ตอนที่ 340 : ก่อสร้างประตูชัย! ความก้าวหน้าของจ้าวฉางโจว!

ในเวลาเดียวกัน ซ่างโป้ก็สังเกตเห็นสีหน้าของโจวโจว

“อัศวินทลายทัพทั้ง 100 คนนี้ต่างก็เป็นทหารระดับจักรวรรดิซึ่งถูกเลี้ยงดูอย่างระมัดระวังจากวิหารอัศวินของพวกเรา การลงทุนในพวกเขาเพียงคนเดียวก็สูงถึงหลายล้านแกนหมอกระดับแพลตตินั่มขาวแล้ว! เจ้าต้องรู้อีกว่ามันมีอัศวินทลายทัพเพียง 10,000 คนเท่านั้นในวิหารอัศวินของพวกเรา”

“พวกเขาถูกฝึกฝนมาเพื่อทำหน้าที่ตามที่กำหนดเอาไว้ แต่เพราะเจ้า พวกเราจึงต้องส่งมอบอัศวินทลายทัพ 100 คนให้กับเจ้า เป็นยังไง? อัศวินทลายทัพ 100 คนและมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญอีกอัน ตอนนี้เจ้ายังรู้สึกว่าเจ้าขาดทุนอยู่ไหม?”

ซ่างโป้ถาม

“ย่อมไม่ขาดทุนอยู่แล้ว ข้าไม่เคยรู้สึกเลยว่าข้ากำลังขาดทุนอยู่” โจวโจวยิ้ม

ถ้าเขาบอกว่าเขากำลังขาดทุน ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นการตบหน้าพวกเขาเหรอ?

เพราะพวกเขาจะกลายเป็นลูกน้องของเขาในอนาคต เขาจึงต้องไว้หน้าอัศวินพวกนี้บ้าง

นอกจากนี้ พวกเขายังคุ้มค่าจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้น ถ้ามีโควต้าในการชุบชีวิตอีก จงจำไว้ว่าต้องให้ความสำคัญกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราก่อน ข้าจะไม่พูดอะไรเยอะและจะไม่กดดันเจ้าด้วย แต่ข้าจะบอกแค่ว่าผู้กล้าคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการวัดความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ ยิ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรามีผู้กล้ามากเท่าไร พวกเราก็จะยิ่งเอาตัวรอดไปได้ในโลกอันแสนอันตรายเช่นนี้ในอนาคต”

ซ่างโป้กล่าว

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ราวกับว่าเขาดูเหมือนจะไม่มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคต

โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมาและพยักหน้าอย่างใจเย็นเท่านั้น

“ถ้าข้าสามารถชุบชีวิตผู้กล้าได้ในอนาคต ข้าจะใช้ชุบชีวิตให้กับผู้กล้าเผ่าพันธุ์มนุษย์แน่นอนขอรับ”

เขาเองก็เป็นมนุษย์

เขาเต็มใจที่จะแบกรับความรับผิดชอบนี้

นอกจากนี้วิหารอัศวินยังดูแลเขาดีมากเพราะเจตจำนงผู้พิฆาตมังกร

ถ้าเขาสามารถช่วยวิหารอัศวินได้ในอนาคต เขาก็ย่อมต้องช่วยอีกฝ่ายแน่ๆ

ซ่างโป้มองมาที่โจวโจวและพยักหน้าด้วยความโล่งอก

หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ไม่พูดอะไรกันอีก

หลังจากโจวโจวกล่าวลาซ่างโป้และร็อบแล้ว เขาก็ออกมาจากวิหารอัศวินพร้อมกับอัศวินทลายทัพ 100 คน และมาพบกับไป่อี้ โดยบอกให้เธอจัดการให้พวกเขาเข้าร่วมกับกองทัพตะวันสาดแสง ในอนาคตไป่อี้ อู๋ซิน และคนอื่นๆ จะต้องรับผิดชอบในการบัญชาการคนพวกนี้

จากนั้นโจวโจวก็กลับไปยังปราสาทของลอร์ด

เมื่อเขากลับมาถึงที่ทางเข้าของปราสาท เขาก็เห็นอู๋ตู่กำลังรอเขาอยู่แล้ว

“เข้ามาสิ”

โจวโจวรู้ได้โดยไม่ต้องคิดว่าอีกฝ่ายคงมาเพื่อมอบแผนที่ฉบับล่าสุดให้กับเขา

จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในปราสาทของลอร์ดและตรงไปยังห้องประชุมทันที

ในห้องประชุม โจวโจวมองไปยังแผนที่ในมือ

แผนที่นี้แสดงอาณาเขตภูมิภาคที่เพิ่งค้นพบซึ่งนำโดยอู๋ตู่และกองทัพวาดสวรรค์

ดินแดนภูมิภาคที่ค้นพบในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของอาณาจักรใดๆ แต่เป็นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของดินแดนรกร้างว่างเปล่ารอบๆ เมืองรัตติกาลทมิฬ เมืองปฐมอาณาจักร เมืองตัวต่อสีแดง และสถานที่อื่นๆ

มันประกอบไปด้วยภูมิภาคระดับเหล็กดำ 6 แห่ง ระดับบรอนซ์เขียว 3 แห่ง ระดับเงินขาว 2 แห่ง ระดับทองคำเหลือง 2 แห่ง และระดับแพลตตินั่มขาว 1 แห่ง

โจวโจวพยักหน้าเล็กน้อย

เขาสามารถพิชิตภูมิภาคเหล่านี้ได้ในวันพรุ่งนี้

หลังจากนั้นเขาก็คุยกับอีกฝ่ายสักพักก่อนที่อู๋ตู่จะจากไป

หลังจากที่อู๋ตู่จากไปแล้ว โจวโจวก็ครุ่นคิดและยืนยันแล้วว่าเขาไม่มีอะไรให้ทำอีก ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องนอนเพื่อพักผ่อน

ในเวลาเดียวกัน ณ นอกเมืองตะวันสาดแสง

ประตูเมืองสีทองแห่งใหม่ที่สูงตระหง่านตั้งอยู่

มันสูงห้าถึงหกร้อยเมตรและกว้างมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร

เหนือประตูเมืองนี้มีรูปปั้นสีทองอันหนึ่ง!

รูปปั้นนั้นเป็นทหารสวรรค์ที่หล่อเหลาซึ่งขี่รถม้าสวรรค์ที่หรูหรา ควบม้าอย่างกล้าหาญผ่านก้อนเมฆ

“ประตูชัยเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตามที่คาดไว้จากสิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์ ข้าได้ประโยชน์มากมายจากการก่อสร้างนี้เลย”

ตรงหน้าประตูชัย มันมีผู้คนกว่า 10,000 คนมารวมตัวกันที่นี่

ในจำนวนนี้มีทั้งสถาปนิก ช่างตีเหล็ก ช่างไม้ ช่างแกะสลัก ทหาร และผู้เชี่ยวชาญทุกประเภท

ตรงหน้าของพวกเขา จ้าวฉางโจวก็ดูเหนื่อย แต่ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายในขณะที่เขามองไปยังสิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์

นับตั้งแต่วัดบรรพบุรุษจักรพรรดิ นี่คือสิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์อันที่สองที่เขาได้สร้าง

เวลาก่อสร้างระหว่างทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่วัน

มันอาจกล่าวได้ว่าในฐานะสถาปนิก มันเป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจมากที่ได้สร้างสิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์สองอันติดต่อกัน

เขามองดูข้อมูลของตัวเอง

เขาพบว่าเขาได้เลื่อนระดับจากสถาปนิกระดับเพชรขั้นต้นมาเป็นสถาปนิกระดับเพชรขั้นสูงแล้ว

“ข้าสงสัยเหลือเกินว่าข้าจะสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตของระดับเหนือสามัญก่อนข้าตายได้ไหม”

จ้าวฉางโจวคิดกับตัวเอง

จากนั้นเขาก็คิดถึงลอร์ดของเขาที่ทำให้เขาประหลาดใจได้ซ้ำๆ

ในเวลานั้น เขาก็รู้สึกว่าเขาอาจจะบรรลุความสำเร็จเช่นนั้นได้จริงๆ

วันต่อมา

โจวโจวตื่นขึ้นมาและพบว่าไม่เพียงแต่จ้าวฉางโจวจะสร้างประตูชัยเสร็จแล้ว แต่เขายังเลื่อนระดับขึ้นเป็นสถาปนิกระดับเพชรขั้นสูงแล้วด้วย

“ฉันได้ฟังข่าวดีถึง 2 ข่าวเลยเมื่อฉันตื่นขึ้นมา ดีจริงๆ”

โจวโจวพูดด้วยความพึงพอใจ

จากนั้นเขาก็ไปพบกับจ้าวฉางโจวทันทีและถามว่าเขาสามารถสร้างหอคอยออโรร่าระดับเพชรขั้นสูงได้ไหม

“ข้าเริ่มการศึกษาหอคอยออโรร่าระดับเพชรขั้นสูงแล้วขอรับ แต่ข้าก็ต้องใช้เวลาอีกสักวันสองวันเพื่อศึกษามัน”

จ้าวฉางโจวไม่ได้รับประกันอะไร แต่ถึงกระนั้นโจวโจวก็ยังอดตั้งตารอไม่ได้

หอคอยออโรร่าระดับเพชรขั้นต้นก็สามารถคุกคามชีวิตของยอดฝีมือระดับเหนือสามัญได้แล้ว แล้วถ้าเป็นระดับเพชรขั้นสูงล่ะ?

