ตอนที่ 50 - บทที่ 50 ฮ่าๆ วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วงั้นเหรอ

บทที่ 50 ฮ่าๆ วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วงั้นเหรอ?

เมื่อเห็นเฉินกัวตงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาต่างวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายที่หวาดกลัว ทั้งกลุ่มของหลี่เจี่ยไจ้ต่างก็พากันหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเห็นพวกเราแล้วด้วย”

"แล้วยังไงล่ะ? พวกมันคงไม่คิดว่าจะหนีพ้นเงื้อมมือพวกเราจริงๆหรอกใช่ไหม?" นักธนูที่วิ่งไปด้านหน้าพูดด้วยใบหน้าที่แปลกประหลาด

"ฮ่าฮ่าฮ่า เลาหยาง เจ้าต้องปล่อยให้พวกเขาดิ้นรนบ้างมันถึงจะสนุก มันเหมือนกับคนที่กำลังจะจมน้ำ เขารู้ดีว่ายิ่งดิ้นรนมากเท่าไรก็ยิ่งจมเร็วขึ้นเท่านั้น แต่เขาก็ต้องดิ้นรนและจากนั้นก็ตายลงอย่างสิ้นหวัง"

"นั่นเป็นความคิดที่ดี"

ทุกคนหัวเราะและไล่ตามคนของเฉินเจี่ยไจ้ไปราวกับว่าพวกเขาได้ชนะแล้ว

มองดูแล้วระยะทางก็ใกล้เข้ามาเกือบ 300 เมตรแล้ว

"อยากวิ่งก็วิ่งไปเถอะ วิ่งไปให้เร็ว ข้าก็อยากรู้นักว่าพวกเจ้าจะวิ่งได้ไกลแค่ไหน?" หลี่ซ่งฟังการสนทนารอบตัวเขาและเลียริมฝีปากของเขากระหาย แววตาเยาะเย้ยและสังเวชปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขา

สมัยก่อนหลายๆคนวิ่งหนีเขาแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถหลบหนีได้เลยแม้แต่คนเดียว และผู้คนของเฉินเจี่ยไจ้เหล่านี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

เว้นแต่พวกเขาจะทิ้งเหยื่อทั้งหมดไว้ข้างหลัง

"พี่ใหญ่! มีคนอยู่ข้างหลังเรา!"

ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานดังมาจากด้านหลังทีม

"อะไรนะ!"

ทุกคนชะลอความเร็วและหันหลังกลับไปมอง ทันใดนั้นสีหน้าไม่เชื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

"กู่เจียงไห่และคนอื่นๆงั้นเหรอ?!"

"ให้ตายเถอะ พวกเขายังกล้าตามพวกเรามา? พวกเขากำลังแสวงหาความตาย?"

จากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็ต่างโกรธแค้น

ไม่ว่าพวกเขาจะโง่แค่ไหนพวกเขาก็รู้ดีว่าการที่พวกเขาตามมาแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแย่งเหยื่อของอีกฝ่ายมาด้วย

"พี่หลี่ สิ่งต่างๆดูเหมือนจะยุ่งยากเล็กน้อย"

ชายจมูกตะขอพูดขึ้น

เมื่อหลี่ซ่งต้องการแย่งเหยื่อของกู่เจียงไห่มาทั้งหมด เขาเป็นคนที่เตือนให้เขาถอยออกมาก้าวหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้

ในความเห็นของเขา เฉินกัวตงและคนอื่น ๆ เลือกที่จะเดินผ่านไป ในขณะที่กู่เจียงไห่และคนอื่นๆกำลังลำบากจะต้องทำให้พวกเขามีความขุ่นเคืองใจกับอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงการช่วยเหลือพวกเฉินเจี่ยไจ้เลย พวกเขายังหวังว่าพวกเฉินเจี่ยไจ้จะถูกปล้นเหมือนพวกเขาด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้มันมีบางอย่างผิดปกติ

"ปล่อยให้พวกมันตามมาอย่างนั้นแหล่ะ"

ใบหน้าของหลี่ซ่งมืดลง "ตามเฉินกัวตงไปก่อน พวกเขาคือเป้าหมายหลักของพวกเตา สำหรับกู่เจียงไห่และคนอื่น ๆ ฮึ่ม..ถ้ามีเวลาเหลือเราก็จัดการกับพวกเขาด้วยซะเลย"

ขณะที่เขาพูด เขามองไปที่นักธนูสองคนที่อยู่ข้างหน้าแล้วพูดว่า "ตาเฒ่าหลี่ ตาเฒ่าจี เมื่อเราเข้าถึงระยะยิง ให้พวกเจ้ายิงพวกมันสักสองหรือสามคนก่อน เพื่อทำเป็นตัวอย่างไม่ให้พวกมันกล้าที่จะต่อต้านเรา"

"ไม่มีปัญหาครับพี่ใหญ่"

"ถ้าถึง 200 เมตร"

นักธนูอีกคนทำท่าพยักหน้า "ตราบใดที่ระยะทางยังใกล้กว่า 200 เมตร ผู้คนเฉินเจี่ยไจ้ล้วนเป็นเป้าหมายที่มีชีวิต และไม่มีใครสามารถหลบหนีจากธนูของเราไปได้"

"เยี่ยม! งั้นก็ไล่ตามต่อไป!"

