ตอนที่ 94

บทที่ 94 : ราชาสวรรค์หงหวู่คนที่สอง

หลังจากตัดสินใจไปที่มณฑลลู่เพื่อช่วยหวังจินเซิงแล้ว หวังฉิงเหอก็ดูเหมือนกับได้กลายเป็นคนละคน

ความระมัดระวังที่เคยมีได้เขาหายไปจนหมด

ราวกับว่าเขาถูกกระตุ้นด้วยบางสิ่ง เขารู้สึกราวกับว่าเขาเป็นกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้าสู่สนามรบ

นอกจากนี้ เขาก็ยังมีความมั่นใจอย่างมาก

เขาดูเหมือนกับจะไม่กังวลเรื่องกับดักในมณฑลลู่อีกต่อไป

ราวกับว่าหัวใจของเขาได้รับการเสริมพลังมาและได้เปลี่ยนไปอย่างมาก

อย่างไรก็ดี ถึงจะมีความมั่นใจอย่างมาก แต่หวังฉิงเหอก็ยังคงไม่ประมาท

ระหว่างทาง เขาได้วิเคราะห์ศัตรูของเขาเป็นจำนวนมาก

จากสิ่งที่เขารู้ เขาก็สามารถอธิบายได้ด้วยคำๆ เดียวว่า “หยิ่ง!”

ผู้ว่าการมณฑลลู่เพียงคนเดียวกล้าที่จะสั่งจำคุกหวังจินเซิงและหวังฉิงฉวน สิ่งนี้ไม่ต่างอะไรไปจากการรนหาที่ตาย

แม้แต่ยอดฝีมือแห่งโลกยุทธ์ก็ยังต้องตายอย่างแน่นอน

และแม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพก็ยังไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับตระกูลชั้นนำอย่างตระกูลหวังแห่งหลางหยา

มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะกล้าทำสิ่งนี้

ด้วยเหตุนี้เอง หวังฉิงเหอจึงเชื่อมั่นว่ามันจะต้องมีกองกำลังหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของซุยเฮ็งอย่างแน่นอน

กองกำลังเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและผลักดันให้ซุยเฮ็งกล้าที่จะทำตัวหยิ่งยโส พวกเขาอาจจะต้องการใช้เขาเป็นหอกหรือไม่ก็เป็นแพะรับบาป

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หวังฉิงเหอก็ได้ทำการตัดสินใจแล้ว

หากเขาไม่ถอนรากถอนโคนกองกำลังที่ซ่อนอยู่เหล่านั้น การฆ่าซุยเฮ็งก็จะไม่มีความหมาย เพราะในไม่ช้า ‘ซุยเฮ็ง’ คนที่สองก็จะถูกผลักออกมาอีก

เขายังแจ้งเซี่ยเป่ยซิงให้รีบไปที่มณฑลลู่กับเขา

เซี่ยเป่ยซิงเป็นหัวหน้าตระกูลสาขาสามของตระกูลเซี่ยแห่งปิงซาน เขาเป็นผู้ว่าการของมณฑลหลางหยาและเป็นพี่ชายของภรรยาของหวังฉิงเหอ

ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างดีเป็นไปด้วยดี

ตั้งแต่ตอนยังเด็ก พวกเขาก็เคยไปเที่ยวซ่องด้วยกันเป็นประจำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาทั้งสองคนก็มีความขัดแย้งกันเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะไปช่วยหวังจินเซิงดีหรือไม่

แต่ในตอนนี้ หวังฉิงเหอก็ได้ออกเดินทางเพื่อไปช่วยหวังจินเซิงแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงกลับมาคืนดีกันโดยธรรมชาติ

ในขณะนี้ ทั้งสองคนก็มาถึงเฟิงโจวแล้ว แต่พวกเขาก็ยังอยู่ห่างจากมณฑลลู่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มันก็ดึกแล้ว

