บทที่ 322: ไม่มีผู้นำทาง ไม่มีซึ่งสหาย (2)
“ หลังจากนี้ข้าจะไปเดินเล่นในโลกนี้และดูว่าคนธรรมดาในยุคใหม่นี้เป็นอย่างไร บางทีข้าอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากพวกเขา”
….
เวลาผ่านไปไวเหมือนน้ำ ในพริบตา สิบปีก็ผ่านไป
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา วิชากายาเต๋ายุทธ์ก็ได้แพร่หลายไปแล้ว ผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์บางคนได้ฝึกฝนจนไปถึงขอบเขตเซียนเทียนแล้วและเริ่มท่องไปทั่วโลก
แน่นอน ผู้ฝึกตนเหล่านี้เป็นผู้ที่เริ่มฝึกเคล็ดวิชากายาเต๋ายุทธ์ตั้งแต่ต้น
ในความเป็นจริง มันก็มีผู้ฝึกตรที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทวาแล้ว
นี่เป็นเพราะวิธีการฝึกตนของกายาเต๋ายุทธ์และวิธีการฝึกตนแบบเก่านั้นแตกต่างกันเพียงก่อนขอบเขตเทวาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีอุปสรรคในการเปลี่ยนวิธีการฝึกตน
อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่ผู้ฝึกตนได้อาศัยวิธีฝึกฝนการต่อสู้แบบเก่าแล้วเพื่อที่จะกลายเป็นเทวา พวกเขาก็จะไม่สามารถเปลี่ยนไปฝึกฝนกายาเต๋ายุทธ์ได้ เว้นซะแต่ว่าพวกเขาจะทำให้การฝึกตนในปัจจุบันของพวกเขาพิการและถอยกลับไปสู่ขอบเขตเซียนปฐพี
ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เรียกว่า "ผู้ฝึกตนหน้าใหม่" และ "ผู้ฝึกตนรุ่นเก่า" ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
สถานการณ์นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ฝึกตนรุ่นเก่า
ประการแรก เนื่องจากชื่อเสียงและสถานะที่เกิดจากความสำเร็จก่อนหน้านี้ของพวกเขา หัวใจของพวกเขาจึงเริ่มค่อยๆ อ่อนแอลงหรือแม้กระทั่งพังทลายลงภายใต้ผลกระทบจากผู้ฝึกตนหน้าใหม่
พวกเขาเคยเป็นคนที่แข็งแกร่งและน่านับถือในดาวชงหยาง แต่ในความเป็นจริง ณ ตอนนี้ มันก็กลับไม่เป็นเช่นนั้น
นี่เป็นเพราะกลุ่มผู้ฝึกตนเก่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีทั้งปราชญ์ เซียนอนันต์ทองและเซียนทองเพียงอย่างเดียวซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของประชากรทั้งหมดนั้นอยู่ในสามสำนักเซียนสาม
พวกเขากลุ่มนี้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์หวู่และมาจากสำนักเซียนที่มีชื่อเสียง ดังนั้นสถานะของพวกเขาจึงจะไม่ได้รับผลกระทบเลย
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ คือกองกำลังขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งราชวงศ์หวู่
ในกองกำลังเหล่านี้มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งไม่มากนัก และแม้จะรวมกันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคิดเป็นเพียง 30% ของทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ขอบเขตเทพลึกลับลงมา พวกเขาก็ล้วนมาจากกลุ่มคนทั่วไป
ความขัดแย้งครั้งแรกระหว่างผู้ฝึกตนหน้าใหม่และผู้ฝึกตนรุ่นเก่าคือที่ขอบเขตเทวาซึ่งเป็นขอบเขตที่สามของโลกเซียน
เทวาทั้งหลายได้รับผลกระทบกันอย่างมาก ตัวตนดั้งเดิม สถานะและแม้กระทั่งความสนใจในด้านต่างๆ เริ่มได้รับผลกระทบจากเหล่าผู้ฝึกตนหน้าใหม่
หลังจากผ่านไปสิบปี ความขัดแย้งนี้ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
หยานบูฉวนเป็นผู้ฝึกตนเก่า
