ตอนที่ 54

บทที่ 54: พระชราใจแตก หุบปากแล้วตามข้ามา

“ เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ?”

“ ข้าเป็นคน ข้าไม่ใช่ผี”

หัวศีรษะที่บนมือและบนคอของเขาพูดขึ้นพร้อมๆ กัน

ทันทีที่เขาพูดจบ หัวที่อยู่บนคอของเขาก็หลุดลงมาอีกหัวและกลิ้งลงไปที่มือขวาที่ว่างเปล่าของเขา

จากนั้นหัวอีกหัวก็ได้งอกออกมาจากคอที่ว่างเปล่าของซุยเฮ็งอีกครั้ง

“ เจ้าไม่ต้องการให้ฮุ่ยฉีตัดหัวของข้าแล้วหรอ?”

“ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไรจากข้า แต่หัวของข้ามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะให้เจ้า”

“ เอาล่ะ ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะ เจ้าไม่ต้องการมันแล้วหรอ?”

ปากของหัวทั้งสามพูดขึ้นพร้อมๆ กัน เสียงของพวกมันดังทับซ้อนกันและดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

“ สัตว์ประหลาด… สัตว์ประหลาด! เจ้าจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ!” พระเต๋อคงตะโกนราวกับว่าเขาเป็นบ้า จากนั้นเขาก็เริ่มสวดมนต์ในขณะที่ตัวสั่น “ อมิตาพุทธ อมิตาพุทธ พระพุทธเจ้าโปรดช่วย…”

ในฐานะปรมาจารย์เซียนเทียน ผู้ยิ่งใหญ่ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกยุทธ์และเป็นเจ้าอาวาสของสำนักสงฆ์อายุพันปี ความรู้ของเขาก็มิอาจจะประเมินค่าได้

ถึงกระนั้น สถานการณ์ในปัจจุบันก็ได้อยู่เหนือเกินกว่าขีดจำกัดของสิ่งที่เขาสามารถทำความเข้าใจได้ไปแล้ว

ประการแรก แสงพุทธที่ปกป้องเขาอยู่ได้ถูกมือที่มองไม่เห็นบดขยี้ลง จากนั้นเขาก็ได้ถูกยกลอยขึ้นไปในอากาศ ความรู้สึกที่ไม่สามารถต้านทานขัดขืนได้นั้นทำให้เขาได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างมาก

เคล็ดวิชาอันทรงพลังดังกล่าวอยู่เหนือความเข้าใจของเขาไปไกลแล้ว มันทำให้เขาสงสัยว่านี่เป็นพลังเทวะที่มีเฉพาะปรมาจารย์ขอบเขตเทพเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองมันได้

ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้น การป้องกันทางจิตใจของเขาก็คงจะยังไม่เป็นอะไร

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าขอบเขตเทพจะทรงพลัง แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตของมนุษย์ มันเป็นระดับที่ยังสามารถทำความเข้าใจ รับรู้ และอาจจะเข้าถึงได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซุยเฮ็งได้แสดงออกมานั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว

คนธรรมดาที่ไหนกันจะสามารถตัดหัวตัวเองแล้วทำให้มันพูดได้ได้?

นอกจากนี้ คนเราจะยังมีหัวงอกเพิ่มขึ้นมาอีกหลังจากเสียหัวไปได้ด้วยอย่างงั้นหรอ?