พวกเขาทำได้เพียงตั้งแคมป์และพักผ่อนเท่านั้น

ตระกูลหวังแห่งหลางหยาและตระกูลเซี่ยแห่งปิงซานร่วมมือกันไปที่ มณฑลลู่เพื่อช่วยชีวิตลูกหลานของพวกเขา ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้โดยธรรมชาติที่พวกเขาจะไปกันเพียงแค่สองคน

หากเป็นเช่นนั้น มันก็คือการรนหาที่ตาย

เนื่องจากอีกฝ่ายกล้าที่จะกักขังหวังจินเซิง นั่นจึงหมายความว่าเขาจะต้องไม่กลัวตระกูลหวังแห่งหลางหยาแน่นอน

ด้วยเหตุนี้เอง หากชื่อเสียงของพวกเขาไม่สามารถข่มขู่อีกฝ่ายได้ การส่งคนมาเพียงสองคนจึงไม่ต่างอะไรไปจากการถูกส่งไปตาย

เพราะฉะนั้นแล้ว หวังฉิงเหอและเซี่ยเป่ยซิงจึงนำทหารส่วนตัวของพวกเขาติดตามมาด้วย

นี่หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถเดินทางได้เร็วนัก และพวกเขาก็ต้องตั้งค่ายเพื่อพักผ่อนในเวลากลางคืน

ในเต็นท์ชั่วคราว

หลังจากที่เซี่ยเป่ยซิงได้ยินการคาดเดาของหวังฉิงเหอ เขาก็พยักหน้าเห็นด้วยและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ น้องเขย การเดาของเจ้านั้นสมเหตุสมผลมาก ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เราจะต้องช่วยเซิงเอ๋อออกมาให้ได้เท่านั้น แต่เรายังต้องกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซากอีกด้วย!”

“ เราจะต้องค้นหากองกำลังที่ซ่อนอยู่ในความมืดเหล่านั้น ข้าต้องการจะดูว่าเจ้าสุนัขตัวไหนกันที่มันกล้ามาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้!”

“ ถูกต้อง!” หวังฉิงเหอพูดด้วยเสียงต่ำ “ ในครั้งนี้เราจะต้องกวาดล้างพวกมันให้หมดสิ้น!”

“ ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เจ้าส่งคนไปที่มณฑลลู่เพื่อทำการสืบสวน เจ้าพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์บ้างหรือไม่? ภูมิหลังของผู้ว่าการซุยเฮ็งเป็นยังไง?”

“ นั่นก็จริง แต่เราก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากมาย” เซี่ยเป่ยซิงพยักหน้าในตอนแรกจากนั้นก็ส่ายหัว “ ซุยเฮ็งแจกจ่ายธุรกิจการค้าของตระกูลต่างๆ ให้กับคนในท้องถิ่นเพื่อให้ได้รับความนิยม”

“ ดังนั้นมันจึงมีคนน้อยมากที่เต็มใจจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเขากับคนแปลกหน้า อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีคนหลายคนที่สามารถยืนยันได้ว่าซุยเฮ็งนั้นมีเงาของอารามดอกปทุมคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขา เขามีศิษย์สายตรงของอารามดอกปรุมอยู่เคียงข้าง”

“ เป็นไอ้หัวโล้นพวกนั้นเองสินะ!” สีหน้าของหวังฉิงเหอดูมืดมนอย่างมาก “ พวกมันล้มเหลวในการช่วยไอ้ขยะหวังถงครอบครองเฟิงโจว และมาตอนนี้ พวกมันก็ยังต้องการจะหักหลังตระกูลหวังของเราและสนับสนุนผู้ว่าการมณฑลลู่คนนี้อีก!”