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสังคมส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขาอย่างมาก
เขามาจากภูมิหลังที่ต่ำต้อย และพ่อแม่ของเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา อีกทั้งยังไม่มีอาชีพที่มั่นคง พวกเขาเดินไปมาอย่างเกียจคร้านตลอดทั้งวันและในที่สุดก็เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเมื่อเขาอายุได้สิบขวบ
หยานบูฉวนที่กลายเป็นเด็กกำพร้าทำได้เพียงขอเงินเลี้ยงชีพ
ต่อมา เขาก็ได้รับเคล็ดวิชายุทธ์มาโดยบังเอิญจากศพของขอทานชรา ซึ่งทำให้เขาฝึกตนไปสู่ขอบเขตเซียนเทียนได้
ราวกับว่าเขาได้รับขุมสมบัติ เขาศึกษามันอย่างขยันขันแข็งเพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม เพราะเขาขาดคำแนะนำจากอาจารย์และความรู้ขั้นพื้นฐาน มันจึงไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาของเขาได้ แต่เขายังทำให้มือขวาของเขาพิการอีกด้วย
ในท้ายที่สุด หยานบูฉวนก็ทำได้เพียงเสนอคู่มือนี้ให้กับหัวหน้าโรงฝึกและขอให้เขารักษาอาการบาดเจ็บและรับเขาเข้ามาเป็นเด็กฝึกงาน
โชคดีที่หัวหน้าโรงฝึกเป็นคนชอบธรรม หลังจากรับเคล็ดวิชามาแล้ว เขาก็รักษาสัญญาที่จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและปล่อยให้เขาอยู่ในโรงฝึกเพื่อศึกษา
ในที่สุด หยานบูฉวนก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตนอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ดีๆ ก็อยู่ได้ไม่นาน ในเวลาเพียงสามปี ศัตรูของอาจารย์ก็มาเคาะประตูถึงหน้าบ้านของเขา โรงฝึกทั้งหมดถูกทำลาย หยานบูฉวนสามารถรอดออกมาได้เพราะเขาออกไปซื้อของข้างนอกพอดี
จากนั้นเขาก็เริ่มต้นชีวิตของเขาในฐานะผู้ฝึกตนพเนจร เขาเป็นโจร คนเลี้ยงม้า นักเลงรับจ้างและเป็นเพื่อนกับสัตว์ป่าในภูเขา
หยานบูฉวนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียนหลังจากใช้เวลามาครึ่งชีวิต ในที่สุดเขาก็กระโดดลงจากหน้าผาเมื่อเขาถูกศัตรูไล่ตาม
ตอนนั้นเขาเพียงแค่ตายเท่านั้น
โดยไม่คาดคิด เขาได้ตกลงไปในถ้ำที่ด้านล่างของหน้าผาและพบกับผลไม้วิญญาณและเคล็ดวิชายุทธ์เข้า
ตั้งแต่นั้นมา โชคชะตาของหยานบูฉวนก็เปลี่ยนไป เขาประสบความสำเร็จในการเป็นเซียนมนุษย์เมื่ออายุได้ร้อยปีและมาถึงขอบเขตเซียนปฐพีในอีกร้อยปีต่อมา
เดิมทีด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาก็ไม่มีโอกาสได้เป็นเทวาแน่ อย่างไรก็ตาม เขาก็โชคดีที่ได้พบกับปรากฏการณ์ของซุยเฮ็งและได้เดินตรงขึ้นมาจากขอบเขตเซียนปฐพีไปสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์
แม้แต่ในดาวชงหยาง เซียนสวรรค์ก็ยังถือได้ว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลัง อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถเป็นผู้นำขององค์กรบางแห่งในเมืองใหญ่และถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงได้
ต่อมา หยานบูฉวนได้เปิดโรงฝึกและเตรียมที่จะหาเลี้ยงชีพจากมัน
ชื่อเสียงของเซียนสวรรค์ค่อนข้างมีประโยชน์ หลายคนมาที่นี่เพราะชื่อเสียงของเขา และโรงฝึกก็กลายเป็นที่นิยมมาก
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดีๆ นั้นก็คงอยู่ได้ไม่นานอีกเช่นเคย
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น ราชวงศ์หวู่!