หลี่ซ่งจ้องมองกลับ จากนั้นวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามอง

การจ้องมองของเขาทำให้สมาชิกของกู่เจี่ยไจ้แข็งทื่อราวกับว่าพวกเขาตกลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง

"เจียงไห่ พวกมันเห็นเราแล้ว"

"ผู้ชายคนนั้น หลี่ซ่ง ได้เตือนเราแล้ว ถ้าเราตามทันอีก ข้าเกรงว่า..." มีคนพูดขึ้นอย่างตัวสั่นเทา

กู่เจียงไห่กัดฟันแล้วพูดออกมาว่า "ถึงจะรู้แต่พวกเขาก็ต้องมุ่งเป้าไปที่เฉินเจี่ยไจ้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าคิดว่าถ้าเราถอยตอนนี้หลี่ซ่งจะปฏิบัติต่อเราเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ? เรื่องมาถึงจุดนี้แล้วและไม่มีที่ว่างสำหรับการถอยหนีแล้ว”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจติดตามต่อไป

"พ่อ" ตอนนี้กู่เซ่อขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "ทีมล่าของเฉินเจี่ยไจ้ยังคงวิ่งหนีไปจนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่รู้หรือว่ายังไงพวกเขาก็หนีไม่พ้น?"

เขาสงสัยจริงๆ ว่าคนกลุ่มนี้ขี้ขลาดจนถึงกลับไม่มีความกล้าหาญที่จะต่อต้านแม้จะรู้ตัวว่าแพ้แล้วอย่างนั้นหรือเหรอ? ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่คุกเข่าลงและยื่นเหยื่อด้วยมือทั้งสองข้างล่ะ?

หากพวกเขาหนีไปอย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

"นี่…"

หัวใจของกู่เจียงไห่จมลง

"มันควรจะเป็นแค่ปฏิกิริยาของจิตใต้สำนึกล่ะมั่ง?"

เขาอธิบายว่า "บางทีพวกเขาอาจจะอยากลองดูว่าจะสามารถสลัดคนของหลี่เจียไจ่ออกไปได้หรือไม่ เมื่อพวกเขาถูกประชิดตัวพวกเขาก็จะหยิบอาวุธขึ้นโต้ตอบและทำการต่อต้านเมื่อจนตรอก"

ผู้คนที่อยู่ข้างหลังพวกเขามองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาดูว่างเปล่าเล็กน้อย

พวกเขาหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น

ไม่เช่นนั้นครั้งต่อไปที่พวกเขาพบกับคนจากหลี่เจียไจ๋ มันอาจไม่ง่ายแค่การส่งเหยื่อให้กับฝ่ายตรงข้ามและจากไปแล้ว

"300 เมตร"

เฉินฟานมองย้อนกลับไป จากนั้นหันหลังกลับและวิ่งหนีต่อไป

เขาเห็นแล้วว่านักธนูสองคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าได้หยิบลูกธนูออกมาทาบกับคันธนูไว้แล้วและพวกเขาสามารถยิงออกมาเมื่อใดก็ได้

"ฮู ฮู..."

เฉินกัวตงและคนอื่นๆ ที่วิ่งหนีอย่างสิ้นหวัง ก็รู้สึกราวกับว่ามีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ในปอด และตอนนี้พวกเขาเหนื่อยแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว

แต่เฉินฟานไม่ได้บอกให้พวกเขาหยุด และพวกเขาจึงไม่กล้าหยุดวิ่งเช่นกัน

เนื่องจากความสำเร็จของแผนการนี้ขึ้นอยู่กับทักษะการยิงธนูของเฉินฟาน หากไม่มีเฉินฟานพวกเขาก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ซ่งและคนอื่นๆได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม

ในชั่วพริบตา ระยะทางก็สั้นลงอีกสามสิบหรือสี่สิบเมตร

"ใกล้จะถึงระยะยิงแล้ว"

ตาเฒ่าหลี่กล่าวขึ้นโดยวางลูกธนูไว้บนสาย มือซ้ายจับที่คันธนูยาวแล้วค่อยๆ ยกมันขึ้น

"ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก"

อีกคนพูดด้วยรอยยิ้ม "ประมาณ 200 เมตรคือระยะทางที่ดีที่สุด หากไกลออกไปพลังของลูกธนูก็จะอ่อนแอจนไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้"

ตาเฒ่าหลี่พยักหน้าและค่อยๆลดมือซ้ายลงอีกครั้ง

สำหรับคนอื่นๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็เริ่มจินตนาการไปต่างๆนาๆแล้ว

ฉากนี้ยังทำให้กู่เจียงไห่และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังเกิดความวิตกกังวลอย่างมาก

"พวกเขากำลังจะเข้าสู่ระยะยิงของนักธนูแล้ว คนของเฉินเจี่ยไจ้คิดอะไรอยู่กันแน่? ไม่ว่าขาทั้งสองของคนจะเร็วแค่ไหน มันจะเร็วกว่าลูกธนูได้อย่างไร"

"ทำไมพวกเขาไม่หยุดและซ่อนอยู่หลังโล่หรือทำการสู้กลับล่ะ?"

"ใช่แล้ว มีนักธนูในหมู่พวกเขาไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาไม่สู้กลับล่ะ?"

"เจ้ากำลังพูดถึงเด็กคนนั้นที่คล้ายกับเสี่ยวเซ่องั้นหรือ? ถ้าเป็นเขาข้าเกรงว่าพวกเฉินเจี่ยไจ้จะไม่สามารถเชื่อใจเขาได้ เขาแค่ถือคันธนูเพื่อข่มขู่ผู้คนให้หวาดกลัวเฉยๆละมั้ง?"

ริมฝีปากของกู่เจียงไห่ขยับเล็กน้อยและเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ใช่แล้ว เด็กคนนั้นดูเด็กเกินไป และไม่ใช่ชายหนุ่มทุกคนจะสามารถน้าวธนูอันแข็งกระด้างได้เหมือนลูกชายของเขา

นี้เขาตัดสินใจผิดพลาดไปหรือป่าว?

มีร่องรอยของความสิ้นหวังในดวงตาของเขา ราวกับว่าเขาได้เห็นฉากที่ผู้คนของเฉินเจี่ยไจ้ถูกยิงด้วยลูกธนูทีละคน

แต่ครู่ต่อมา ฉากที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น

พวกคนของเฉินเจี่ยไจ้ที่กำลังวิ่งหนีจู่ๆก็หยุดวิ่ง หันหลังกลับและมองมาข้างหลัง

"...?"

หลี่ซ่งและคนอื่น ๆ ที่กำลังไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง และกู่เจียงไห่และคนอื่น ๆ ที่ติดตามอยู่ข้างหลังเพื่อรักษาระยะห่าง ต่างก็ตกตะลึงโดยพร้อมเพียงกัน

"ฮ่าๆ พวกเจ้าวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วงั้นหรือ?!"

ผู้คนของหลี่เจี่ยไจ้มีความสุขอย่างมากขึ้นมาทันที และวิ่งไปข้างหน้าอย่างคาดหวังยิ่งขึ้น โดยไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ท้ายทีมได้น้าวคันธนูจนเต็มประสิทธิภาของคันธนูแล้ว และคันธนูก็ส่งเสียงลั่นเอี้ยดอ้าดออกมา

ทันทีหลังจากนั้น

"พรึบ!"

มีเสียงที่รุนแรงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันในดินแดนรกร้างอันเงียบสงบ และลูกธนูที่ยาวเกือบหนึ่งเมตรพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าสีดำที่แวบผ่านมา

"หมอบลง!"

ชายจมูกตะขอตะโกนออกมา และทันทีที่เฉินฟานหันกลับมาและทำการธนู เขาก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

แต่ก็ยังสายเกินไป และเขาก็ไม่มีเวลาพูดเตือนด้วยซ้ำ

รอยยิ้มบนใบหน้าของคนอื่น ๆ ยังไม่จางหายไป พวกเขาก็ได้ยินเพียงเสียงฉีกอากาศจากข้างหน้า ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังเข้าใกล้ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

ตาเฒ่าลี่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็เบิกตากว้าง เขาเห็นจุดดำเล็กๆ ตรงหน้าเขา เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และ…

"ฉึบ!"

เสียงที่คมชัดดังขึ้น และลูกธนูก็แทงทะลุหน้าอกของเขา พร้อมกับแรงเหวี่ยงอันทรงพลังทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกรถชนเข้าที่ศีรษะอย่างแรง โดยแขนขาของเขาไปข้างหน้า ร่างของเขาปลิวไปข้างหลัง และเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศอันบางเบา