ตอนที่ 370

บทที่ 370: ร้อยปีเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ

ซุยเฮ็งตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาว จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ ทำไมเจ้าศาลาเจียงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้าคนปัจจุบันของศาลามหากระบี่วารีเจียงไฉ่หยุนผู้มีชื่อเสียงในภาคใต้ของราชวงศ์ต้าโจว เธออายุเพียงร้อยปีและได้มาถึงขอบเขตราชาสวรรค์แล้ว

ภายใต้กฎคำสั่งที่ยาวนานและมั่นคง ต้าโจวก็ได้ครอบคลุมทั้งดาวราชันสุริยันแล้ว

เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ โลกทั้งใบจึงถูกแบ่งออกเป็นสี่ภูมิภาค ทุกภูมิภาคถูกแบ่งออกเป็นมากกว่าร้อยรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น จากขอบเขตที่สี่ของโลกเซียนเป็นต้นไป ราชสำนักก็จะจัดสถานที่ฝึกฝนพิเศษและทำให้พวกเขามักจะไม่ปรากฎตัวขึ้นในดินแดนที่มนุษย์อาศัยอยู่

สิ่งนี้ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ราชาสวรรค์กลายเป็นจุดสูงสุดของรัฐ

เจียงไฉ่หยุนเป็นหนึ่งในยอดฝีมือชั้นนำของฉิงโจว นอกจากนี้ มันก็ยังมีข่าวลือว่าเธอกำลังจะทะลวงไปสู่ขอบเขตเทพลึกลับ เธอถูกชักชวนไปยังสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกตนโดยราชสำนัก และในไม่ช้า เธอก็จะอยู่เหนือโลกมนุษย์

อย่างไรก็ตาม มันก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเจ้าศาลาเจียงนั้นกำลังออกค้นหาใครบางคนอยู่

บุคคลที่หายสาบสูญไปจากสายตาของชาวโลกไปนานแล้ว

“ ข้ามาหาคุณ” การแสดงออกของเจียงไฉ่หยุนนั้นซับซ้อนมาก เธอมองไปที่ซุยเฮ็งอย่างอ่อนโยนและดวงตาของเธอก็กวาดไปทั่วผมสีขาวของเขา เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ ก็ไม่เลว” ซุยเฮ็งดูไร้กังวลมาก เขาเดินไปเปิดประตูที่พัก เขายิ้มและพูดว่า “ เข้ามาคุยกันสิ”

จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในลานตามปกติและมาถึงศาลา เขาตบเก้าอี้หินข้างในอย่างสบายๆ และเป่าฝุ่นออกไป “ เชิญ”

เจียงไฉ่หยุนมองไปที่ร่างชรานี้และมึนงงเล็กน้อย ด้วยความงุนงง เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังเห็นเด็กหนุ่มที่มีชีวิตชีวาเมื่อร้อยปีก่อน เธอพยักหน้าและยิ้ม “ อืม”

….

ใต้ศาลา

เจียงไฉ่หยุนขยับร่างและนั่งตรงข้ามกับซุยเฮ็ง เธอมองเขาอย่างอ่อนโยน

“ ทำไมเจ้าศาลาเจียงถึงมาหาข้าในครั้งนี้” ซุยเฮ็งกล่าวด้วยท่าทางปกติ “ นี่คือภาคตะวันตก และการมาจากภาคใต้ก็ไม่ง่ายเลย”

“ มันก็ไม่มีอะไรสำคัญ…” เจียงไฉ่หยุนส่ายหัวเบาๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอพูดกับซุยเฮ็งว่า “ ข้ากำลังจะทะลวงไปสู่ขอบเขตเทพลึกลับแล้ว”

“ ยินดีด้วย” ซุยเฮ็งยกย่องอย่างจริงใจ “ ท่านกลายเป็นเซียนมนุษย์ได้ในอายุ 100 ต้นๆ ท่านเรียกได้ว่าเก่งสุดๆ แล้ว”

“ ข้าสามารถช่วยท่านให้เกิดใหม่ได้ในตอนนี้” เจียงไฉ่หยุนมองไปที่ซุยเฮ็งและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ ข้าสามารถใช้ต้นกำเนิดเทวรูปธรรมของข้าเพื่อช่วยท่านสร้างรากฐานของท่านใหม่ได้ มันจะไม่มีอันตรายแอบแฝงอย่างแน่นอนและจะยังช่วยเพิ่มพูนพรสวรรค์ของท่านได้อีกด้วย”

“ ข้าบอกแล้วไงว่านั่นไม่จำเป็น” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ “ ข้าพอใจกับชีวิตในปัจจุบันของข้ามากแล้ว”

นี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริง

ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นชีวิตที่มั่นคงและสงบสุขที่สุดนับตั้งแต่เขาเดินทางออกมาจากพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น

บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันไม่เลวเลยที่จะได้ใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป แต่ความคิดนี้ก็ดับลงในทันทีที่มันปรากฏขึ้น

โลกใบนี้มีอันตรายอยู่ทั่วทุกที่ การพักผ่อนเป็นครั้งคราวนั้นอาจไม่ใช่ปัญหา อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาลืมตัวและเผลอนอนราบโดยตรง เขาก็จะต้องพบกับความตายแน่นอน

ตอนนี้เขากำลังจะทะลวงไปสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ และชีวิตที่สงบสุขเช่นนี้ก็กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

เขายังคงลังเลเล็กน้อยที่จะจากไป มันเหมือนกับการนอนเล่นบนเตียง

“ ท่านยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรอ” เจียงไฉ่หยุนรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย จากนั้นเธอก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ซุยเฮ็งและจ้องตาเขาด้วยดวงตาที่สดใสของเธอ เธอพูดด้วยความกังวลว่า “ แต่ท่านจะต้องตายนะ อายุขัยของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเทียนนั้นมีเพียง 120 ปีเท่านั้น ท่านเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

“ มันก็ไม่เลวเลยที่ชีวิตข้าจะจบลงที่นี่และแค่นี้” ซุยเฮ็งยิ้ม

เขาหมายถึงชีวิตของเขาในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วินาทีที่เขาทำลายสำนักหลักของตำหนักดอกบัวขาวไร้ชีวา

“…” เจียงไฉ่หยุนเงียบลง เธอมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความงุนงงและไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนเธอจะครุ่นคิดอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ยืนขึ้นและพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ ข้าเคารพในการตัดสินใจของท่าน”

เมื่อพูดจบ เธอก็เดินจากไป

แต่ก่อนที่เธอจะไปถึงประตู เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกและเห็นคนสองคนเดินเข้ามา

ประตูไม่ได้ปิด

“ ผู้อาวุโสซุย ข้าพาคนมาหา ชายหนุ่มคนนี้อยากมาเยี่ยมท่าน” ลู่ฮั่วเดินเข้ามาหน้าตาเฉยราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของเขาเอง

“ ผู้อาวุโสซุย ข้ามาหา…” เหรินเฟิงเดินตามหลังลู่ฮั่วมาและกำลังจะคำนับซุยเฮ็ง แต่เมื่อจู่ๆ เขาได้พบกับเจียงไฉ่หยุนที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาก็อุทานทันทีว่า “ เจ้าศาลาเจียง?!”

เจียงไฉ่หยุนมองไปที่เหรินเฟิงด้วยความประหลาดใจและถามด้วยความสงสัย “ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ด้วย?”

“ รู้จักกันหรอ?” ซุยเฮ็งถามด้วยความสนใจ

“ เขาเป็นสามีของศิษย์คนที่สามของข้า” เจียงไฉ่หยุนอธิบายกับซุยเฮ็ง

“ คารวะท่านอาจารย์เจียง” เหรินเฟิงรีบคำนับเจียงไฉ่หยุนด้วยท่าทีที่เคารพมาก “ ข้ามาที่นี่เพื่ออธิษฐานเผื่อหยูเอ๋อและลูกในท้องของนาง”

“ ในตอนที่ข้าเข้าไปในวิหารเทพซุย ชายชราผู้นี้ก็ได้ให้กำยานแก่ข้า ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอบคุณชายชราคนนี้ ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเลยว่าจะได้มาพบท่านที่นี่”

หยูเอ๋อที่เขาพูดถึงคือศิษย์คนที่สามของเจียงไฉ่หยุน

“ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า” ซุยเฮ็งโบกมือและยิ้ม “ ดีแล้วที่เจ้ามา เจ้า ภรรยาและลูกจะได้รับพรอย่างแน่นอนในอนาคต”

“ อีกนานไหมกว่าหยูเอ๋อจะคลอด?” เจียงไฉ่หยุนถาม

“ ยังมีเวลาอีกสองเดือน” เหรินเฟิงยิ้มและพูดว่า “ ก่อนหน้านี้หยูเอ๋อเคยพูดว่านางต้องการจะเชิญท่านไปด้วย”

“ แน่นอน ข้าจะไปที่นั่นแน่” เจียงไฉ่หยุนพยักหน้าและยิ้ม

การถือกำเนิดของชีวิตใหม่นำพามาซึ่งความสุขเสมอ เธอมีความสุขที่จะได้ร่วมเป็นพยานในเหตุการณ์นี้