ถัดไปคือการปรากฏตัวของเส้นทางยุทธ์ใหม่
ในช่วงข้ามคืน นักเรียนทุกคนในโรงฝึกก็หนีหายไปกันหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีการเปิดเผยว่าผู้ฝึกตนรุ่นเก่าที่อยู่เหนือขอบเขตเทวาไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนไปฝึกฝนเส้นทางยุทธ์ใหม่ได้ แม้แต่ลูกศิษย์ส่วนตัวของเขาก็ยังละทิ้งเขาไปทีละคน
เมื่อวานนี้ ศิษย์ส่วนตัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของหยานบูฉวนก็ได้บอกลาเขาและจากไป
ในท้ายที่สุด เขาก็เป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในโรงฝึกขนาดใหญ่
“ เฮ้อ…”
หยานบูฉวนถอนหายใจเบาๆ และปิดประตูโรงฝึก เขาหันกลับไปมองห้องโถงที่ว่างเปล่า ฉากของเหล่าผู้ฝึกตนในอดีตยังคงสดใหม่อยู่ในความคิดของเขา
เขาค่อยๆ เดินผ่านห้องโถงและมาถึงสวนหลังบ้าน โดยไม่สนใจทรายและกรวดบนพื้น เขานอนลงบนพื้นและแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาเหยียดมือออกและคว้ามัน แต่เขาก็คว้าได้เพียงอากาศที่ว่างเปล่า
“ ท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างก็ไร้ค่า แม้แต่การฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ของข้าก็ยังไร้ค่าในยุคสมัยใหม่”
หยานบูฉวนพึมพำว่า “ ข้ารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่เช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ฝึกตนทั่วไป… มันนับเป็นพรอันยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา แต่ข้าก็ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้เลย เฮ้อ…”
ในฐานะผู้ฝึกตนทั่วไป มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้รับเคล็ดวิชาที่สามารถทำให้เขากลายเป็นราชาสวรรค์หรือเทพลึกลับได้
แต่กระนั้น การที่จะทำให้การฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ของเขาพิการและกลับสู่ขอบเขตเซียนปฐพีก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้เคล็ดวิชาการฝึกตนใหม่และเริ่มต้นทุกอย่างใหม่อีกครั้งนั้น หยานบูฉวนก็รู้ถึงขีดจำกัดของเขาดี หากเขาทำอย่างนั้นจริงๆ มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะไม่สามารถกลับไปยังขอบเขตเทวาได้
เขาอยู่แบบนี้ต่อไปมันคงจะดีกว่า
“ บางทีข้าก็ควรจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา” หยานบูฉวนมองย้อนกลับไปในช่วงชีวิตของเขาและตระหนักได้ว่ามันไร้ความหมายจริงๆ หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยในท้ายที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยใหม่นี้ มันไม่มีที่สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
“ ข้าควรทำอย่างไรต่อไป? ข้าควรจะอยู่อย่างไร?”
หยานบูฉวนรู้สึกว่าชีวิตของเขาไร้ค่าโดยสิ้นเชิงในตอนนี้ ครอบครัวของเขาเสียชีวิตลงไปนานแล้ว ลูกศิษย์และหลานศิษย์ของเขาเองก็จากเขาไปแล้วทีละคนตามกระแสของยุคใหม่
ตอนนี้เขาอยู่คนเดียวอย่างสมบูรณ์
ความรู้สึกสับสนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนได้ผุดขึ้นในจิตใจของเขา มันทำให้เซียนสวรรค์เช่นเขารู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
ตุ้บ! ตุ้บ!
ในขณะนี้ หยานบูฉวนก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องโถง ราวกับว่ามีคนมาเคาะประตู
เขาลุกขึ้นจากพื้นและมองไปทางห้องโถงด้วยความตกใจ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองในเวลากลางคืนและพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน “ ใครกันจะมาหาข้าในเวลานี้?”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะงงงวย แต่การเคาะประตูครั้งนี้ก็เป็นเหมือนกับการปลุกความหวังสุดท้ายในส่วนลึกของจิตใจของเขาให้ตื่นขึ้น หยานบูฉวนยืนขึ้นและเดินไปเปิดประตูโรงฝึก
“ เจ้าคือ?” หยานบูฉวนมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าโรงฝึกของเขาด้วยความสับสน
นี่คือชายหนุ่มที่ดูน่าจะอายุประมาณ 20 ปี เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา ใบหน้าอ่อนโยน นัยน์ตาลึกล้ำ และรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้า มันให้ความรู้สึกที่อ่อนโยน
หยานบูฉวนนึกถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา 200 ปีของเขาและยืนยันว่าเขาไม่เคยเห็นบุคคลนี้มาก่อน
เขาเป็นใคร?
“ เจ้าคือหยานบูฉวนใช่ไหม” ชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม เสียงของเขาสุภาพและน่าฟัง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
“ ใช่ใช่ ข้าหยานบูฉวน” หยานบูฉวนรีบพยักหน้า เขารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังสับสน เขาถามด้วยความสงสัยว่า “ เจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาข้าหรอ?”
“ ถูกต้อง” ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ เจ้าจะไม่ให้ข้าเข้าไปคุยข้างในหน่อยหรอ?”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved