ตอนที่ 60 - บทที่ 60 เทคนิคหอกบาจิ

บทที่ 60 เทคนิคหอกบาจิ

เมื่อมองดูดวงตาที่จริงใจและมั่นใจของเฉินฟาน จางเหรินก็ราวกับตื่นขึ้นทันที

ใช่แล้ว!

สำหรับคนธรรมดา มันไม่ง่ายเลยที่จะเชี่ยวชาญทั้งหอกและดาบ

เช่นเดียวกับเขา เขาคิดว่าทักษะหอกของเขานั้นถือว่าพอรับได้ แต่ทักษะดาบของเขาอย่างมากที่สุดสามารถถือว่าเป็นผู้เริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับปรมาจารย์ด้านดาบแล้ว เขาก็ยังห่างไกลอยู่มากนัก

แต่เด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาไม่ใช่เหรอ?

ภายในเวลาไม่ถึงวัน เขาก็สามารถเรียนรู้ไท่จี้ฉวนที่คนอื่นใช้เวลาเรียนรู้ตั้งแต่สามปีไปถึงห้าปี

แต่เขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เขาก็เข้าถึงไท่จี้ฉวนระดับเริ่มต้นได้

ด้วยคุณสมบัติแบบนี้ การเรียนรู้อาวุธสองชนิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเวลาเดียวกัน จะเป็นไปไม่ได้จริงๆหรือ?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็ไอเบา ๆ แล้วพูดว่า "เฉินฟาน เจ้าตัดสินใจแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? ให้ข้าบอกเจ้าก่อนว่าการเรียนรู้อาวุธสองชิ้นในเวลาเดียวกันนั้นยากกว่าการเรียนรู้เทคนิคการชกมวยสองอย่างในเวลาเดียวกันมาก"

“ไม่เป็นไรลุงจาง ให้ข้าจะลองดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลข้าก็จะเลิกเรียนไปหนึ่งวิชาก็ได้” เฉินฟานพูดพร้อมหัวเราะออกมา

"ก็ได้"

จางเหรินขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขามักจะรู้สึกเสมอว่าประโยค "ให้ข้าลองดู" เป็นประโยคที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก

และในขณะนี้เฉินฟานก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

คนอื่นๆ อาจจะต้องกังวลเกี่ยวกับการเรียนรู้หลายอย่างพร้อมกัน แต่เขามีแผงคุณสมบัติของระบบ ซึ่งขอแค่ระบบดูดซับเข้าไปได้เขาก็สามารถฝึกได้

ยิ่งไปกว่านั้น เทคนิคการต่อสู้ที่แตกต่างกันสามารถซ้อนทับค่าสถานะหรือคุณสมบัติเดียวกันได้ ใครจะไม่พอใจถ้าสิ่งเหล่านี้มีความสามารถมากเกินไป?

“ลุงจาง ข้าต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานที่สุดเพื่อเรียนรู้หอกและดาบใช่หรือไม่ หลังจากที่ข้ามีพื้นฐานที่หนักแน่นแล้ว ข้าก็สามารถเรียนรู้เทคนิคที่ทรงพลังมากขึ้นใช่ไหม?”

เฉินฟานคิดถึง "เทคนิคศรดาวตก" เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของจางเหริน และอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอคอยคำตอบ

เขาแน่ใจว่าจางเหรินต้องมีเทคนิคพลหอกขั้นพื้นฐานและเทคนิคพลหอกขั้นสูงอย่างแน่นอน

และเทคนิคดาบก็อาจจะเหมือนกัน

จางเหรินเหลือบมองเขา ดวงตาของเขาดูเหมือนจะพูดว่า คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร

“แน่นอนว่าเราต้องเริ่มจากพื้นฐานที่สุด” ทันทีที่เขาพูดถึงการฝึกฝนใบหน้าของเขาก็กลับมาจริงจังตามปกติ “การเคลื่อนไหวด้วยหอกขั้นพื้นฐานได้แก่ การสกัดกั้น การถือ การแทง การฟาด การกระทุ้ง การขว้าง ฯลฯ การเคลื่อนไหวของดาบขั้นพื้นฐานได้แก่ การกระแทก การสับ การแทง การล่อหลอก การเฉือน ฯลฯ เจ้าต้องคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ก่อนจึงจะถือว่ามีพื้นฐานแน่น จากนั้นค่อยเรียนเทคนิคที่สูงขึ้นไปได้”

“เข้าใจแล้ว ลุงจาง” เฉินฟานตอบ “ข้าแค่สงสัยนิดหน่อย หลังจากข้าทำพื้นฐานเหล่านี้ให้แน่นและชัดเจนแล้ว อะไรคือเทคนิคดาบและเทคนิคหอกขั้นสูงที่ข้าต้องเรียนรู้?”

