ตอนที่ 355

บทที่ 355 ไม่ได้รับอนุญาต!

“ นั่นคนจากดาวราชันสุริยันนี่” ซุยเฮ็งเงยหน้าขึ้นมองและหัวเราะเบาๆ “ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ เป็นชายคนนี้จริงๆ ด้วย”

“ ท่านอาจารย์รู้จักเขาหรอ?” หลี่หมิงเฉียงถามด้วยความสงสัย

“ เราพบกันครั้งหนึ่งระหว่างทางกลับจากดาวไท่ชาง” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ ออกไปดูกันว่าคนๆ นี้ต้องการจะทำอะไร”

การมาถึงอย่างกะทันหันของเฟิงกวงหลินทำให้พระราชวังต้าโจวเข้าสู่สภาวะตึงเครียด

ทหารรักษาการณ์ของพระราชวังจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเรียกรวมพลและออกมาปกป้องพระราชวังอย่างแน่นหนา

ระดับการฝึกตนของทหารเหล่านี้ไม่ใช่ต่ำๆ นอกจากนี้ พวกเขาก็ยังสวมชุดเกราะพิเศษและถืออาวุธพิเศษไว้ในมือ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับผู้สร้างอย่างเฟิงกวงหลิน พวกเขาก็ไม่มีความหมายอะไรเลย เฟิงกวงหลินปรากฏตัวขึ้นเหนือพระราชวังและยังไม่ได้ริเริ่มที่จะเปล่งออร่าใดๆ ออกมา อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ทำให้ทหารรักษาการณ์ในพระราชวังเหล่านี้ต่างพากันรู้สึกหวาดกลัวได้แล้วร่างกายของพวกเขาเองก็สั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้

สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแค่ความกล้าหาญเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับความกลัวโดยสัญชาตญาณ

ผู้สร้างนั้นทรงพลังเกินไป!

เฟิงกวงหลินมองลงไปที่ทหารที่ตัวสั่นและเย้ยหยัน เขาคิดกับตัวเองว่า “ พวกฝูงมด!”

“ ภายในสามลมหายใจ ถ้าพวกเจ้ายังไม่ออกมา ข้าก็จะฆ่าฝูงมดข้างล่างนี้เพื่ออบอุ่นร่างกายซะก่อน ถือซะว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยก็แล้วกัน”

อาจเป็นเพราะความคิดของเขานั้นเสียงดังไปหน่อย เขาถึงได้สร้างเจตนาฆ่าที่ชัดเจนขึ้นมาในทันที

ชั่วพริบตา ท้องฟ้าในรัศมี 100,000 กิโลเมตรก็ปั่นป่วน

กลางวันกลายเป็นกลางคืนในทันที ท้องฟ้ามืดลงและพื้นดินก็สั่นสะเทือน

ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำทั้งใต้ดินและบนต้นไม้ต่างก็เริ่มพากันวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก

ราวกับว่าพวกเขากำลังคาดเดาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

“ เจ้าต้องการจะทำอะไร?” ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีก็ปรากฎตัวขึ้น เขาเดินออกมาข้างหน้าเหล่าทหารทั้งหมดและมองตรงไปที่เฟิงกวงหลิน เขาพูดเสียงจริงจัง “ คำเชิญแบบนี้มันไม่หยาบคายไปหน่อยหรอ?”

แม้ว่าระดับการฝึกตนของเขาจะอยู่ที่ขอบเขตปราชญ์เท่านั้นและยังไม่ถึงขอบเขตราชาปราชญ์ แต่แก่นแท้ของความแข็งแกร่งของเขานั้นก็ได้รับการมอบมาโดยพลังธรรมของซุยเฮ็ง ดังนั้นมันจึงพิเศษเล็กน้อย

สิ่งนี้ทำให้จิตวิญญาณของเขาได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังธรรมของซุยเฮ็งอยู่ตลอดเวลา และความสามารถของเขาในการทนต่อแรงกดดันโดยธรรมชาติแล้วนั้นจึงเหนือกว่าเหล่าปราชญ์ทั่วๆ ไปและแม้แต่ราชาปราชญ์

“ เป็นเจ้านี่เอง?!” หลังจากที่เฟิงกวงหลินเห็นฮุ่ยฉี เขาก็ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ เจ้ามาจากต้าโจวจริงๆ สินะ ไปเรียกนายของเจ้าก่อนหน้านี้มา”

“ ถ้าเจ้าต้องการจะเชิญนายท่านของข้า งั้นก็โปรดส่งคำเชิญของเจ้ามา” ฮุ่ยฉีไม่ได้สนใจภัยคุกคามนี้ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ แต่ถ้าเจ้าไม่มีแม้แต่คำเชิญ งั้นก็โปรดไสหัวออกไปซะ”

“…” เฟิงกวงหลินตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขารู้สึกงงงวยมาก

จากนั้นเขาก็สังเกตฮุ่ยฉีอย่างระมัดระวัง แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่พบอะไรเลย

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงปราชญ์ธรรมดาๆ เมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่พบกันแล้ว เขาก็ดูไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก

อย่างไรก็ตาม ปราชญ์จะเพิกเฉยต่อออร่าและแรงกดดันของเขาได้อย่างไร? เขาจะไปเอาความกล้าที่จะมาพูดคุยแบบนี้มาจากไหน?