เรื่องที่น่าตกใจดังกล่าวทำให้พระเต๋อคงหวาดกลัวและตื่นตระหนกจนลืมตายไปในทันที

การสวดพระไตรปิฎกเป็นเวลาหลายปีนั้นเปล่าประโยชน์ เมื่อเขาได้พบกับสิ่งที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เขาก็ยังคงหวาดกลัว

เมื่อซุยเฮ็งเห็นว่าพระเต๋อคงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว เขาก็ปลดพันธนาการบนตัวอีกฝ่ายและปล่อยให้พระชราตกลงมาจากฟากฟ้า

ทันทีที่พระเต๋อคงตกลงมา สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของเขาก็ได้สั่งให้เขาวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต

ปรมาจารย์เซียนเทียนสามารถเคลื่อนที่เป็นระยะทาง 200 เมตรได้ด้วยการก้าวเพียงครั้งเดียว ดังนั้นหากเขาไม่พบอุปสรรคใดๆ เขาก็จะสามารถหลบหนีออกไปจากมณฑลจูเหอได้อย่างรวดเร็ว

น่าเสียดายที่ทันทีที่เขาขยับตัว เขาก็ต้องสะดุดล้มลงกับพื้น

ในขณะนี้ พระเต๋อคงก็ตระหนักได้ว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาได้กลายเป็นทรายดูด และแรงดูดของมันก็ทรงพลังจนทำให้เขาไม่สามารถขยับได้ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด

ปรมาจารย์เซียนเทียนผู้ทรงพลังถูกขังอยู่ในทรายดูด!

“ นี่มันบ้าอะไรกัน?” พระเต๋อคงรู้สึกหวาดกลัว เขาหันกลับไปมองซุยเฮ็งด้วยความกลัวและตะโกนว่า “ เจ้าต้องการอะไรกันแน่!”

ซุยเฮ็งไม่ได้สนใจคำถามของอีกฝ่าย และในขณะนี้ หนึ่งในหัวของเขาก็ได้มองลงไปที่ฮุ่ยฉีและถามอีกฝ่ายว่า “ นี่คือคนที่ฆ่าพ่อของเจ้า เจ้าคิดว่าเราควรจะจัดการกับเขายังไงดี?”

“ ผู้น้อยขอปฏิบัติตามความเห็นชอบท่าน” ฮุ่ยฉีกล่าวด้วยความเคารพ

การกระทำของซุยเฮ็งในตอนนี้ทำให้เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน แต่เนื่องจากเขาเคยเห็นวิธีการก่อนหน้านี้มาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

“ ถ้าอย่างนั้น ให้ขังเขาไว้ในคุกประหารก่อน” หัวที่คอของซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย ส่วนหัวในมือขวายิ้มและพูดว่า “ หลังจากที่เขาคัดลอกเคล็ดวิชายุทธ์ทั้งหมดของอารามดอกปทุมเสร็จ เราก็จะค่อยจัดการกับเขาอีกทีภายหลัง”

“ อย่างไรก็ดีท่านผู้ว่าการ ชายคนนี้เป็นปรมาจารย์เซียนเทียน ดังนั้นข้าจึงเกรงว่าห้องขังธรรมดาๆ จะไม่สามารถจับเขาเอาไว้ได้” ฮุ่ยฉีกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้า

“ ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาไม่เหลือพิษสงอะไรแล้ว” หัวในมือซ้ายของซุยเฮ็งยิ้ม

“ อะไรนะ?” ฮุ่ยฉีตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขามองไปที่พระเต๋อคงด้วยความตกใจ

“ ไม่นะ พลังปราณของข้าหายไปไหนกัน!” ในขณะนี้ พระเต๋อคงก็ตะโกนเสียงดังลั่น

นอกจากนี้ ตอนนี้เขาก็ยังดูแก่ลงไปมาก

ก่อนหน้านี้เขาดูมีอายุประมาณ 60 ปีและเต็มไปด้วยพลัง แต่ตอนนี้ เขาก็กลายเป็นชายชราผอมแห้งในวัย 80 ถึง 90 ปีแล้ว แผ่นหลังของเขางอค่อมและออร่าของเขาก็อ่อนแอลงไปมาก

พลังของปรมาจารย์เซียนเทียนพิการอย่างงั้นหรอ?

ฮุ่ยฉีตกใจมาก

ท่านผู้ว่าการเป็นเซียนจริงๆ ด้วย!

แม้แต่ปรมาจารย์เซียนเทียนก็ยังเป็นเพียงมดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา!