“เจ้าถามถึงชื่อเหรอ?”

จางเหรินผงะไปเล็กน้อย

เฉินฟานพยักหน้าซ้ำหลายครั้ง

"..."

จางเหรินมองเขาอย่างจริงจัง ถ้าหวังปิงและคนอื่นๆถามคำถามนี้ พวกเขาอาจจะถูกเขาด่าไปแล้ว พวกเขาคลานไม่ได้เลยด้วยซ้ำแล้วจะมาสนใจเรื่องวิ่งทำไม?

อย่างไรก็ตาม สำหรับเฉินฟานนั้นแตกต่าง…

“เทคนิคดาบคือเทคนิคดาบไทชิ และเทคนิคหอกคือเทคนิคหอกบาจิ”

เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา

"อ่า..!!"

ดวงตาของเฉินฟานเบิกกว้าง

เทคนิคดาบไทชิแค่ชื่อก็ฟังดูน่าพอใจแล้ว แต่เทคนิคหอกบาจิอย่างหลังนั้นก็ดูทรงพลังกว่ามาก!

เมื่อมองดูคิ้วของลุงจางที่ดูเหมือนเขาลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนว่านี่ควรจะเป็นไพ่ตายก้นหีบของเขาใช่ไหม?

"มากับข้า"

จางเหรินเดินไปข้างหน้า ถอนหายใจในใจเบาๆ

ถ้าเป็นเมื่อสิบปีก่อนไม่ต้องพูดถึงหอกบาจิ แม้แต่ไทเก๊กขึ้นพื้นฐานเขาคง ไม่ทำการเผยแพร่มันออกไปหรอก

แต่ตอนนี้โลกได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา หากเขาจะหวงแหนสิ่งเหล่านี้ไปก็ไร้ความหมาย และเฉินกัวตงได้ช่วยชีวิตเขาไว้ แถมเขายังดูแลเขามาตลอดหลายปีนี้

ตราบใดที่เฉินฟานต้องการเรียนรู้ เขาจะไม่เสียใจที่จะสอนเขาทุกอย่าง

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

ทั้งสองมาที่โกดังเก็บอาวุธอีกครั้ง และดวงตาของเฉินฟานก็จ้องมองไปที่คันธนูยาวที่มีแรงน้าว 200 ปอนด์นั้น

เดิมทีเขาวางแผนที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นก่อน หลังจากเพิ่มค่าสถานความแข็งแรง เพื่อที่จะสามารถใช้ธนูนี้ได้ แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาควรจะรอกอ่นสักพัก

"ลองสิ่งนี้ดู"

จางเหรินโยนหอกไม้ที่มีปลายแหลมที่ยาวประมาณ 2 เมตร และมีพู่สีแดงลอยอยู่ด้านหลังข้อต่อ

เฉินฟานรับมันขึ้นพร้อมกับชั่งน้ำหนักแล้วพูดว่า "ลุงจาง มันดูเบาไปหน่อยนะ"

"เบางั้นเหรอ?"

จางเหรินมองไป “แม้ว่าหอกนี้จะมีลำตัวเป็นไม้ แต่ก็ยังมีน้ำหนักสิบจิน อย่าคิดว่าตัวเองน้าวค้นธนูหนึ่งร้อยปอนด์และจะสามารถดูเบาหอกนี้ได้ ข้าบอกเจ้าเลยว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะถืออาวุธยาวเช่นนี้ เจ้าจะรู้ในภายหลัง"

เฉินฟานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงยืนกรานความคิดของเขา "ลุงจาง หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ข้ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมาก หอกนี้ยังเบาสำหรับข้า ดังนั้นข้าควรเปลี่ยนเป็นหอกที่หนักกว่านี้"

แน่นอนว่าเขาสามารถฝึกหอกที่จางเหรินให้ได้ แต่การเพิ่มความเชี่ยวชาญ นั้นจะช้าเกินไป

“เจ้าต้องการหอกที่หนักเท่าไหร่?”

