ดวงตาของโจวโจวเปล่งประกายขึ้นเมื่อเขาเห็นความสามารถของใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพฤกษามารดาเอลฟ์
สุดยอด!
ความารถของมันเทียบได้กับโอกาสในการฟื้นคืนชีพเลย
ตามที่คาดไว้จากจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเอลฟ์ เธอช่างใจกว้างจริงๆ!
“เมื่อเจ้ากลับไปก็ช่วยขอบคุณฝ่าบาทแทนข้าด้วยละกัน! ข้าชอบของขวัญนี้มากเลย”
โจวโจวยิ้มและเก็บมันไป
นาเดียยิ้มและพยักหน้า
ทั้งสี่คนคุยกันต่อสักพัก จากนั้นโจวโจวก็ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ทุกคน มันสายแล้ว มันเกือบจะได้เวลาที่ข้าต้องไปปรากฏตัวแล้ว ไปร่วมพิธีกันก่อนเถอะ”
วันนี้เป็นงานพิธีสถาปนา ดังนั้นเขาย่อมไม่อาจใช้เวลากับคนพวกนี้ต่อไปได้
“ได้สิ”
ราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ ภรรยาของมัน และนาเดียพยักหน้าตกลง
จากนั้นพวกเขาก็เดินไปยังสถานที่จัดงาน
…
จากนั้นโจวโจวก็ได้เข้าร่วมในพิธีสถาปนา
ในระหว่างนี้ พิธีสวนสนามของกองทัพก็ถูกจัดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อผู้กล้าอย่างไป่อี้ อู๋ซิน ซวีอัน เกาเฉียว และมังกรอีกหลายๆ ตัวปรากฏขึ้น แม้ว่าแขกทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าใจและเตรียมใจมาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังอดตกตะลึงกับภาพฉากนี้ไม่ได้
“นี่มันคืออาณาจักรขั้นต้นที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นมางั้นเหรอ? ในแง่ของจำนวนผู้กล้านั้น ข้าเกรงว่ามันจะเหนือกว่าอาณาจักรขั้นกลางไปแล้วด้วยซ้ำ”
ราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์มองไปยังเหล่าผู้กล้าและอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ข้าไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้ที่ยังต้องให้พวกเราช่วยเหลือเมื่อวันนั้นจะเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเราได้แล้ว”
ราชินีแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ถอนหายใจออกมา
“ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเรางั้นเหรอ? ข้าคิดว่ามันอาจจะเหนือกว่านั้นอีกนะ อย่าลืมว่านี่เป็นแค่การโชว์ในงานสถาปนาเท่านั้น ด้วยประสบการณ์ในอดีตของราชาองค์ใหม่นี้ เขาคงไม่โง่พอที่จะแสดงขุมกำลังทั้งหมดออกมาแน่ๆ ราชาตะวันสาดแสงผู้นี้น่าจะซ่อนขุมกำลังเอาไว้อีกเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้นนะ” ราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์พูดออกมา
ราชินีแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์พยักหน้า
“พวกเราปิดผนึกตัวเองอยู่ใต้ดินมานานเกินไป นานแค่ไหนแล้วที่พวกเราไม่เห็นงานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้” เธอกระซิบ
“ตั้งใจดูให้ดี คืนนี้พวกเราจะต้องกลับไปแล้ว”
ราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์คว้ามือของราชินีแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์และพูดออกมาอย่างนุ่มนวล มันเป็นไปไม่ได้สำหรับมันที่จะทำให้อาณาจักรแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ปรากฏขึ้นอีกครั้งเพียงเพราะคำขอของราชินี
มิฉะนั้นกองทัพอันเดดของอาณาจักรแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ก็คงจะนำพาหายนะมาสู่โลกเป็นแน่และอาจจะนำหายนะมาสู่เพื่อนบ้านของพวกมันอย่างราชาตะวันสาดแสงได้
ตัวตนของอาณาจักรแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์นั้นคือบาปที่พวกมันก่อขึ้นมาด้วยตัวเอง
เพื่อปิดผนึกบาปนี้เอาไว้ พวกมันจึงไม่ลังเลแม้จะต้องถูกผนึกเอาไว้ใต้ดินไปตลอดกาล
พวกมันเคยทำพลาดไปแล้ว และพวกมันจะไม่ทำพลาดซ้ำอีก!
ราชินีแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์เม้มปากและมองไปยังภาพอันยิ่งใหญ่ตรงหน้าของเธอ น้ำตาคริสตัลไหลออกมาจากขอบตาของเธอโดยไม่รู้ตัว
อีกด้านหนึ่ง
เอลฟ์ศรเพลิงโลหิตรุ่นแรกนาเดียก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้หลังจากได้เห็นการสวนสนาม
“เขาทำได้ยังไงกัน? เขาเติบโตขึ้นขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้เหรอ? ไม่แปลกใจเลยที่ฝ่าบาทให้คุณค่ากับโจวโจวมากขนาดนี้ จากแค่ขบวนสวนสนาม โจวโจวก็สมกับเป็นผู้มีศักยภาพที่ควรให้คุณค่าด้วยจริงๆ”
นาเดียคิดกับตัวเอง
เธอมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับการก่อตั้งอาณาจักรของโจวโจว นอกจากนี้เธอยังมาเพื่อถ่ายทอดความเมตตาขององค์จักรพรรดินีด้วย ส่วนเหตุผลสุดท้าย มันเป็นเพราะเธออยากมาเห็นอาณาจักรของโจวโจวเพื่อกลับไปรายงานต่อองค์จักรพรรดินี
พิธีสถาปนานี้ไม่ใช่ความลับอะไร มันได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนนับหมื่นแล้ว
เหตุผลว่าทำไมองค์จักรพรรดินีรับสั่งเป็นพิเศษให้รายงานสถานการณ์ของอาณาจักรโจวโจวตามความเป็นจริงก็คือ พระองค์อยากจะลงทุนในตัวโจวโจว!
อันที่จริง จักรพรรดินีเอลฟ์ต้นกำเนิดนั้นก็อยากจะลงทุนในตัวโจวโจวมาตั้งนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นโจวโจวก็เป็นแค่ลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ทั่วๆ ไป แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับสถานะของลอร์ดมือใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดมาและได้รับการปกป้องจากเจตจำนงสูงสุด แต่มันก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขายังไม่ใช่ลอร์ดระดับอาณาจักรด้วยซ้ำ
เนื่องจากข้อตกลงสูงสุด แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเอลฟ์ แต่เธอก็ไม่สามารถแทรกแซงได้มาก
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ที่โจวโจวได้ก่อตั้งอาณาจักรขั้นต้นขึ้นมาแล้วและกลายเป็นลอร์ดระดับอาณาจักร แม้ว่าฝ่ายเช่นนี้จะยังไม่คู่ควรให้พูดถึงในสายตาของจักรวรรดิเอลฟ์ แต่มันก็ถึงระดับที่พวกเขาสามารถพูดถึงได้แล้ว
จักรวรรดิเอลฟ์ยังสามารถดำเนินการช่วยเหลือและมอบการสนับสนุนแบบลับๆ ได้
สำหรับเรื่องที่ว่าพวกเขาจะลงทุนยังไงและลงทุนแค่ไหน มันก็คงจะขึ้นอยู่กับรายงานของนาเดียเมื่อเธอกลับไป
นาเดียไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอย่อมตัดสินใจว่าจะรายงานตามความเป็นจริงเมื่อเธอกลับไป เธอย่อมไม่กล้าปิดบังอะไรหรือพูดเกินจริงออกไป
จักรพรรดินีไม่ใช่คนธรรมดา แค่ปรายตาดูเธอก็สามารถบอกความจริงได้แล้ว
นอกจากนี้ โจวโจวยังพัฒนาอาณาจักรของตัวเองได้ดีมาก ดังนั้นการรายงานมันตามความเป็นจริงจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในฐานะคนที่มีความสัมพันธ์กับโจวโจวลึกซึ้งที่สุด เธอย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบในการติดต่อและการลงทุนหลังจากนั้น
เมื่อคิดถึงอนาคตที่ว่าเธอจะได้พบกับโจวโจวมากยิ่งขึ้น นาเดียก็อดยิ้มหวานไม่ได้ ทำให้แขกที่อยู่รอบๆ พากันตาลอย
“ท่านคือ… ท่านนาเดียใช่ไหม?”