“ พาเขาไปขังได้แล้ว” ซุยเฮ็งโบกมือของเขา

“ ตามท่านบัญชา!” ฮุ่ยฉีโค้งคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็จับตัวพระเต๋อคงไปทางเรือนจำประหาร

ในไม่ช้า มันก็เหลือเพียงซุยเฮ็งเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในลานบ้าน

เขาเขย่ามือเบาๆ และหัวทั้งสองที่เขาถืออยู่ก็กลายเป็นละอองพลังปราณสองสายที่หลอมรวมกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา

นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่มันเป็นหัวจริงๆ สองหัว

หลังจากไปถึงขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นสมบูรณ์ได้แล้ว ร่างกายของซุยเฮ็งก็ไม่สามารถทำลายได้อีกต่อไป ดังนั้นตราบใดที่แก่นแท้ทองคำของเขาไม่ถูกทำลาย เขาก็จะสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะถอนหัวออกมาได้โดยไม่ตาย

“ สีเขียวที่แสดงถึงความกลัวเพิ่มขึ้น 60%แล้ว!” ซุยเฮ็งอารมณ์ดีขึ้นมาก ความแข็งแกร่งทางอารมณ์ของปรมาจารย์เซียนเทียนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

โชคไม่ดีที่หลังจากอีกฝ่ายเสียสติไป อีกฝ่ายก็ไม่สามารถมอบอะไรให้กับเขาได้อีก

มิฉะนั้นแล้ว เขาก็คงจะยังเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ดี อีกฝ่ายก็ยังมีประโยชน์สำหรับการคัดลอกเคล็ดวิชายุทธ์และการทำความเข้าใจสถานการณ์เบื้องลึกของโลกใบนี้

“ ตามข้อมูลที่ฮุ่ยฉีได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ มันก็น่าจะมีคนที่อยู่ในระดับเดียวกันนี้ประมาณหกถึงเจ็ดคนในฝั่งของราชาหยาน และเช่นเดียวกับกองกำลังนับแสน…”

ซุยเฮ็งคำนวณในใจของเขาและคิดกับตัวเองว่า “ ในกรณีนี้ ฉันก็น่าจะได้รับการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่แล้วในครั้งนี้!”

“ อย่างไรก็ตาม หลังจากคลื่นลูกนี้ผ่านพ้นไป การรวบรวมแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นแน่ๆ…"

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็มองไปยังทิศทางของมณฑลลู่และหัวเราะเบาๆ “ หลังจากนี้มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ว่าการหลิวแล้วสินะ”

...

หลังจากเฉียนคังเดินทางออกมาจากมณฑลจูเหอ เขาก็ควบม้าที่ขี่ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

เขาต้องการจะรีบกลับไปที่มณฑลลู่ให้เร็วที่สุด

เขาต้องไปถึงให้เร็วกว่าฟางหนานเจิง

มิฉะนั้นแล้ว ฟางหนานเจิงก็อาจจะเอาความดีความชอบนี้ไปก่อนได้

น่าเสียดายที่เขายังคงมาสายเกินไป

เมื่อเฉียนคังกลับมาถึงที่มณฑลลู่ เขาก็พบว่าฟางหนานเจิงได้กลับมาถึงก่อนเขาแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตูเมือง ทหารกลุ่มหนึ่งก็ยังเข้ามาล้อมรอบเขาไว้ และผู้นำก็คือผู้บัญชาการทหารเฉินตง

“ ท่านผู้บัญชาการ นี่…” เฉียนคังลงมาจากหลังม้าอย่างมีชั้นเชิง เขามองไปที่ทหารโดยรอบและยิ้มอย่างขมขื่น “ พวกท่านคิดจะทำอะไรกัน?”

“ หุบปาก!” เฉินตงตะคอกเสียงดัง “ ตามข้ากลับไปที่สำนักงานเทศมณฑล!”