จางเหรินพูดออกมาอย่างหมดหนทางเล็กน้อย

เฉินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ยี่สิบจินก็แล้วกัน”

คนธรรมดาสามารถใช้หอกหนักสิบจินได้ และหลังจากผ่านไปนานๆ พวกเขาก็สามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญมากขึ้น

และค่าสถานความแข็งแรงของเขาถึง 35 แต้มแล้ว ซึ่งมากกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า ดังนั้นการลองใช้น้ำหนัก 20 จินก่อนเพื่อฝึกปรือฝีมือก็ถือว่าพอรับได้

จางเหรินเหลือบมองเขาแล้วหันกลับไปและดึงหอกยาวออกมาจากชั้นวางแล้วโยนมันออกมา

เฉินฟานเอื้อมมือออกไปรับและทันทีที่เขารับมันได้ มือของเขาก็ตกลงเล็กน้อย น้ำหนักเป็นสองเท่าของหอกอันแรก กำลังดีสำหรับการเริ่มต้น

ความยาวของหอกยาวเกือบสามเมตร ตัวหอกเป็นสีดำและมีออร่าเย็นแผ่ออกมา

"งั้นมาเริ่มกันฝึกหอกกันเถอะ"

หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองไปที่ชั้นวางที่มีดาบวางซึ่งอยู่ไม่ไกลนั้น

เขาสงสัยว่าเฉินฟานจะสามารถเรียนรู้ทักษะการใช้ดาบต่อไปได้เลยไหม หลังจากเรียนรู้เทคนิคหอกในคืนนี้

จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ออกไปข้างนอก และเมื่อคนอื่นๆเห็นหอกเหล็กในมือของเฉินฟาน เฉินกัวตง หวังปิง และคนอื่นๆ ก็แสดงความประหลาดใจออกมา

“เสี่ยวฟาน เจ้าจะเรียนเทคนิคหอกด้วยงั้นหรือ?”

เกาหยางกล่าวอย่างตะลึง

"ด้วยการที่เขาถือหอกออกมา ข้ากลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้น"

“แต่เสี่ยวฟานเก่งกาจเรื่องการยิงธนูไม่ใช่หรือ? ยิ่งกว่านั้น ลูกธนูของเขายังแม่นยำมากจนโดนทุกดอก แล้วเขาจำเป็นต้องเรียนเทคนิคหอกด้วยงั้นหรือ?” เกาหยางยังคงไม่เข้าใจ

ถ้าเขายิงธนูได้แม่นยำเหมือนเฉินฟาน เขาจะไม่ฝึกหอกเส็งเคร็งนี้อย่างแน่นอน

“ตาเฒ่าเกา ไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะมีทักษะมากเกินไป ไม่แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจำเป็นต้องใช้แต่ไม่มี ไม่ต้องพูดถึงที่ว่าถ้าวันหนึ่งลูกธนูหมดล่ะ เขาก็สามารถหยิบหอกขึ้นมาได้”

“ใช่ เจ้าไม่รู้หรือว่า นักธนูโบราณก็เก่งในการต่อสู้ระยะประชิดเช่นกัน นักรบทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย”

“มันเป็นการมองการไกลของเสี่ยวฟาน”

ทุกคนถอนหายใจออกมา

จ้างเฟิง, หวังปิงและคนอื่น ๆ รู้สึกกดดันอย่างมาก

“พระเจ้า พี่ฟานกำลังจะเรียนหอกงั้นเหรอ? นี่เขาจะไม่ให้คนอื่นมีทางรอดเลยงั้นเหรอ?” หวังปิงอยากจะร้องไห้ออกมา เพราะตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะฝึกฝนทักษะหอกให้ดีและจะเป็นเกราะป้องกันพี่ฟานเมื่อถึงเวลา

“อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการมีข้อบกพร่อง”

จ่าวเฟิงพูดออกมาช้าๆ

“ก็ควรจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้จักแค่การยิงธนูและถ้าถูกศัตรูเข้ามาใกล้ ศัตรูจะไม่ให้โอกาสเจ้าเล็งและยิงธนูหรอก เทคนิคหอกนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะถ้ามีแค่มือเปล่าเจ้าจะสู้กับคนที่มีหอกและดาบได้งั้นหรือ?”

“หึ... ทักษะการยิงธนูของพี่ฟานดีมาก แถมตอนนี้เขายังคงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีก เราต้องทำงานหนักขึ้นแล้ว”

“ถูกต้อง แถมยังมีผู้คนจากกู่เจียไจ้จะย้ายมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ และหนึ่งในนั้น กู่เซ่อ น่าจะเป็นบุคคลที่เก่งกาจอย่างมาก เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังถ้าเราไม่ทำงานหนัก” หลายคนกำลังคุยกัน และพวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่มองไม่เห็นกดทับลงมาที่พวกเขา