ถึงอย่างนั้น ตราบใดที่บุคคลนี้ยังเป็นแค่เพียงปราชญ์ เขาก็จะไม่สามารถพลิกฟ้าได้อย่างแน่นอน

แม้ว่าระยะห่างระหว่างปราชญ์และผู้สร้างจะดูเหมือนไม่ไกลกันมากนักและมีเพียงขอบเขตราชาปราชญ์เท่านั้นที่คั่นอยู่ แต่กระนั้นแล้ว ช่องว่างระหว่างพวกเขาก็ใหญ่มาก

มันไม่คุ้มเลยที่เขาจะต้องกลัวอีกฝ่าย

ในความเห็นของเฟิงกวงหลิน เขาก็จำเป็นต้องให้ความสนใจกับผู้สร้างทั้งสองในครั้งนี้เท่านั้น

สำหรับปราชญ์ตรงหน้าเขา…

“ คำเชิญหรอ?” การแสดงออกของเฟิงกวงหลินกลายเป็นเย็นชา เขาจ้องมองไปที่ฮุ่ยฉีและเย้ยหยัน “ ถ้าเจ้าต้องการคำเชิญ งั้นข้าก็จะพาเจ้าไปรับมันเอง!”

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เมฆบนท้องฟ้าก็สว่างขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงสีม่วง ในชั่วพริบตา พวกมันก็ควบแน่นเป็นฝ่ามือเปลวเพลิงสีม่วงขนาดใหญ่ซึ่งคว้าจับไปที่ฮุ่ยฉี

เปลวเพลิงสีม่วงอันร้อนแรงแผดเผาโลก ในพริบตาเดียว อุณหภูมิภายในรัศมีหลายหมื่นกิโลเมตรก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในเตาหลอม

ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในจักรวรรดิต้าโจวก็เห็นมือขนาดใหญ่นี้และรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากมือ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลง

เฟิงกวงหลินยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับ เขาระดมพลังสวรรค์และปฐพีจำนวนมหาศาล เขาทำให้ต้าโจวทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล

เขาไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์พิเศษขอบเขตผู้สร้างของเขา และเขาก็ไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ที่ทรงพลังใดๆ เขาใช้เพียงวิธีพื้นๆ เท่านั้น

มันเหมือนกับการที่คนธรรมดาตบโต๊ะอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ในฐานะเป้าหมายของมือสีม่วง ฮุ่ยฉีก็ได้รับแรงกดดันมากที่สุดโดยธรรมชาติ ในขณะนี้ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะมอดไหม้

ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังหรืออวัยวะภายในของเขา มันก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกจุดไฟด้วยอุณหภูมิสูง

และเขาก็ไม่มีที่ว่างให้ต้านทานได้เลย

เขาทำได้เพียงมองดูอย่างหมดหนทางในขณะที่เขาถูกไฟคลอกตาย

“ น่าเบื่อ” เฟิงกวงหลินส่ายหัวเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขามองไปที่ฮุ่ยฉีด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ ก็แค่มด เขาไม่สามารถแม้แต่จะต้านทานพลังเล็กน้อยนี้ได้ แบบนี้แล้วเขากล้าที่จะ…”

ในขณะนี้ เสียงที่สง่างามก็ดังขึ้นขัดจังหวะเฟิงกวงหลิน

“ ในต้าโจว ศิษย์จากตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีพลังพิเศษ”

เสียงนี้ไม่ได้ดัง แต่มันก็ก้องไปทั่วทุกตารางนิ้วของต้าโจว และทุกคนในต้าโจวก็ได้ยินเสียงนี้

ก่อนจบประโยค ทุกคนก็รู้สึกว่าความร้อนได้หายไป มือสีม่วงบนท้องฟ้าได้สลายหายไปในทันที และแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่แต่งเติมโลกก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป

สถานการณ์ในพระราชวังต้าโจวกลับมาเป็นปกติ ทหารองครักษ์ของพระราชวังรู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายของพวกเขาผ่อนคลายลง และพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวและกดดันอีกต่อไป

ฮุ่ยฉีรู้สึกได้ถึงความร้อนและแรงกดดันที่หายไป เขารีบโค้งคำนับไปยังที่มาของเสียงและพูดว่า “ คารวะนายท่าน!”

ไม่ไกล ซุยเฮ็งและหลี่หมิงเฉียงก็กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

ในขณะนี้ เฟิงกวงหลินซึ่งเดิมบินอยู่ในอากาศก็ได้เต็มไปด้วยความกลัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“ เป็นไปได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไรกัน? การฝึกตนของข้า? การฝึกตนของข้าหายไปไหน!”

เขาก้มลงมองไปที่มือของเขาและยังคงส่ายหัว เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

“ อ้ากกก! ม่ายยย!!”

ทันใดนั้น เฟิงกวงหลินก็กรีดร้องออกมาด้วยความกลัว เขาตกลงมาจากท้องฟ้า!

ยอดฝีมือจากตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ผู้สร้างที่ฝึกฝนกายาเต๋ามานานกว่า 10,000 ปีกำลังตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับเป็นคนธรรมดา!

เขาเหวี่ยงแขนและขาอย่างบ้าคลั่งเพื่อพยายามจะรักษาสมดุลเพื่อบิน

แต่สิ่งนี้ก็ไร้ประโยชน์

หลังจากคำพูดของซุยเฮ็งได้ปรากฏขึ้น กฎในต้าโจวทั้งหมดก็เปลี่ยนไป ตราบใดที่พวกเขาเป็นศิษย์จากตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็จะสูญเสียความสามารถทั้งหมดและกลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ

เฟิงกวงหลินเองก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์นี้ในขณะนี้

บู้มมมมม!

เฟิงกวงหลินล้มลงต่อหน้าซุยเฮ็งไม่ไกล หัวของเขามีเลือดไหลเนื่องจากแรงกระแทก