ตอนที่ 81

บทที่ 81: ทักษะการเจรจาและการเจรจากันอย่างสันติ

“ รองเฉิน!” เฉียนฟางคงทรุดตัวลงกับพื้น

“ เจ้า! เจ้าเข้ามาได้ยังไงกัน!” ซงหมิงหน้าซีดด้วยความกลัว เขามองไปที่ฮุ่ยฉีด้วยความสยดสยองและมองออกไปข้างนอก

นี่คือห้องโถงด้านในของสำนักงานเทศมณฑล มันมีเจ้าหน้าที่หลายคนเฝ้าอยู่ด้านนอก ดังนั้นแม้ว่าฮุ่ยฉีจะต้องการเข้ามา แต่มันก็ยังต้องมีคนมารายงานก่อน!

เขาจะปล่อยให้ฮุ่ยฉีเข้ามาแบบนี้ได้อย่างไร!

“ ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังสงสัยอยู่สินะ?” ฮุ่ยฉีเขย่ากระบี่เหล็กเปื้อนเลือดในมือเบาๆ และเย้ยหยัน “ เจ้าอยากรู้ใช่ไหมว่าข้าเข้ามาได้ยังไง และทำไมเจ้าหน้าที่ข้างนอกถึงไม่ส่งเสียง”

“ หรือว่าเจ้าจะ…” ซงหมิงมองไปที่กระบี่เหล็กในมือของฮุ่ยฉีและตัวสั่น “ เจ้าฆ่าพวกเขาหรอ!”

“ เจ้ารู้ไหมว่าการแทรกซึมที่สมบูรณ์แบบที่สุดคืออะไร” ฮุ่ยฉีไม่ได้โจมตีในทันที เขาถามอย่างใจเย็นแทน

ในเวลาเดียวกัน เขาก็กำกระบี่เหล็กของเขาแน่นขึ้นและค่อยๆ เดินไปตรงด้านหน้าของซงหมิง เขายิ้มและพูดว่า “ ผู้ว่าการเคยบอกข้าว่าตราบใดที่ข้าฆ่าทุกคนที่เห็นข้าทิ้งและทำให้พวกเขาไม่สามารถกรีดร้องได้ทัน มันก็จะเป็นการแทรกซึมที่สมบูรณ์แบบ”

“ ข้า.. ข้าเป็นรองผู้ว่าการมณฑลไท่ชางนะ เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้ ไม่งั้นราชสำนักก็จะเอาเรื่องเจ้าแน่!” ซงหมิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์ เขาพยายามหาคำมาพูดเพื่อรักษาชีวิตของเขา

“ ราชสำนักหรอ?” ฮุ่ยฉีหัวเราะเยาะและไม่ได้พูดอะไรอีก เขายกมือขึ้นและฟันลงไปที่หัวของซงหมิงในทันที จากนั้นเลือดสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาราวกับน้ำพุ มันกระเด็นไปโดนอาบหน้าผู้ว่าการมณฑลเฉียนฟางกง

“ อ้ากก! อย่า อย่า อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้าเลย!” เฉียนฟางคงคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด เขาก้มหน้าและอ้อนวอนขอความเมตตา “ รองเฉิน ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ความผิดพลาดของข้าแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”

นามสกุลของฮุ่ยฉีคือเฉิน และหลังจากออกจากอารามดอกปทุม เขาก็ไม่ได้แต่งตัวเป็นพระอีกต่อไปและเรียกตัวเองว่าเฉินฮุ่ยซีเท่านั้น

สำหรับ “รองผู้ว่าการ” ตำแหน่งนี้ก็ได้รับการแต่งตั้งมาจากซุยเฮ็ง

เดิมทีต้าจินก็ไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีตำแหน่งให้สำหรับฮุ่ยฉี

ดังนั้นแล้วซุยเฮ็งจึงสร้างตำแหน่งทางการที่คล้ายคลึงกันที่เขารู้จักขึ้นมาให้แทน

ในขั้นต้น เขาต้องการจะแต่งตั้งฮุ่ยฉีเป็นผู้สำเร็จราชการแทน แต่ตอนนี้ฮุ่ยซีก็เพียงแค่มาทำตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะสม

มันยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงในภายหลัง

ดังนั้นแล้ว เฉียนฟางคงจึงเรียกเขาว่ารองผู้ว่าการเฉิน

“ ลุกขึ้น!” ฮุ่ยฉีวางกระบี่เหล็กลงบนบ่าของเฉียนฟางคงและพูดด้วยเสียงต่ำ “ เจ้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่านผู้ว่าการหรือไม่?”

“ ข้าจะทำ! ข้าจะทำอย่างแน่นอน!” เฉียนฟางคงพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตอนนี้เขาจะไปกล้าปฏิเสธได้อย่างไร หัวของซงหมิงกำลังกลิ้งอยู่ใต้เท้าของเขาและมันก็ยังกำลังจ้องมองมาที่เขา

“ เยี่ยมมาก!” ฮุ่ยฉีพยักหน้าและยิ้มขึ้นในที่สุด “ ข้าก็นึกว่าคอของเจ้าจะแข็งกว่ากระบี่ของข้าซะอีก”

“ ไม่เลยๆ ข้าจะตั้งใจทำอย่างแน่นอน!” เฉียนฟางคงพยักหน้าและคำนับด้วยความเคารพ

“ ดีแล้ว!” ฮุ่ยฉีเก็บกระบี่ของเขากลับไปและหันหลังกลับ เขาพูดกับจ้าวฮวยซึ่งรออยู่ข้างนอกว่า “ จ้าวฮวย ไปกันเถอะ!”

“ ครับท่านรองผู้ว่า!” จ้าวฮวยตอบรับและคำนับลาเฉียนฟางคงด้วยความเคารพ

“ เจ้าเป็นคนเรียนรู้เร็วนะ” ฮุ่ยฉีมองกลับไปเป็นครั้งสุดท้ายและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้ข้าฆ่าคนไปเพียงคนเดียวและสามารถแก้ไขปัญหาได้!”

“ ใช่แล้ว ท่านฆ่าคนไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ทักษะการเจรจาของท่านพัฒนาขึ้นมาแล้วจริงๆ” จ้าวฮวยพยายามกลั้นหัวเราะของเขา

“ เฮ้ ข้าไม่ได้โง่นะ” ฮุ่ยฉีพูดด้วยรอยยิ้ม “ ข้ายังคงต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่เหล่านี้ในการทำงานในอนาคต แบบนั้นแล้วทำไมข้าถึงจะต้องฆ่าพวกเขาด้วย”

หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป เฉียนฟางคงก็รวบรวมความกล้าและเดินออกไป

จากนั้นเขาก็ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดข้างนอกนั่นยังไม่ตาย

พวกเขาแค่หมดสติไป!

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่คิดว่าฮุ่ยฉีจะแค่ทำให้เขาหวาดกลัว

ท้ายที่สุดแล้ว ซงหมิงก็ได้ตายลงไปแล้วจริงๆ!

ด้วยเหตุนี้เอง ในบ่ายวันนั้น ชาวเมืองไท่ชางจึงเห็นประกาศใหม่

จะเห็นได้ว่าสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดนั้นเป็นพลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อสามัญชนเห็นประกาศนี้ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสุขมาก แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกเชื่อไม่ลง

ผู้ว่าการมณฑลต้องการจะบังคับให้สำนักไท่ชงขายธุรกิจทั้งหมดของพวกเขาให้กับรัฐบาล และพวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้ขายด้วยราคาเพียง 10% ของราคาตลาดเท่านั้น

สิ่งนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างก็ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในทันที

“ เจ้าหน้าที่ทางการกำลังพยายามจะปล้นธุรกิจของสำนักไท่ชงอย่างงั้นหรอ? พวกเขาไม่กลัวการแก้แค้นของสำนักไท่ชงหรอ?”

“ ท่านผู้ว่าการของเราจะต้องไปรุกรานสำนักไท่ชงอย่างแน่นอนด้วยประกาศนี้!”

“ สำนักไท่ชงเต็มไปด้วยยอดฝีมือ มันจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ!”

“ ข้าได้ยินมาว่าสิ่งนี้ถูกตั้งขึ้นมาโดยผู้ว่าการมณฑลลู่ นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา!”

“ เฮ้ ในความคิดข้า มันก็เป็นสิ่งที่ดีถ้ามันสามารถทำได้จริงๆ!”

“ เฮ้อ ท่านผู้ว่าการจะต้องรู้ปัญหาของเราเป็นอย่างดีแน่ๆ เขาถึงได้ออกคำสั่งเช่นนี้ลงมา”

….

เนื้อหาของประกาศแพร่กระจายไปทั่วทั้งมณฑลอย่างรวดเร็ว

โดยธรรมชาติแล้ว มันก็แพร่กระจายจนไปถึงหูของสำนักไท่ชงอย่างรวดเร็ว

เรื่องไร้สาระดังกล่าวทำให้กั่วหมานรองเจ้าสำนักไท่ชงตื่นตระหนกอย่างรวดเร็ว

เจ้าสำนักของพวกเขาออกไปข้างนอกและยังไม่ได้กลับมา

กั่วหมานเรียกรวมเหล่าผู้อาวุโสในทันทีและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ ประกาศนี้มันมุ่งเป้ามาที่เราอย่างชัดเจน พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?”