อย่างไรก็ตาม เธอก็รีบนึกถึงชีวิตหนึ่งที่เธอห่วงใยเป็นอย่างมากและรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจมดิ่งลงไป

ด้วยเหตุนี้เอง เจียงไฉ่หยุนจึงมองไปที่ซุยเฮ็งและต้องการที่จะเชิญเขาไปด้วย แต่ในที่สุดเธอก็เปิดปากของเธอและไม่ได้พูดอะไร

“ อย่ามองมาที่ข้าแบบนั้น” ซุยเฮ็งดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เจียงไฉ่หยุนต้องการจะพูด เขาส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ “ ข้าเป็นเพียงคนแก่ ข้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่ไปจนแก่ตาย”

“ ผู้อาวุโสซุย ท่านกำลังพูดถึงอะไร? ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปีอย่างแน่นอน” ลู่ฮั่วเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ ข้าเห็นอยู่ว่าร่างกายของท่านแข็งแรงมาก ท่านแข็งแรงกว่าคนหนุ่มสาวหลายคนที่ชอบนอนดึกด้วยซ้ำ”

“ ประสงค์ของสวรรค์กำลังลงมา ไม่ว่าร่างกายของข้าจะแข็งแรงสักเพียงใด แต่ข้าก็ไม่สามารถทนต่อการกัดเซาะของกาลเวลาได้” ซุยเฮ็งส่ายหัวและโบกมือ “ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ข้าจะนั่งอยู่คนเดียวสักพัก”

เหรินเฟิงต้องการจะเกลี้ยกล่อมเขา แต่ลู่ฮั่วก็หยุดเขา

“ ไม่ต้องกังวล ผู้อาวุโสซุยเป็นคนใจกว้างแบบนี้แหละ” ลู่ฮั่วตบไหล่ของเหรินเฟิงเบาๆ และดึงเขาออกมา เขายิ้มและพูดว่า “ นอกจากนี้ วันนี้เจ้าก็ได้รับพรจากผู้อาวุโสซุยแล้ว”

“ ไปเถอะ เจ้ายังต้องเลี้ยงอาหารตอบแทนข้าด้วย ฮ่าฮ่า!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ร่างของพวกเขาก็ค่อยๆ หายไป

มันเหลือเพียงซุยเฮ็งและเจียงไฉ่หยุนที่ลานบ้าน

ซุยเฮ็งมองไปที่เจียงไฉ่หยุนและยิ้ม “ เจ้าไม่ไปแล้วหรอ?”

“ ถ้าข้าไป ข้าก็จะไม่ได้เจอท่านอีกแล้วใช่ไหม?” เจียงไฉ่หยุนมองไปที่ ซุยเฮ็ง ดวงตาของเธอสั่นไหวด้วยความเศร้าโศก “ พลังชีวิตของท่านหมดลงอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงสามวัน อายุขัยของท่านก็จะหมดลง”

ในการรับรู้ของเธอ ร่างกายของซุยเฮ็งก็เป็นเหมือนร่องน้ำขนาดใหญ่ที่ชำรุดทรุดโทรม พลังชีวิตในร่างกายของเขากำลังไหลออกมาด้วยความเร็วที่เร็วมากราวกับแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเล

“ ชีวิตเป็นเรื่องยาก ร้อยปีเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่นี่ก็คือชีวิต และข้าก็พึงพอใจกับมันแล้ว” ซุยเฮ็งมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขา เขายืนขึ้นและมองไปที่เจียงไฉ่หยุน “ อย่ามองว่าข้าเป็นคนใจร้ายเลย”

“ท่านเป็นคนที่กำลังจะตายอยู่แล้ว แต่ท่านยังมีหน้ามาล้อเล่นอยู่อีก” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเจียงไฉ่หยุนราวกับว่าเธอเพิ่งคิดอะไรบางอย่างได้ เธอยิ้มและพูดว่า “ จู่ๆ ข้าก็คิดขึ้นได้ว่าหลังจากท่านตาย ข้าก็ยังสามารถปกป้องดวงวิญญาณของท่านและปล่อยให้ท่านกลับชาติมาเกิดก่อนที่จะรับท่านมาเป็นศิษย์ของข้าได้ แบบนั้นดีไหม?”

“ ฮ่าฮ่า! ไปเถอะไป” ซุยเฮ็งโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ เจ้าอยากจะอยู่ดูข้าตายจริงๆ หรอ?”

“…” เจียงไฉ่หยุนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจอบ่างแผ่วเบา “ มีคนคอยจัดการเรื่องหลังการตายของท่านแล้วใช่ไหม?”

ซุยเฮ็งตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ เอาล่ะ งั้นก็อย่าลืมแกะสลักหลุมฝังศพของข้าให้ดีๆ ก็แล้วกัน”

….

ตัวตนในปัจจุบันของซุยเฮ็งนั้นอายุค่อนข้างใกล้เคียงกับเจียงไฉ่หยุน พวกเขารู้จักกันมานานและผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกันมากมาย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายของกันและกัน

แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ใช่คู่รัก

เจียงไฉ่หยุนเป็นคนที่เดินตามเต๋าอย่างสุดใจและไม่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งใดๆ

ตัวตนของซุยเฮ็งมุ่งเน้นไปที่การใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลเท่านั้น และในเวลาเดียวกัน เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างตัวตนที่แตกต่างกันภายใต้กฎของคำสั่ง

ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะแน่นแฟ้น แต่มันก็จะไม่มีประกายไฟใดๆ

หากมีคำใดที่จะอธิบายได้ มันก็คงจะเป็นสหายเต๋า

แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นสหายเต๋า แต่มันก็ทำให้พวกเขาเข้าใจบุคลิกและการแสวงหาเต๋าของกันและกัน

ด้วยเหตุนี้เอง เจียงไฉ่หยุนจึงไม่ได้แทรกแซงความคิดของซุยเฮ็งเพราะความเห็นแก่ตัวของเธอเอง และตัวตนของซุยเฮ็งก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะความคิดของเจียงไฉ่หยุนด้วยเช่นกัน

….

สามวันต่อมา

ตัวตนของซุยเฮ็งได้ถูกตัดขาดตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ ลมหายใจของเขาหยุดลงและหัวใจของเขาก็หยุดเต้นตาม

หลังผ่านพ้นคืนสุดท้ายของชีวิต

รุ่งเช้าก็สิ้นใจด้วยโรคชรา

เจียงไฉ่หยุนจัดงานศพให้เขาเป็นการส่วนตัวและฝังเขาไว้อย่างดี เธอยังแกะสลักหลุมฝังศพให้เขาด้วยตัวเอง

“ สุสานของซุยคังเซิง มิตรของข้า” เธอยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของซุยคังเซิงเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งมีลมและพายุฝน จนในที่สุดเธอก็จากไปพร้อมกับถอนหายใจยาว

หลังจากนั้นมา เจียงไฉ่หยุนก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

มีเพียงเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ไร้ขอบเขตเท่านั้นที่คงเหลืออยู่ในหัวใจของเธอ

….

หลังจากที่เจียงไฉ่หยุนจากไป ตัวตนสุดท้ายของซุยเฮ็งก็ได้ตายลงไปอย่างสมบูรณ์

จากนั้นเขาก็กลับสู่รูปลักษณ์เดิมและปรากฏตัวขึ้นในพระราชวังต้าโจว

หลังจากผ่านไป 300 ปี ในที่สุดเขาก็กลับมา

หลี่หมิงเฉียงสัมผัสได้ถึงออร่าของซุยเฮ็งและรีบไปหาเขาในทันที เธอโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ ศิษย์คารวะท่านอาจารย์ ขอแสดงความยินดีกับการฝึกตนของท่านด้วย”

“ เจ้าทำได้ดีมากในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา” ซุยเฮ็งพยักหน้าชื่นชม แล้วกล่าวว่า “ ต่อไป ข้าจะเข้าสู่สันโดษ มันอาจมีความเคลื่อนไหวข้างนอกนั่นสักชั่วระยะหนึ่ง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องแตกตื่น”

“ ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล” หลี่หมิงเฉียงกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ ดีแล้ว” ซุยเฮ็งยิ้มและหายไป

เขากำลังจะเริ่มการทะลวงขอบเขต

….

ในพื้นที่ต้องห้ามของตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์

โจวฟานคุกเข่าลงบนพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว ลูกบอลแสงวูบวาบต่อหน้าเขา แสงนี้บิดเบี้ยวและทับซ้อนกัน ราวกับว่ามันเกี่ยวพันกับเต๋าอันยิ่งใหญ่อันไร้ที่สิ้นสุด

เสียงหลายเสียงดังขึ้นรอบตัวเขา

“ ถึงเวลาแล้ว การเกิดใหม่ของข้ากำลังจะไปเกิดบนดาวราชันสุริยัน ไปต้อนรับเขาได้แล้ว!”