ไม่ใช่ว่ามันจะสามารถทำอันตรายให้กับผู้กล้าระดับเหนือสามัญหรือยอดฝีมือระดับมหากาพย์ได้เลยเหรอ?

เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและได้มอบเค้กน้ำผึ้งโลหิตราชา 2 อันให้กับจ้าวฉางโจว

เค้กน้ำผึ้งโลหิตราชา 2 อันนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้จ้าวฉางโจวฟื้นคืนรูปลักษณ์และร่างกายกลับมาสู่ช่วงวัยเยาว์ได้ นอกจากนี้มันยังเพิ่มอายุขัยให้กับเขาได้อีก 10 ปี

มันถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการที่จ้าวฉางโจวสร้างประตูชัยได้สำเร็จ

“ขอบคุณขอรับท่านลอร์ด!”

เมื่อจ้าวฉางโจวเห็นเอฟเฟกต์ของเค้กน้ำผึ้งโลหิตราชา เขาก็อึ้งไปในทันที จากนั้นเขาก็ซาบซึ้งมากจนเขาต้องคุกเข่าลงกับพื้น

โจวโจวรีบประคองเขาขึ้นมา

“ผู้อาวุโสจ้าว ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้ ท่านพยายามอย่างหนักและคู่ควรแล้วที่จะได้รับรางวัลนี้”

เขาพูดอย่างจริงจัง

ในแง่ของคนที่ทำงานหนักที่สุดในดินแดน นอกจากเจิ้งหยวนฉีที่รับผิดชอบในกิจการงานต่างๆ ภายในดินแดนแล้ว มันก็คงจะเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าของเขา – จ้าวฉางโจว

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอะไรอื่นเลย ผู้อาวุโสจ้าวรับผิดชอบในการวางแผนการก่อสร้างของทั้งเมืองตะวันสาดแสงเพียงลำพังและยังเตรียมการสำหรับแผนการก่อสร้างเมืองใหม่ที่ดำเนินการเมื่อไม่นานมานี้ด้วย

ทัศนคตินี้หมายความว่าเขาต้องการทำให้ดีที่สุดจนกว่าเขาจะตาย

อย่างไรก็ตาม โจวโจวก็ไม่อยากให้ผู้มีคุณูปการใหญ่เช่นนี้ต้องตายไปอย่างกะทันหันจากความเหนื่อยล้า ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมอบเค้กน้ำผึ้งโลหิตราชาให้กับเขา

หลังจากนั้นโจวโจวและจ้าวฉางโจวก็คุยกันเกี่ยวกับแผนการก่อสร้าง ก่อนที่เขาจะเดินไปยังประตูอัญเชิญเพื่ออัญเชิญลูกน้องของวันนี้ออกมา

ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้น

[ท่านต้องการอัญเชิญหรือไม่?]

“ต้องการ!”

โจวโจวมองไปยังประตูอัญเชิญที่อยู่ตรงหน้าของเขา

อึดใจต่อมา ประตูอัญเชิญก็เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า จากนั้นก็มีลูกน้องจำนวนมากเดินออกมา

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลูกน้องใหม่ 725 คนก็เดินออกมาจนครบ

“คาราวะท่านลอร์ด!” x725

ลูกน้องใหม่ 725 คนกล่าวแสดงความเคารพ

“ยินดีต้อนรับสู่เมืองตะวันสาดแสง”

โจวโจวกล่าว

จากนั้นเขาก็บอกให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนยืนขึ้นและพบว่าเขาได้รับผู้เชี่ยวชาญมาทั้งหมด 30 คน

ในจำนวนนี้ประกอบไปด้วยสถาปนิกระดับทองคำเหลืองขั้นกลาง 1 คน ช่างตีเหล็กระดับทองคำเหลืองขั้นกลาง 1 คน พ่อค้าระดับทองคำเหลืองขั้นกลาง 1 คน และช่างแกะสลักระดับทองคำเหลืองขั้นกลาง 1 คน!

นอกจากนี้ยังมีช่างตัดเสื้อระดับทองคำเหลืองขั้นต้น 3 คน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับทองคำเหลืองขั้นต้น 2 คน และนักผจญภัยระดับทองคำเหลืองขั้นต้น 3 คน ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเงินขาว ระดับบรอนซ์เขียว และระดับเหล็กดำ

โจวโจวพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะอัญเชิญผู้เชี่ยวชาญออกมาได้ไม่เท่าเมื่อวาน แต่มันก็ไม่ต่างกันนัก

ในเวลานั้นเอง แสงสว่างสายหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นมาในระยะไกล

มันคือแสงจากค่ายกลข้ามมิตินั่นเอง

ไป่อี้และคนอื่นๆ กลับมาแล้ว

“ฉันสามารถทดสอบเอฟเฟกต์ของประตูชัยได้แล้ว”

หัวใจของโจวโจวเต้นผิดจังหวะ