหล่าคนเถื่อนทางตอนเหนือและยึดมณฑลหยุนชูที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเหล่าคนเถื่อนคืนมา และหลังจากนั้น พวกเขาก็ได้ฟื้นฟูเฟิงโจวทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์

ก่อนหน้านั้น แม้ว่าเฟิงโจวจะถูกมองว่าเป็นดินแดนของต้าจิน แต่มันก็ยังเป็นสนามหลังบ้านของพวกอนารยชนทางตอนเหนือมาช้านาน พวกมันสามารถเข้าและออกได้ตามใจต้องการและเหยียบย่ำไปทั่วทั้งดินแดน

ยิ่งไปกว่านั้น มณฑลหยุนชูก็ยังมีฟาร์มปศุสัตว์ที่ใช้เลี้ยงม้าที่สามารถสกัดกั้นกองทัพขนาดใหญ่ได้

เฉพาะในมณฑลหยุนชูเท่านั้นที่จะทำให้เฟิงโจวถูกพิจารณาว่าเป็นเฟิงโจวแห่งต้าจินได้ และหากไม่มีมณฑลหยุนชู เฟิงโจวก็จะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่อาจถูกพวกคนเถื่อนล่วงละเมิดได้ทุกเมื่อ

มณฑลหยุนชูไม่สามารถพ่ายแพ้ได้!

ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีและเฉินตงก็เดินเข้ามา แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้รบกวนการฝึกของเหมิงจาง พวกเขารออยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ

หลังจากที่เหมิงจางเสร็จสิ้นการฝึก เขาก็มาหาทั้งสองคนและถามว่า “ นายท่านทั้งสอง สถานการณ์นอกเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?”

ในตอนแรก เขาก็ไม่พอใจในตัวเจ้าหน้าที่ทั้งสองอยู่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้คลุกคลีกับพวกเขา เขาก็ได้รู้ว่าทั้งสองคนนี้ได้อุทิศตนอย่างมากเพื่อเหล่าประชาชน ดังนั้นเขาจึงสามารถสนิทกับพวกเขาได้ในที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเหมิงจางตระหนักได้ว่าคิ้วของฮุ่ยฉีนั้นดูคล้ายคลึงกับของแม่ทัพเฉินเผิงจูเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับฮุ่ยฉีมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

และโดยพื้นฐานแล้ว มันจึงไม่มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างพวกเขา

ฮุ่ยฉีพูดเสียงต่ำ “ มันมีทหารยามของพวกอนารยชนคอยลาดตระเวนอยู่นอกเมือง พวกมันน่าจะมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์การป้องกันเมืองของเรา บางครั้งพวกมันก็จะยิงธนูใส่กำแพงเมืองหรือไม่ก็ส่งจดหมายมาก่อกวน”

เฉินตงพยักหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึม “ ในสองวันที่ผ่านมา พวกมันก็ได้พแพร่กระจายข่าวลือว่าจักรพรรดิต้าจินได้ออกคำสั่งให้ยกเฟิงโจวให้กับผู้บัญชาการของพวกมัน ชานหยู”

“ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่วกองทัพและไปจนถึงหูของเหล่าสามัญชนแล้ว ผู้ว่าการเหมิงโปรดอย่าปล่อยให้พวกทหารหลงเชื่อข่าวลือด้วย”

มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะยกที่ดินของประเทศชาติให้กับกลุ่มคนเถื่อนเร่ร่อนจรจัดโดยไม่มีเหตุผล

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีใครในมณฑลหยุนชูเลยที่เชื่อ

“ คนที่เผยแพร่ข่าวนี้สมควรถูกฆ่าจริงๆ!” การแสดงออกของเหมิงจางดูมืดมนมาก การโจมตีทางจิตใจเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกอนารยชนเหล่านั้นจะทำ เป็นไปได้ไหมว่ามันจะมีคนแอบชักใยพวกเขา?

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับวิธีการดังกล่าว เขาก็ทำได้เพียงสาปแช่งเท่านั้น มันเป็นการยากที่จะใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในเวลานี้ เขารีบสงบสติอารมณ์และถามว่า “ ผู้บัญชาการเฉิน คำตอบของท่านผู้ว่าการมาถึงรึยัง?”

“ ยังไม่ใช่ตอนนี้” เฉินตงส่ายหัว “ แต่อีกไม่นานคำสั่งของท่านผู้ว่าการรัฐก็น่าจะมาถึงแล้ว”

“ เยี่ยมมาก…” เหมิงจางพยักหน้าในตอนแรก จากนั้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ ผู้บัญชาการเฉิน มีบางอย่างที่ข้าอดไม่ได้ที่จะพูด”

“ ตอนนี้สถานการณ์ในมณฑลหยุนชูเป็นเรื่องเร่งด่วนและเราก็ขาดแคลนกำลังทหาร เราควรจะเริ่มการเกณฑ์ทหารให้ได้โดยเร็วที่สุด เมื่อนั้นเท่านั้น เราถึงจะมีโอกาสในการป้องกันเมืองให้อยู่รอด”

“ จริงอยู่ที่เราไม่มีอำนาจในการเกณฑ์ทหารเอง และตามขั้นตอนแล้ว เราก็จะต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ว่าการรัฐก่อน แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้กองทหารของอีกฝ่ายก็ได้มาประจัญหน้ากับเราอยู่ที่หน้าประตูเมืองแล้ว เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น”

ความหมายของเขานั้นง่ายมาก พวกเขาไม่ควรจะรอคำสั่งและควรเริ่มเกณฑ์ทหารเองได้แล้ว

“ ไม่ หากเป็นผู้ว่าการรัฐคนอื่น ท่านก็ไม่ผิดเลยที่จะคิดทำเช่นนี้” เฉินตงส่ายหัวและพูดว่า “ อย่างไรก็ตาม มันก็ต่างออกไปภายใต้การดูแลของผู้ว่าการรัฐซุย ตราบใดที่เราได้รับคำสั่งจากเขา เราก็จะต้องชนะในศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน”

“ ท่านผู้ว่าการมีพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ ตราบใดที่เขาส่งแม้แต่กระดาษเปล่ามาให้กับเรา เราก็จะยังสามารถทำลายกองทัพของเหล่าอนารยชนข้างนอกนั่นได้ด้วยการสะบัดนิ้วของเรา” ฮุ่ยฉีอธิบาย

“…” เหมิงจางเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขานึกถึงข่าวลือบางอย่างที่เขาเคยได้ยินมาเกี่ยวกับผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวซุยเฮ็งและขมวดคิ้ว “ แต่ที่นี่ไม่มีแม่น้ำยักษ์ เราไม่มีทางที่จะทำให้กองทัพของพวกมันจมน้ำได้”

เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ เขาเชื่อว่าซุยเฮ็งอาศัยความได้เปรียบของภูมิประเทศและพลังของแม่น้ำยักษ์เพื่อเอาชนะกองทัพที่มีขนาดใหญ่กว่าของเขาหลายเท่า

สำหรับพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่?

ตั้งแต่สมัยโบราณกาล มันก็ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังลึกลับใดๆ ที่ทรงพลังเพียงพอที่จะเอาชนะกองทัพนับแสนได้

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อ!

“ อย่างไรก็ดี ข้าก็ไม่คิดว่าเราจะได้รับคำสั่งจากท่านผู้ว่าการอีกแล้วล่ะ” ทันใดนั้น จู่ๆ ฮุ่ยฉีก็พูดขึ้น

คำพูดเหล่านี้ทำให้เฉินตงและเหมิงจางตกใจในทันที

มันหมายความว่ายังไง?!

เขากำลังจะถามฮุ่ยฉี แต่แล้วพวกเขาก็เห็นฮุ่ยฉีโค้งคำนับไปบนท้องฟ้าด้วยความเคารพ “ ยินดีต้อนรับท่านผู้ว่าการรัฐซุย!” ฮุ่ยฉีตะโกนก้องเสียงดัง

อักขระมังกรที่อยู่บนหลังของเขาสัมผัสได้ถึงออร่าที่คุ้นเคย นั่นจึงหมายความว่าซุยเฮ็งได้มาถึงที่นี่แล้ว และเขาก็ยังไม่มีความตั้งใจที่จะซ่อนเร้นตัวตนของเขา

เฉินตงรีบเงยหน้าขึ้น

เขาเห็นร่างๆ หนึ่งกำลังลอยอยู่เหนือขอบฟ้า!

เมื่อเห็นฉากนี้ เขาจึงรีบโค้งคำนับเช่นกันและอุทานว่า “ ยินดีต้อนรับ ท่านผู้ว่าการรัฐซุย!”

“ บะ.. บินมาที่นี่หรอ!” เหมิงจางมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความตกใจ

สำหรับคนส่วนใหญ่ วิธีการลอยได้เช่นนี้ก็นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวของเซียน!

พลเมืองและทหารหลายคนในเมืองต่างก็เห็นฉากนี้ ซุยเฮ็งลอยลงมาจากบนท้องฟ้า และหัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสุขอันไม่รู้จบ

เมื่อพวกอนารยชนกำลังจะโจมตีเมือง เทพเซียนก็ได้ปรากฏตัวขึ้น

นี่เป็นเหมือนกับแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นในค่ำคืนอันมืดมิด

พลเมืองที่กังวลในตอนแรกเริ่มกลับมารู้สึกปลอดภัยขึ้นมากในทันที

ในขณะนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนคุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัวคำนับให้กับซุยเฮ็ง

ริ้วแสงสีแดงและสีขาวที่มีเพียงซุยเฮ็งเท่านั้นที่มองเห็นได้ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า