บทที่ 114 เทคนิคการฝึกฝนจิตวิญญาณ!
แล้วเขาจะสามารถทำอย่างนั้นได้หรือป่าวนะ!
“ในเบื้องต้นให้เริ่มจินตนาการถึงพระจันทร์ที่เรียบง่ายที่สุด เมื่อนึกภาพพระจันทร์ในใจค้างไว้สิบนาทีแล้วจึงเริ่มเห็นภาพพระจันทร์เสี้ยว จากนั้นก็เป็นพระจันทร์ข้างขึ้นและข้างแรม ข้างขึ้นข้างแรม..และข้างขึ้นข้างแรม จนในที่สุดก็เป็นพระจันทร์เต็มดวงคงสภาพมันไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง”
“แค่นี้เองเหรอ?” เฉินฟานถามอย่างสงสัย
เหมิงหยูส่ายหัว "การที่สามารถมองเห็นพระจันทร์เต็มดวงและรักษามันไว้ได้เป็นระยะเวลาหนึ่งนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือการเห็นภาพกระบวนการเปลี่ยนแปลงจากพระจันทร์เต็มดวงเป็นพระจันทร์เสี้ยว และจากพระจันทร์เสี้ยวกลายเป็นพระจันทร์เต็มดวงในใจ การทำตามขั้นตอนนี้ได้ ถือว่าอยู่ในขั้นตอนความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
การที่จะมองเห็นกระบวนการนี้ในใจได้อย่างต่อเนื่อง ถือว่าอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบและมีคุณสมบัติที่จะเรียนรู้วิธีการสังเกตดวงอาทิตย์ "
“วิธีสังเกตดวงอาทิตย์?”
เฉินฟานกล่าวด้วยความประหลาดใจ
"อืม"
เหมิงหยูรู้สึกเขินอายเล็กน้อยและประสานมือของเธอ “จริงๆ แล้วข้าก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ พี่สาวของข้าเล่าให้ข้าฟังโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอบอกว่าวิธีการสังเกตดวงอาทิตย์นั้นอยู่เหนือวิธีการสังเกตดวงจันทร์อย่างมาก และต่อจากวิธีการสังเกตดวงอาทิตย์ ก็เป็นวิธีการสังเกตจักรวาล ผู้อเวคขั้นสูงสุดล้วนใช้วิธีการสังเกตจักรวาล”
เฉินฟานสูดหายใจเข้าลึกๆ
จากนั้นเขาก็พอเดาได้ว่าวิธีการสังเกตจักรวาลนี้เป็นอย่างไร
หากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์เป็นเพียงวัตถุ จักรวาลก็เป็นแนวคิดที่ไร้ขอบเขต ซึ่งหมายความว่าไม่ควรมีขีดจำกัดสูงสุดสำหรับวิธีการสังเกตจักรวาล
เพราะจักรวาลมันไม่มีที่สิ้นสุด
“ข้าได้ยินมาจากพี่สาวว่าแม้การฝึกฝนวิวิธีการสังเกตดวงจันทร์จะได้ผลลัพธ์น้อยกว่า แต่ก็ไม่มีอันตรายใดๆ หากท่านฝึกวิธีการสังเกตดวงอาทิตย์อันตรายก็จะยิ่งใหญ่กว่ามาก ผู้อเวคจำนวนมากเสียชีวิตอย่างกะทันหันระหว่างกระบวนการสังเกตนี้ มันเจ็บปวดและอันตรายอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่มีบาดแผลตามร่างกายแต่มันเป็นบาดแผลในด้านจิตวิญญาณ”
เหมิงหยูยักคอ "ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาทำผิดพลาดระหว่างการสร้างภาพ และถูกแสงแดดเผาจนตายในจิตใจของพวกเขา"
"มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ?"
เฉินฟานตกตะลึงอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องราวเช่นนี้
แต่ถ้าเขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วมันก็สมเหตุสมผล เพราะท้ายที่สุดแล้ว ดังสุภาษิตที่ว่า เมื่อเจ้ามองไปที่เหว เหวก็กำลังมองเจ้าเช่นกัน
ถ้าเช่นนั้นวิธีการสังเกตจักรวาลมันจะอันตรายแค่ไหนกัน?
เพราะยังไงซ่ะเขาก็จะต้องจินตนาการถึงจักรวาลที่สมบูรณ์ในใจของเขา นอกจากกาแล็กซีต่างๆ แล้ว ยังมีหลุมดำ สสารมืด และพลังงานประหลาดทุกชนิดอีกด้วย
ถ้าเขาไม่ตายด้วยพลังเหล่านั้นสิแปลก
“วิธีการสังเกตดวงจันทร์จะไม่เป็นอันตราย ข้าได้ยินจากพี่สาวว่าอย่างน้อยๆก็แค่ไม่สบาย และพักสัก 2-3 วันก็จะหายดี”
เหมิงหยูกล่าวอย่างระมัดระวัง
เฉินฟานยิ้มออกมา เขาสามารถบอกได้ว่าเหมิงหยูกำลังพูดให้เขามั่นใจ
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีอะไรต้องกังวลจริงๆ แม้ว่าจะเป็นวิธีการสังเกตจักรวาลก็ตาม สิ่งเดียวที่เขากังวลคือความแข็งแกร่งทางจิตของเขาไม่เพียงพอ และเขาไม่สามารถไปถึงเกณฑ์การฝึกฝนได้
เพราะถ้ามันอันตรายจริงๆ เขาก็แค่เพิ่มแต้มค่าประสบการณ์
“เหมิงหยู ช่วยบอกวิธีการสังเกตดวงจันทร์ให้ข้าได้ไหม?”
"อืม ได้แน่นอนอยู่แล้ว"
เหมิงหยูพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และเธอก็บอกวิธีการสังเกตดูดวงจันทร์ออกมาในครั้งเดียว
เฉินฟานมองไปที่แถบทักษะ และแน่นอนว่ามีตัวอักษรเล็กๆ เรียงอยู่
【วิธีการสังเกตดวงจันทร์: ขั้นไม่รู้อะไรเลย (0%) และพลังจิตของท่านน้อยกว่า 20 แต้ม ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถฝึกฝนได้】
เมื่อเห็นตัวอักษรเล็กๆ ด้านหลัง รูม่านจาของเฉินฟานก็หดตัวลงเล็กน้อย
มีข้อกำหนดสำหรับความแข็งแกร่งทางจิตอีกด้วยงั้นหรือ?
เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะพลังจิตในปัจจุบันของเขาอยู่ที่ 17 แต้มเท่านั้น และยังมีช่องว่างสามแต้มจาก 20 แต้ม
ในขณะนี้เขาเข้าใจอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเครือแล้ว
ดูเหมือนว่าพลังจิตของผู้อเวคธรรมดาควรจะเป็นสองเท่าของคนปกติหรือป่าวนะ?
แต่ตอนนี้เขาทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเกือบสิบเท่า และทำให้เขาทะลวงไปสู่ขอบเขตการปรับแต่งกล้ามเนื้อ แต่เขาแค่ยังไปไม่ถึงเกณฑ์การอเวคก็เท่านั้น
แน่นอนว่ารากฐานของเขายังต่ำเกินไป หากเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งกว่านี้ เขาจะพัฒนาเร็วขึ้นมากโดยธรรมชาติ
“เป็นอย่างไรบ้างเฉินฟาน ให้ข้าพูดให้ฟังอีกสักสองสามครั้งหรือป่าว?”
เหมิงหยูพูดออกเบา ๆ "ถ้าท่านจำไม่ได้ ข้าสามารถหากระดาษแผ่นหนึ่งแล้วจดให้ได้ แต่ถ้าท่านมีคำถามใดๆระหว่างทางกลับไปฝึกฝน ข้าอาจไม่สามารถช่วยท่านได้"
หลังจากที่เธอพูดจบ ใบหน้าของเธอก็มีสีหน้าอับอายเล็กน้อย
เพราะยังไงซ่ะตอนนี้เธอก็ฝึกยังไม่ถึงครั้งขั้นด้วยซ้ำ
"ข้าจำมันได้แล้ว"
เฉินฟานยิ้มให้เธอ
ดวงตาของเหมิงหยูเบิกกว้างทันทีและใบหน้าของเธอก็แดง เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงตัวเอง พี่สาวของเธอพูดหลายสิบครั้งก่อนที่เธอจะจำได้
เมื่อเทียบกับเฉินฟานที่อยู่ตรงหน้าเขา มันเป็นโลกที่แตกต่างกันจริง
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะศึกษาวิธีการสังเกตดวงจันทร์นี้อย่างจริงจังหลังจากที่ข้ากลับไป และข้าจะบอกท่านทันทีที่ได้รับผลลัพธ์อะไร”
เฉินฟานปลอบใจเธอ
"จริงหรือ?"