ในเวลานั้นเอง เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น
นาเดียอึ้งไป เธอหันไปและเห็นแม่ทัพสาวผู้องอาจยืนอยู่ข้างๆ เธอ
เธอสวมชุดลำลอง ทำให้เธอดูเป็นเหมือนทั้งผู้กล้าและผู้หญิงธรรมดาเท่านั้น
“เจ้าคือ… เอลฟ์ศรเพลิงโลหิตรุ่นสอง—ไป่อี้ใช่ไหม?”
นาเดียยืนขึ้นและมองไปที่ไป่อี้ด้วยความประหลาดใจ
ไป่อี้พยักหน้า
“ข้าขอนั่งข้างๆ ได้ไหม?” ไป่อี้ถาม
“ได้สิ” นาเดียพยักหน้าทันที
เนื่องจากออร่าของความงามและสถานะของจักรวรรดิ มันจึงไม่มีใครที่อยู่ใกล้ๆ กล้านั่งที่ที่อยู่ติดกับเธอเลย
ไป่อี้ยิ้มและนั่งลง
นาเดียรู้สึกได้ถึงออร่าของอีกฝ่ายและประหลาดใจเล็กน้อย
สายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับสูง?
เธอจำได้ว่าเมื่อตอนที่เธอกลายเป็นผู้กล้าตอนแรก สายเลือดของเธอก็เป็นแค่สายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับทั่วไปเท่านั้น พูดตามหลักการแล้ว สายเลือดที่ถูกบรรจุเอาไว้ในมรดกผู้กล้าก็น่าจะเป็นสายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับทั่วไปเท่านั้น
หรือว่าอีกฝ่ายจะได้รับโอกาสที่ช่วยเพิ่มระดับสายเลือดมา?
นาเดียคิดกับตัวเอง
โอกาสที่สามารถเพิ่มระดับสายเลือดได้นั้นหายากมากๆ
เธอเพิ่งเปลี่ยนสายเลือดเอลฟ์พฤกษาของเธอให้กลายเป็นสายเลือดเอลฟ์เพลิงโลหิตหลังจากองค์จักรพรรดินีจ่ายราคาออกไปก้อนโต
สายเลือดผสมที่หายากอย่างยิ่งนี้มีระดับสูงกว่าสายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับสูงแค่หนึ่งระดับเท่านั้น
เธอไม่ได้ปิดบังความสงสัยเอาไว้และถามออกมาตรงๆ และเธอยังได้บอกอีกฝ่ายด้วยว่าถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องตอบก็ได้
“ไม่เลย! ฝ่าบาทเป็นคนช่วยข้าเลื่อนระดับสายเลือดนี้ด้วยวิธีการพิเศษของท่าน” ไป่อี้ยิ้ม
นาเดียพยักหน้าตามที่คาดเอาไว้
เธอก็สัมผัสได้ถึงออร่าของสายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับสูงบางๆ จากโจวโจวด้วยเหมือนกัน
ในเวลานี้ โจวโจวก็ยิ่งลึกลับขึ้นในสายตาของนาเดีย
“เจ้าได้สร้างเส้นทางของตัวเองแล้วเหรอ?”
นาเดียสังเกตอยู่สักพักก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
อีกฝ่ายได้สร้างเส้นทางของตัวเองขึ้นมาแล้ว นี่หมายความว่าผู้กล้าที่อยู่ตรงหน้าของเธอไม่ได้ถูกจำกัดไว้ด้วยมรดกผู้กล้าอีกต่อไป อนาคตของเธอเรียกได้ว่าไม่อาจประเมินได้แล้ว
ไป่อี้ยิ้มและพยักหน้า
นาเดียชื่นชมเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งสองคนเริ่มคุยกันอีกครั้ง
บางทีมันคงเป็นเพราะพวกเธอทั้งคู่คือผู้กล้าสาวและมีสมญานามผู้กล้าว่าเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตเหมือนกัน ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้รู้สึกห่างเหินต่อกันในขณะที่พวกเธอคุยกัน ราวกับว่าพวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแล้ว