ผู้อาวุโสคุมกฎตะคอก “ เฉียนฟางคงไม่มีความกล้าพอหรอก ข้าได้ยินมาว่ารองผู้ว่าการจากมณฑลลู่ได้มาที่นี่เมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้นมันก็น่าจะเป็นเขาแน่”

“ นี่คือความคิดของผู้ว่าการมณฑลคนใหม่แน่ๆ” ผู้อาวุโสโถงยาส่ายหัวและพูดว่า “ นั่นคือสิ่งที่เขาทำในมณฑลลู่ พ่อค้าข้าวและเกลือของเราที่นั่นได้ถูกปล้นทั้งหมด และตอนนี้ เขาก็กำลังกำหนดเป้าหมายมาที่สำนักงานใหญ่ของเรา”

“ บัดสบ!” ผู้อาวุโสคุมสอนตบโต๊ะและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ มันก็แค่คนธรรมดา ไปฆ่าเจ้าชาติหมานั่นกันเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราสี่คนจะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้!”

“ แย่แล้ว แย่แล้ว!” ในขณะนี้ ศิษย์ที่เฝ้าทางเข้าอยู่ก็พุ่งเข้ามาในห้องโถงและตะโกนว่า “ เรียนผู้อาวุโส มีคนต้องการจะบุกเข้ามาในสำนักของเรา เขาอ้างว่าเขามาจากมณฑลไท่ชางและต้องการจะพบกับท่านเจ้าสำนัก!”

“ หยุดมันไว้!” ผู้อาวุโสคุมกฎตะโกน “ เจ้าคิดว่าสำนักไท่ชงของเราเป็นสถานที่ที่ผู้คนจะสามารถไปมาได้ตามต้องการรึยังไง!”

“ แต่ แต่…” ศิษย์กำลังจะอธิบาย จู่ๆ ก็มีร่างๆ หนึ่งก็ลอยมาจากทางด้านหลังและทำให้เขาหมดสติไปในทันที

กั่วหมานและเหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากันและรูม่านตาของพวกเขาก็หดลง

สิ่งที่ถูกโยนเข้ามานั้นแท้จริงแล้วคือซากศพไร้หัว นอกจากนี้ มันก็ยังสวมเสื้อผ้าของศิษย์สำนักไท่ชง

“ กล้าดียังไงกัน!” ผู้อาวุโสคุมสอนยืนขึ้นด้วยความโกรธและกำลังจะรีบออกไป

แต่ในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไป แสงสีขาวก็พุ่งเข้ามาจากข้างนอก!

คอของผู้อาวุโสถูกตัดขาดในทันที และศีรษะของเขาก็กลิ้งลงไปกองกับพื้น ร่างของเขาก้าวไปข้างหน้าต่ออีกสองสามก้าวก่อนจะหยุดและล้มลงกับพื้น

ปัง!

แสงสีขาวพุ่งไปจนกระทบเข้ากับผนัง และในตอนนี้ มันก็เผยให้เห็นว่าแท้จริงแล้วมันคือกระบี่เหล็ก!

ห้องโถงใหญ่ของสำนักไท่ชงเงียบสนิทลงในทันที

ไม่นาน ฮุ่ยฉีก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ เขามองไปรอบๆ และพูดด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา “ ไม่ต้องตกใจ ข้ามาที่นี่เพื่อเจรจา”

“ เอาล่ะ ทุกคนมานั่งลงและเจรจากันอย่างสันติเถอะ”

….

ประกาศของมณฑลไท่ชางถูกนำมาใช้ได้อย่างราบรื่น

ในเวลาเพียงสิบวัน ฮุ่ยฉีก็ได้เสร็จสิ้นการได้ตกทรัพย์สำนักไท่ชงสำเร็จและกลับมายังมณฑลลู่เพื่อรายงาน

ในห้องโถงด้านในของสำนักงานเทศมณฑล

ซุยเฮ็งอ่านรายงานของฮุ่ยฉีและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองฮุ่ยฉีอีกครั้ง เขาหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ นี่ข้ากำลังอ่านอะไรกัน เจ้าไม่ได้กำจัดสำนักไท่ชงจริงๆ หรอ?”