เหมิงหยูทั้งประหลาดใจและมีความสุข "เอาล่ะ เฉินฟาน ขอบใจท่านมาก"
"ไม่หรอก เป็นข้าต่างหากที่ควรขอบคุณท่าน"
เฉินฟานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย แต่กลับอีกฝ่ายที่มาขอบคุณเขาซะงั้น
ตลกดี
“อย่าลืมกินข้าวโลหิตบนโต๊ะนี้ด้วยนะ มันอาจช่วยให้จิตใจแข็งแกร่งขึ้นด้วย” เฉินเตือน "ถ้ากินหมดแล้วสามารถมาหาข้าได้ตลอดเวลา"
"ตกลงๆ"
เหมิงหยูพยักหน้า เธอรู้สึกได้ว่าเฉินฟานห่วงใยเธอจริงๆ
“เอาล่ะ วันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ข้าจะไปฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากท่านสนใจ ท่านสามารถมาฝึกกับพวกเราได้”
เฉินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสนอแนะออกไป
เขาไม่รู้ว่าผู้อเวคระดับสูงเหล่านั้นได้รับการฝึกฝนอย่างไร หรือว่าพวกเขาจะใช้ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเท่านั้น หรือฝึกฝนร่วมทั้งจิตวิญญาณและร่างกายของพวกเขาไปควบคู่กันด้วย
ในมุมมองของเขา ร่างกายและจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และมีข้อบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง บุคคลนั้นก็จะถูกกำหนดให้ไม่สามารถไปได้ไกลมากนัก
"ขะ..ข้าจะลองคิดดู"
เหมิงหยูถอยกลับ
"อืม ก็แล้วแต่เจ้านะ"
เฉินฟานยิ้มให้เธอ
เขาแค่พูดเสนอไป หากอีกฝ่ายไม่เต็มใจ เขาก็ไม่สามารถบังคับเธอได้
หลังจากดูเฉินฟานจากไป เหมิงหยูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่จะเกิดกับหมู่บ้าน แต่เฉินฟานบอกว่าบุคคลนั้นไม่รู้จักตัวตนของเขาและคนอื่นๆ ดังนั้นเธอทำเพียงขอบคุณพระเจ้าเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่คาดไม่ถึงอีกแล้ว
สายตาของเธอจ้องมองไปที่ถุงบนโต๊ะ และเธอก็ยิ้มออกมาอย่างรู้เท่าทัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงข้อเสนอของเฉินฟานก่อนออกเดินทาง เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเธอนั้นสามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้หรือไม่? แต่ไม่ว่าจะฝึกฝนสักเท่าไรก็คงไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของคนพวกนั้นได้ใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ใจของเธอก็หนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง
เฉินฟานเดินอย่างเหม่อลอยระหว่างทางกลับ
เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้รับสิ่งที่ต้องการมาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เขาไม่ได้คาดหวังว่าเทคนิคการฝึกฝนจิตวิญญาณจะหล่นลงมาใส่มือของเขาอย่างนี้
เขาควรจะคิดเรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้อเวคจะมีเทคนิคการฝึกฝนเฉพาะตัว
"ก็ยังไม่สายเท่าไหร่หรอก"
เขาส่ายหัว ถ้าเขาไม่พัฒนามิตรภาพของเขากับเหมิงหยูจนถึงระดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่สามารถได้รับวิธีการสังเกตดวงจันทร์ง่ายๆเช่นนี้อย่างแน่นอน
และถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ทั้งมิตรภาพและเทคนิคลับ
แต่มีข่าวร้ายอีกอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะได้รับ [วิธีการสังเกตดวงจันทร์] แล้ว แต่ค่าสถานะจิตวิญญาณของเขายังไม่ถึงตามข้อกำหนด อย่างน้อยที่สุดเขาต้องเพิ่มระดับถึงสองครั้ง หรือทะลวงขอบเขตถึงจะสามารถถึงตามข้อกำหนดได้
“ทำได้แค่รอเวลาเท่านั้น อาจจะใช้เวลาเพียงสองหรือสามวัน จากนั้นข้าก็จะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณได้แล้ว”
มีรอยยิ้มที่มุมปากของเฉินฟาน ตอนนี้ถึงเวลาพบกับลุงจางและได้เวลาฝึกฝน [การย่างก้าวขั้นพื้นฐาน] แล้ว
ค่าสถานะความคล่องตัวของเขาน่าจะได้เวลาเพิ่มแล้ว
"เช่นนั้นหรือ?"