“ หวังถงมันได้รับการสนับสนุนมาจากตระกูลหวังของเจ้านี่เองสินะ” เซี่ยเป่ยซิงหัวเราะเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “ ข้าเคยคิดมาก่อนแล้ว แต่ข้าก็ไม่เคยมีหลักฐานใดๆ เลย”

“ มันเป็นเพียงเศษขยะจากตระกูลสาขาที่ห่างไกลออกไป มันถูกเฉดหัวส่งออกไปตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้ว” ใบหน้าของหวังฉิงเหอแสดงความดูถูกขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “ เดิมทีเราก็วางแผนที่จะปล่อยให้เขายึดเฟิงโจวและครอบครองโอกาสเซียนของที่นั่นเพื่อตระกูลหวังของเรา”

“ หากไม่ใช่เพราะแบบนั้น แล้วเหตุใดดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างอารามมหาจำเริญและอารามดอกปทุมจึงจะช่วยหวังถงได้? ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้าขยะนี่จะล้มเหลว แถมว่ากันว่ามันเป็นเพราะภัยธรรมชาติ?”

“ ใช่ ว่ากันว่ามันมีอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งใส่พวกเขาจนตาย” เซี่ยเป่ยซิงพยักหน้าและหัวเราะเยาะ

อันที่จริง เหตุการณ์ในมณฑลซีหลิงก็ได้แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง หวังฉิงเหอและเซี่ยเป่ยซิงเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้ในหยานโจว อย่างไรก็ตาม เมื่อมันแพร่กระจายไปจนถึงที่นั่น เรื่องนี้ก็ได้ถูกบิดเบือนไปหมดแล้ว

พวกรับรู้มาว่าเมื่อกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน ราชาหยานที่มีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนจู่ๆ ก็ได้พบกับอุกกาบาตที่ร้อนแรงตกลงมาใส่จากท้องฟ้าและพวกเขาก็ถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น

มันไม่ได้มีความน่าเชื่อถือเลย

และต่อให้พวกเขาจะเชื่อ แต่พวกเขาก็คิดเพียงว่ากองทัพของราชาหยานนั้นโชคร้ายเกินไป

“ เนื่องจากหวังถงได้เสียชีวิตลงไปในภัยพิบัติทางธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่อารามดอกปทุมจะไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ควรกล้าที่จะต่อต้านตระกูลหวังของเรา!”

หวังฉิงเหอยืนขึ้นและเย้ยหยัน “ คราวนี้เจ้ากับข้าได้นำทหารชั้นยอดมามากพอแล้ว หลังจากที่เราโจมตีมณฑลลู่และช่วยเซิงเอ๋อเสร็จ เราก็จะนำกองทหารของเราไปที่อารามดอกปทุมเพื่อถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

“ ถูกต้อง ด้วยกองกำลังของเรา แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ แต่พวกเขาก็จะไม่กล้าสู้รบกับเราอยู่ดี!” เซี่ยเป่ยซิงหัวเราะเสียงดัง “ ข้าต้องการจะฆ่าเจ้าสารเลวซุยเป็นการส่วนตัวเพื่อล้างแค้นให้กับหลานชายของข้า!”

ทั้งสองคนดูมั่นใจมาก

แม้ว่าพวกเขาจะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่ามณฑลลู่อาจจะมีกับดัก แต่พวกเขาก็ยังคงมั่นใจอยู่ดี

สิ่งนี้มาจากทหารที่พวกเขานำมาด้วย

หวังฉิงเหอนำคนมา 500 คนและเซี่ยเป่ยซิงก็นำมา 2,000 คน

แม้ว่าเซี่ยเป่ยซิงจะดูเหมือนมีคนมากกว่า แต่คน 500 คนของหวังฉิงเหอก็ล้วนเป็นกำลังรบหลัก

แม้ว่าคน 2,000 คนของเซี่ยเป่ยซิงจะเป็นทหารชั้นยอดทั้งหมด แต่มันก็มีเพียง 200 คนเท่านั้นที่รู้วรยุทธ์ และพวกเขาก็อยู่ที่ขอบเขตควบรวมปราณเท่านั้น

ในทางกลับกัน สำหรับ 500 คนของหวังฉิงเหอ พวกเขาทั้งหมดก็มีอุปกรณ์ครบครัน พวกเขาสวมชุดเกราะเหล็กที่ประณีตและถืออาวุธที่มีประสิทธิภาพ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น

ในโลกยุทธ์ ผู้ฝึกตนขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก็สามารถถูกพิจารณาได้ว่าเป็นวีรบุรุษ พวกเขาสามารถเป็นผู้อาวุโสในสำนักเล็กๆ ได้ และเหนือไปกว่านั้นคือขอบเขตชำระไขกระดูก ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง!

ด้วยเหตุนี้เอง คน 500 คนนี้จึงเพียงพอแล้วที่จะเอาชนะทหารธรรมดาหลายหมื่นนายได้อย่างง่ายดาย!

แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพก็ยังต้องหวาดกลัวกับกองกำลังนี้

ถ้าเขาไม่วิ่ง เขาก็จะตายได้!

“ รายงานนายท่าน!” ในขณะนี้ เสียงของผู้ส่งสารก็ดังมาจากด้านนอก “ คุณชายรอง กลุ่มพ่อค้าได้มาถึงข้างนอกแล้ว พวกเขาต้องการให้ท่านช่วยพวกเขา!”

เห็นได้ชัดว่าเป็นทหารจากตระกูลหวังแห่งหลางหยา เขาพูดกับหวังฉิงเหอในฐานะรองหัวหน้าตระกูล

“ พ่อค้า?” หวังฉิงเหอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในขณะที่ เขาก็กำลังจะออกคำสั่งให้ไล่อีกฝ่ายออกไป แต่ทันใดนั้น เขาก็มีความคิดและพูดเสียงเบาว่า “ ให้พวกเขาเข้ามาพบข้า”

“ รับทราบ!” ผู้ส่งสารเดินออกไป

“ เจ้าต้องการจะถามพ่อค้าเหล่านี้เกี่ยวกับซุยเฮ็งและมณฑลลู่ใช่ไหม?” เซี่ยเป่ยซิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างไกลจาก มณฑลลู่และไม่ใช่บริเวณแม่น้ำหง ข้าเกรงว่าพวกพ่อค้าในบริเวณใกล้เคียงคงจะไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับมณฑลลู่”

“ เปล่าเลย” หวังฉิงเหอส่ายหัวและพูดว่า “ ในระหว่างวัน เราก็ได้เดินทางผ่านมณฑลหวู่เฉิงและมณฑลชางเหอ เจ้าอาจจะไม่ได้สนใจการสนทนาของคนทั่วไปที่นั่น แต่เกือบทั้งหมดก็ล้วนชื่นชมซุยเฮ็ง นี่จะต้องไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน”

โดยทั่วไปแล้ว มันก็มักจะมีการประพฤติมิชอบในการบริหาร ด้วยเหตุนี้เอง ผู้คนส่วนใหญ่จึงจะไม่ค่อยพอใจผู้ว่าการ หรืออย่างมากก็ไม่ได้ชื่นชมอะไรเขามากนัก

อย่างไรก็ดี พลเมืองของมณฑลทั้งสองนั้นก็กลับกำลังยกย่องซุยเฮ็ง นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก

นี่หมายความว่าผู้ว่าการมณฑลคนนั้นจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อทำให้ผู้คนรู้สึกขอบคุณเขาอย่างแน่นอน

และเพื่อให้สามารถทำให้คนธรรมดาจำนวนมากรู้สึกขอบคุณได้ ประกอบกับข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสถานการณ์ใน มณฑลลู่ มันจึงทำให้หวังฉิงเหอรู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก

พ่อค้ากลุ่มหนึ่งรีบเดินเข้ามา

เมื่อพวกเขาเห็นหวังฉิงเหอและเซี่ยเป่ยซิง พวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นและร้องไห้เสียงดัง

เดิมทีพวกเขามาจากกลุ่มท้องถิ่นขนาดใหญ่และมีทรัพย์สินมากมาย อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการมณฑลลู่ ซุยเฮ็งก็เป็นตัวซวยที่ทำร้ายผู้คน เขาบังคับซื้อทรัพย์สินของพวกเขาในราคา 10% ของราคาตลาดและทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างสามัญชน มันเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

ยิ่งหวังฉิงเหอได้ฟังคำอธิบายนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น

หมัดของเขากำแน่นโดยไม่รู้ตัว และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน

แม้ว่าเซี่ยเป่ยซิงจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก แต่เขาก็รู้สึกคุ้นเคยในคำพูดเหล่านั้น แต่เขาก็จำไม่ได้ว่ามันคืออะไร

หลังจากนั้น หวังฉิงเหอก็สัญญาว่าจะลงโทษผู้ว่าการมณฑลลู่อย่างรุนแรงก่อนที่จะปล่อยพวกพ่อค้ากลุ่มนี้ออกไป จากนั้นเขาก็มองไปที่เซี่ยเป่ยซิงข้างๆ เขาและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ เจ้าคิดว่าการกระทำของ ซุยเฮ็งนั้นดูคุ้นเคยหรือไม่”

“ มันก็ค่อนข้างคุ้นเคย แต่ข้าก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร ข้ารู้สึกเหมือนเคยได้ยินหรือเห็นวิธีการแบบนี้ที่ไหนมาก่อน” เซี่ยเป่ยซิงขมวดคิ้วและคิดอย่างรอบคอบ

“ ราชาสวรรค์หงหวู่!” หวังฉิงเหอกล่าวขึ้นในทันที เขากัดฟันและพูดว่า “ นี่คือสิ่งที่ราชาสวรรค์หงหวู่เคยทำเมื่อครั้งในอดีต มันคือเขา มันคือเขาแน่ๆ ถูกต้อง มันคือเขา!”

“ โอ้พระเจ้า!” ใบหน้าของเซี่ยเป่ยซิงเปลี่ยนเป็นซีดเหมือนกับกระดาษในทันที เขาตัวสั่นด้วยความกลัวและพูดด้วยความตกใจว่า “ ใช่แล้ว เขาฆ่าผู้แข็งแกร่งและแบ่งสรรดินแดน… มันคือราชาสวรรค์หงหวู่!”

ชื่อราชาสวรรค์หงหวู่นั้นเป็นฝันร้ายชั่วนิรันดร์ของตระกูลใหญ่ทั้งหมดบนโลก มันเป็นชื่อที่ทำให้เด็กยังต้องหยุดร้อง มันเป็นฝันร้ายที่พวกเขาไม่มีทางหนีพ้น!

“ ชายคนนี้จะต้องมีความเชื่อมโยงกับราชาสวรรค์หงหวู่อย่างแน่นอน!” หวังฉิงเหอกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ ฆ่ามัน เราจะต้องฆ่ามันก่อนที่มันจะทันได้เติบโต เราไม่สามารถปล่อยให้ราชาสวรรค์หงหวู่อีกคนปรากฏตัวขึ้นบนโลกใบนี้ได้อีก!”

“ ถูกต้อง เราจะต้องฆ่ามัน!” เซี่ยเป่ยซิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ เราควรบอกตระกูลอื่นๆ ไหม? นี่เป็นเรื่องที่ทำให้โลกแตกได้เลยนะ!”

“ ไม่!” หวังฉิงเหอส่ายหัวและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ ในตอนนั้น ราชาสวรรค์หงหวู่ก็มีอำนาจพอที่จะฆ่าผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทุกคนบนโลก ดังนั้นหากซุยเฮ็งคนนี้เกี่ยวข้องกับราชาสวรรค์หงหวู่จริง เราก็อาจจะได้รับมรดกของราชาสวรรค์หงหวู่มาไว้ในครอบครอง และนี่ก็จะเป็นโอกาสอันสูงสุดของพวกเรา!”

“ จริงด้วย!” เซี่ยเป่ยซิงเห็นด้วยกับมุมมองนี้และพยักหน้า “ พรุ่งนี้เช้า เราจะเร่งเดินทัพในทันที เราจะต้องเข้ายึดมณฑลลู่ก่อนเย็นวันพรุ่งนี้ให้ได้!”

….

ในเวลาเดียวกัน ในมณฑลหลู่ โจวหงอี้ก็ได้มาถึงในตอนกลางคืน