“ เรียนท่านผู้ว่าการ ข้าคิดว่าหากเราฆ่าคนที่เหมาะสม เราก็จะไม่จำเป็นต้องฆ่าคนให้มากมาย” ฮุ่ยฉีกล่าวด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็อธิบายการดำเนินงานต่างๆ ของเขาในมณฑลไท่ชาง

“ ดี เจ้าทำได้ดีมาก” ซุยเฮ็งพยักหน้าและกล่าวชม

ผลลัพธ์นี้ค่อนข้างคาดไม่ถึง

ในตอนแรก เขาก็คิดว่าการส่งฮุ่ยฉีออกไปปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าการนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือเขาจะสามารถบังคับใช้ประกาศได้อย่างรวดเร็ว ส่วนข้อเสียคือแม้ว่ามันจะถูกบังคับใช้ได้สำเร็จ แต่มันก็จะไม่มีคนเหลืออยู่มากนัก

และเมื่อมันไม่เหลือผู้คน ซุยเฮ็งก็จะไม่สามารถรวบรวมความรู้สึกเกลียดชังได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นการดีที่สุดทราจะให้ฮุ่ยฉีใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมตั้งแต่ต้น

มันสามารถใช้เป็นคำเตือนให้แก่ผู้อื่นและสิ่งต่างๆ ก็จะราบรื่นกว่านี้มากในอนาคต

ถึงอย่างนั้น โดยไม่คาดคิด ฮุ่ยฉีก็กลับสามารถฆ่าคนไปน้อยกว่าร้อยคนได้ในครั้งนี้!

นี่หมายความว่าสำนักและตระกูลใหญ่ต่างๆ ในมณฑลไท่ชางนั้นยังคงสามารถใช้เป็นเครื่องกำเนิดแสงแห่งอารมณ์ได้

มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างแน่นอน

แม้ว่าซุยเฮ็งจะยังไม่ได้ไปที่มณฑลไท่ชางเพื่อรวบรวมแสงแห่งอารมณ์ แต่เขาก็รู้สึกดีใจและสบายใจแล้วเพียงแค่ได้อ่านรายงานนี้

เขาสามารถดำเนินการตามแผนจนเสร็จสิ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่ทำร้ายประชาชนในท้องถิ่นได้

มันสมบูรณ์แบบมาก!

ฮุ่ยฉีเหมาะกับงานพวกนี้จริงๆ

“ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ท่าน” ฮุ่ยฉีรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินคำชม

ในใจของเขา ซุยเฮ็งก็ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ว่าการเท่านั้น แต่เขายังเป็นเทพเซียนที่ทรงพลังและมีพลังอันไร้ขอบเขตอีกด้วย เพราะงั้นแล้ว มันจึงเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องจากเทพเซียน!

“ ท่านผู้ว่าการ นอกจากนี้แล้วมันก็ยังมีเรื่องอื่นที่ข้าต้องรายงาน” ฮุ่ยฉีพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ ข้าได้รู้มาจากสำนักไท่ชงว่าผู้อาวุโสด้านการทูตของพวกเขา ซุนเหลียนเซิงได้ออกไปจากสำนักเมื่อไม่กี่วันก่อนและกำลังมุ่งหน้าไปยังหยานโจว เขาน่าจะกำลังไปที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยาเพื่อรายงาน ท่านต้องการให้ข้าไปจับเขาหรือไม่?”

“ ไปที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยาเพื่อรายงาน?” ซุยเฮ็งมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหัวและพูดว่า “ ไม่ต้องกังวล เจ้าไปที่มณฑลอื่นเพื่อทำภารกิจต่อเถอะ”

เดิมทีเขาก็กังวลมากว่าตระกูลหวังแห่งหลางหยาจะไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ซุนเหลียนเซิงก็ได้ไปแจ้งให้เขาทราบแทนแล้ว

ฮุ่ยฉีเข้าใจได้ในทันทีว่าซุยเฮ็งมีแผนสำหรับเรื่องนี้แล้ว เขาพยักหน้าในทันทีและพูดว่า “ รับทราบ!”

“ พูดถึงตระกูลหวังแห่งหลางหยา ข้าก็นึกถึงหวังจินเซิง” ซุยเฮ็งยืนขึ้นและหัวเราะเบาๆ “ เฉินตงเพิ่งจะกลับมาจากการลาเมื่อสองวันก่อนและกำลังศึกษาวิธีการป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าหวังจินเซิงได้ถูกคุมขังอยู่ที่นี่”

“ มันน่าสนใจมาก ก่อนหน้านี้ข้าก็อนุญาตให้เขาลางานได้สิบวันเพื่อกลับไปหาน้องสาวที่บ้านเกิด แต่เขาก็ยืนกรานว่าจะลาแค่เจ็ดวันเท่านั้น และแม้ว่าเขาจะกลับจากการลาแล้ว แต่เขาก็ยังพาน้องสาวมาด้วย”

“ ไปกันเถอะ ตามข้ามา เราจะไปดูกันว่าเขาคิดจะแก้ปัญหานี้อย่างไร”