ในกระท่อมนั้นหลังจากฟังคำพูดของเฉินฟานแล้ว จางเหรินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่น่าแปลกใจเลย เมื่อเจ้าจากมาเมื่อวานนี้ที่ไม่มีใครไล่ตามเจ้ามา บุคคลนั้นมีความคิดนี้ด้วยเจตนาร้ายจริงๆ”
"ใช่"
เฉินฟานพูดด้วยอารมณ์ "วิธีที่ดีที่สุดคือจัดการกับพวกเขาทันที เพื่อไม่ให้มีรัตติกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง(ตื่นสายแล้วฝันไปมั่ว) อย่างไรก็ตามที่ข้าไม่ลงมือตอนนั้นเพราะข้ากังวลว่าแม้ว่าข้าจะสามารถต่อสู้หกต่อหนึ่งได้ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนี ถ้าเป็นเช่นนั้นสถานการณ์ก็จะยุ่งยากเข้าไปอีก และข้าอาจจะไม่สามารถออกจากซ่งเจียเป่าได้”
“เจ้าทำถูกแล้ว”
จางเหรินพยักหน้า "ซ่งเจียเป่าไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้ในตอนที่ข้าแข็งแกร่งแต่ข้าก็ไม่มั่นใจ 100% ว่าจะรอดออกมาได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องตัวเอง และคนเหล่านั้นเราสามารถจัดการพวกมันที่หลังได้ อย่างเป็นความลับสำหรับเราสองคน"
"อืม"
เฉินฟานตอบรับ
ตอนนี้เขาทำได้แค่สามารถแก้ไขตามสถานการณ์ในปัจจุบันไปก่อน จากนั้นจึงรอเวลาพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไป
ถ้าความแข็งแกร่งเพียงพอ แม้ว่าทั้งโลกจะรู้ว่าเขามีฝูงสัตว์พาหนะ แล้วไงล่ะ?
“ลุงจาง ข้าจะออกไปสกัดกั้นคนเหล่านั้นในยามมืดมิด ความปลอดภัยของหมู่บ้าน…”
“ไม่ต้องกังวล” ก่อนที่เฉินฟานจะพูดจบ จางเหรินพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าพวกเขาบุกเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ข้าอาจไม่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ทันที แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ถูกกำหนดให้ล้มเหลวแล้ว"
เฉินฟานยิ้มออกมา ทั้งสองลงมือพร้อมกันแม้ว่าจะมีอุบัติเหตุก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
“ลุงจาง ตอนที่ข้าไปซงเจียเป่าครั้งนี้ ข้าได้ซื้อคันธนูยาว 500 ปอนด์มาสองคันด้วย ท่านเห็นมันตอนที่ข้ามาถึง และหลังจากฝึกซ้อมแล้วข้าจะไปเอามันมาให้ท่านร”
“ยังไงก็เถอะ มีข้าวโลหิตอยู่ 30 ปอนด์ คุณค่าทางโภชนาการเกือบจะเหมือนกับเนื้อสัตว์ขั้นกลาง ข้าซื้อไม่ได้มากเกินนักเพราะข้ากังวลว่าจะนำกลับมาได้ยาก ไปรอบหน้าข้าจะซื้อมาให้ท่านอีก”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved